องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 113

ฉินเหยียนมองไปยังจ้าวจีเอ่อร์ที่กำลังตื่นตระหนก ในเวลานี้แม่นางคนนี้ยังคงกระสับกระส่ายและดื้อรั้นเช่นเคย

เขาพูดด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย

“ข้าพูดว่าเจ้าทำอะไร”

ขณะที่เขาพูดเช่นนั้น เขาก็ยื่นมือออกไปหาจ้าวจีเอ๋อร์

จ้าวจีเอ๋อร์คิดว่าฉินเหยียนต้องมีความคิดชั่วร้าย นางจึงถอยหลังไป

“กลางวันแสกๆ เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่?”

โดยไม่คาดคิด ฉินเหยียนคว้าคอเสื้อนางไว้แล้วลากเธอออกมาจากรถม้า พร้อมกับพูดว่า

“วันนี้มีข้าวและเสบียงห้าร้อนสิบสองจิน เจ้ายังไม่ไปรับหรือว่ารอให้องค์ชายเช่นข้ามาส่งให้เจ้า?”

จ้าวจีเอ๋อร์ถูกฉินเหยียนลากไปยังรถม้าที่ขนเสบียงอย่างไม่เต็มใจ

เมื่อถึงรถม้าที่ขนเสบียง ฉินเหยียนปล่อยมือ เอามือลูบคาง ยืนกอดอกและพูดว่า

“ย้ายเสียสิ”

จ้าวจีเอ๋อร์มองไปที่ฉินเหยียนด้วยความโกรธ นางเป็นถึงองค์หญิงสามแห่งอาณาจักรจ้าว โดยปกติแล้วในอาณาจักรจ้าวแม้แต่ชาแก้วหนึ่งยังต้องให้บ่าวนำมาให้นาง แต่ตอนนี้องค์ชายสิบสี่ที่เสียสติคนนี้กลับสั่งให้นางบังคับรถม้าเอง ตอนนี้นางยังต้องขนเสบียงที่หนักกว่าร้อยจินด้วยมือทั้งสองข้างทุกวัน

เมื่อวานที่เหนื่อยสายตัวแทบขาดจากการขนเสบียงอาหารกว่าสองร้อยจิน ไม่ใช่เรื่องง่ายที่นางจะย้ายของเหล่านี้ไปยังรถม้า

หากวันนี้นางต้องขนเสบียงกว่าห้าร้อยจิน นางต้องตายแน่ๆ นางจึงปฏิเสธเสียงแข็ง

“ข้าเป็นถึงองค์หญิงสามแห่งอาณาจักรจ้าว ข้าไม่ย้าย”

ฉินเหยียนพูดด้วยรอยยิ้ม

“เจ้าไม่อยากย้ายก็ย่อมได้ สินสอดที่เสนอให้ถือเป็นอันโมฆะ หลังจากนี้หากเจ้ายอมย้ายเสบียงข้าก็ไม่มีวันให้!”

ขณะที่เขาพูด เขาจงใจยักคิ้วให้จ้าวจีเอ๋อร์

เมื่อท่าทางที่น่าหงุดหงิดของฉินเหยียน จ้าวจีเอ๋อร์โกรธมาก เมื่อคิดว่าจัดหาเสบียงกว่าร้อยวันเพื่อให้ได้จำนวนมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ คงทำให้องค์ชายสิบสี่เป็นบ้าไปแล้ว

กัดฟันและกระทืบเท้า ก็แค่เสบียงร้อยกว่าจิน ย้ายก็ย้าย!

จะต้องมีวันที่ทำให้เขาเสียใจ!

นางพับแขนเสื้อและพยายามลากกระสอบเสบียงออกไป

แต่เมื่อเห็นว่าเสบียงหนักกว่าร้อยจิน ไม่ว่านางจะใช้แรงดึงมากเท่าไหร่ กระสอบเสบียงก็ไม่เคลื่อนตัวเลยแม้แต่น้อย

รถขนเสบียงอยู่ห่างจากรถม้าของนางเพียงยี่สิบเมตร ด้วยความเร็วของนาง แม้จะใช้เวลาทั้งวันก็คงย้ายเสบียงได้แค่ห้าตั้น หากนางย้ายทุกอย่างไปบนรถม้า นางคงเหนื่อยตายเสียก่อน

จ้าวจีเอ๋อร์คิดหาวิธีต่างๆ ในหัวอย่างรวดเร็ว

นึกออกแล้ว!

ดังสุภาษิตที่ว่า มีเงินจะปลุกผีขึ้นมาให้โม่แป้งก็ยังได้ บ้านนอกคอกนาขนาดนี้อาหารย่อมเป็นที่ต้องการมากกว่าเงิน

ทหารชั้นดีของฉินเหยียนไม่มีทางช่วยนางอย่างแน่นอน แต่พวกผู้คุ้มกันสินค้าเป็นเพียงคนที่ฉินเหยียนจ้างมา แค่รับเงินและอาหาร ขอเพียงแค่พวกเขาได้เงินและอาหารจนเพียงพอแล้ว เขาต้องช่วยนางอย่างแน่นอน

ดังนั้น นางจึงหันไปพูดกับผู้คุมสินค้าว่า

“เจ้าช่วยข้าขนเสบียงไปที่รถม้าให้หน่อยได้หรือไม่ ข้าจะแบ่งเสบียงส่วนหนึ่งให้เจ้า?”

ฉินเหยียนที่อยู่ข้างๆ ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย เขาเดาได้ถูกต้องเสียจริง

ผู้คุมสินค้าไม่ได้แสดงท่าทีอะไร แต่กลับชูสองนิ้วขึ้นมา

“สองตั้น”

“อะไรสองตั้น?”

จ้าวจีเอ๋อร์รู้สึกสับสนเมื่อได้ยินดังนั้น

ผู้คุ้มกันสินค้าอธิบายว่า

“ข้าสัญญาว่าจะช่วยเจ้าขนเสบียงไปที่รถม้า แต่เจ้าต้องให้เสบียงข้าสองตั้นเป็นการตอบแทน”

เมื่อจ้าวจีเอ๋อร์ได้ยินเช่นนั้น ดวงตานางพลันเบิกกว้าง นางคิดว่าผู้คุมสินค้าจงใจขึ้นราคา ด้วยระยะทางเพียงเท่านี้ เสบียงอาหารจำนวนเท่านี้ ผู้คุ้มกันสิ่นค้ายังกล้าขอมากถึงขนาดนี้ นางพูดออกมาว่า

“เสบียงอาหารทั้งหมดห้าตั้น เจ้าเอ่ยปากขอค่าตอบแทนสองตั้น ทำไมเจ้าไม่ไปฉวยมาเองเลยเล่า!”

ผู้คุ้มกันสินค้ายักไหล่

“หากเจ้าคิดว่าข้าขอมากเกินไป เจ้าก็ไปหาคนอื่นสิ”

จ้าวจีเอ๋อร์มองเข้าด้วยสายตาดุเดือด พยายามมองหาคนอื่น เขาก็ไม่ใช่ผู้คุ้มกันสินค้าคนเดียวในที่นี้

นางหันไปหาผู้คุ้มกันสินค้าอีกคนแล้วพูดว่า

“นี่ ช่วยข้าขนย้ายเสียงหน่อยสิ ข้าจะแบ่งให้เจ้าส่วนหนึ่ง?”

ผู้คุ้มกันสินค้าไม่พูดอะไร ชูสามนิ้วขึ้นมา

จ้าวจีเอ๋อร์ขมวดคิ้วและพูดด้วยความตกใจ

“เจ้าต้องการสามตั้นหรือ?”

ผู้คุ้มกันสินค้าพยักหน้าจริงจัง

จ้าวจีเอ๋อร์กลอกตา

“ใจร้ายใจดำ!”

นางเองก็เข้าใจแล้วว่า พวกผู้คุ้มกันสินค้าใจดำขนาดนี้เพราะมองออกว่านางขนย้ายเสบียงไม่ได้แน่ๆ จึงโลภมากบวกราคาเกินราคาจริง

ช่างเถอะ เพื่อให้ได้เป้าหมายที่ต้องการ ต้องยอมเสียบางอย่าง ถึงแม้จะให้ไปสองตั้นแล้ว แต่เสบียงอาหารก็ยังพอเหลืออยู่บ้าง นางจึงเข้าไปคุยกับผู้คุ้มกันสินค้าคนแรก

“ข้าตกลงให้เสบียงอาหารสองตั้นแก่เจ้า เจ้าย้ายได้เลย”

ใครจะไปรู้ว่าผู้คุ้มกันสินค้าจะไม่ยอมทำแล้ว เขากอดอกแล้วพูดว่า

“สองตั้นข้าไม่ทำหรอก คนนั้นยังขอสามตั้นเลย สองตั้นข้าไม่ขาดทุนแย่หรือ ข้าขอสามตั้น!”

“อะไรนะ!”

จ้าวจีเอ๋อร์ไม่เคยได้ยินคำขอที่ไร้ซึ่งเหตุผลขนาดนี้มาก่อน หากคิดว่าเป็นราคาเริ่มต้น ก็ไม่มีทางสูงได้ถึงขนาดนี้

ฉินเหยียนที่มองดูอยู่ข้างๆ ไม่อาจกลั้นเสียงหัวเราะได้อีกต่อไป ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

จ้าวจีเอ๋อร์มองไปที่ฉินเหยียนตาเขียว เขายังมีหน้ามายิ้ม ทั้งหมดนี้ต้องโทษเขาต่างหาก

ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก ตอบตกลงทันที

“สามตั้นก็สามตั้น รีบย้ายเสียเดี๋ยวนี้!”

ผู้คุ้มกันสินค้ายิ้มและย้ายเสบียงอาหารสองตั้นไปที่รถม้าของจ้าวจีเอ๋อร์

จ้าวจีเอ๋อร์แบกเสบียงอีกสิบสองจินมา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย่อหยิ่งว่า

“เจ้าหาเรื่องข้าไม่ได้หรอก คอยดูเถิด ข้าจะทำให้เจ้าเสียใจภายหลังแน่!”

หลังจากพูดจบนางเดินไปที่รถม้าอย่างทุลักทุเล

ฉินเหยียนคิดว้แล้วว่าจ้าวจีเอ๋อร์ไม่มีวันยอมแพ้ และต้องขอความช่วยเหลือจากคนอื่นอย่างแน่นอน ดังนั้นฉินเหยียนได้คุยกับผู้คุ้มกันสินค้าก่อนหน้านั้นแล่วว่าควรจัดการอย่างไร

เป็นไปตามที่คาดไว้ ทุกอย่างเป็นไปตามแผนของเขา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์