“ไม่เพียงแต่พูดจาหยาบคายไร้มารยาทเท่านั้น แต่ยังล้อเลียนอาณาจักรฉินอีกด้วย!”
เมื่อได้ยินพูดของรองเจ้ากรม เสนาบดีกรมพิธีการพลันโกรธขึ้นมาและถลึงตาถามออกไปว่า
“เรื่องอื่นเจ้าทนได้ถือว่าช่างไป แต่พวกมันกล้าเยาะเย้ยประชาชนชาวอาณาจักรฉินเช่นนั้น เจ้าทนได้อย่างไรกัน?”
รองเจ้ากรมพูดอย่างขมขื่น
“จะกล้าได้อย่างไรขอรับ แม้ว่าข้าคิดอยากเอาคืน แต่ก็ไม่สามารถทำลายชื่อเสียงอาณาจักรฉินเพราะความโกรธของตนเองได้”
ที่เขาพูดมานั้นถูกต้อง เพียงเพราะความโกรธของตนเอง เขาอาจทำให้อาณาจักรฉินต้องเสียหน้า
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เสนาบดีกรมพิธีการทำได้แค่ถอนหายใจ
“อืม เจ้าทำถูกต้องแล้ว เอาอย่างนี้แล้วกัน หากมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น เจ้าต้องรายงานให้ฝ่าบาททราบและรอดูว่าฝ่าบาทมีแผนการอย่างไร”
“เข้าใจแล้วขอรับ” รองเจ้ากรมตอบ
...
เสนาบดีกรมพิธีการเข้ามาในห้องหนังสือเพื่อพบฉินชง เขาเล่าเรื่องที่ได้ยินมาให้อีกฝ่ายฟัง อีกฝ่ายก็โกรธมากไม่แพ้กัน
แต่เขาทำได้แค่ต้องสงบจิตใจ เมื่อคิดถึงแผนการชั่วร้ายของชาวตาดแล้ว เขาพยายามระงับความโกรธและถามด้วยเสียงทุ้มว่า
“เจ้าคิดจะทำเช่นไร?”
เสนาบดีกรมพิธีการโค้งคำนับและพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“ฝ่าบาท กระหม่อมคิดว่าพวกคนเถื่อนเหล่านี้ทำเกินไป เห็นได้ชัดว่าพวกเขาต้องการให้อาณาจักรฉินต้องอับอาย”
“หากเราไม่ลงโทษพวกเขาอย่างจริงจัง ศักดิ์ศรีของอาณาจักรฉินล่ะพ่ะย่ะค่ะ? อาณาจักรที่ยิ่งใหญ่อย่างเราจะถูกคนเถื่อนรังแกเช่นนี้หรือ?”
คำพูดของเสนาบดีกรมพิธีการทำให้ฉินชงจมอยู่ในห้วงความคิด เขาเองก็โกรธมากเช่นกัน แต่สิ่งสำคัญคือจะจัดการอย่างไรจึงจะเหมาะสม?
ดูจากภายนอกแล้ว ชาวตาดได้แสดงความมีมิตรไมตรีนำวัวและแกะมาให้เพื่อแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ภัยพิบัติในอาณาจักรฉิน เรียกได้ว่าเขาแสดงออกมาได้อย่างไร้ที่ติ
หากอาณาจักรฉินจัดการไม่เหมาะสม และทำให้ทั้งสองกลายเป็นศัตรูกัน เช่นนั้นจะยิ่งแย่
ทุกคนในโลกจะรู้สึกว่าอาณาจักรฉินทำเกินไป พวกชาวตาดได้ความเห็นใจจากสาธารณชน และอาจทำให้อาณาจักรอื่นรวมตัวโจมตีอาณาจักรฉิน
หลังจากที่ฉินชงเงียบไป เขาเงยหน้าขึ้นแล้วพูดว่า
“เราต้องทนต่อไป ไม่ว่าพวกชาวตาดจะพูดอะไร ตราบใดที่พวกเขายังไม่ทำเรื่องเกินตัว พวกเราต้องทำเป็นหูทวนลม”
เสนาบดีกรมพิธีการอึ้งไป ไม่คาดคิดว่าฝ่าบาทจะทรงตัดสินใจเช่นนี้
เขากำลังจะเอ่ยปากโน้มน้าว แต่สายตาของฉินชงกลับบอกให้เขาหยุด และโบกมือให้เขาออกไป
ในที่สุดเสนาบดีกรมพิธีการได้แต่ถอนหายใจ เดินออกจากห้องหนังสือไป
เดินไปไม่ไกลนัก เขาชนเข้ากับอ๋องเหยียน
ความคิดของเขาที่มีต่ออ๋องเหยียนนั้นซับซ้อนมาโดยตลอด ประการเขารู้สึกเหมือนเสนาบดีและขุนนางทุกคนที่รู้สึกขอบคุณอ๋องเหยียนที่ทำให้อาณาจักรฉินร่ำรวยและมีอำนาจ
แต่เรื่องที่ซับซ้อนก็คือ ชายคนนี้ไม่ปฏิบัติตามกฎใดๆ เลย ในสายตาของอีกฝ่าย ระบบกฎเกณฑ์และมารยาทต่างๆ ล้วนเป็นแค่สิ่งที่ตั้งขึ้นมาไว้เฉยๆ เท่านั้น
แต่เขายอมรับว่า ฉินเหยียนทำให้อาณาจักรฉินได้รับการพัฒนาอย่างดีในทุกๆ ด้าน
ในใจลึกๆ เขารู้ว่า ฉินเหยียนมีส่วนช่วยสนับสนุนอาณาจักรฉินอย่างมาก และอาณาจักรฉินคงไม่มีวันนี้หากไม่มีเขา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
จะมีต่อ..หรือจบแล้วครับ...
มีต่อมั๊ยครับ สนุกมากขอบคุณครับ...
รออ่านอยูนะครับสนุกมาก...
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...
หายไปนานเลยนะครับ..ถ้ามาลงให้ได้อ่านต่อจะขอบพระคุณมากครับกำลังสนุก...
ซื้ออ่านยังไงได้ครับ...