องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 160

เมื่อถึงยามค่ำคืน พื้นที่เปล่าของเวิ่งเฉิงก็เต็มไปด้วยงานเลี้ยงต่างๆ มีแต่อาหารและเหล้าดีๆทั้งนั้น เหล่าทหารกินเนื้อและดื่มเหล้ากันเพื่อเลี้ยงฉลองชัยชนะในวันนี้อย่างเอร็ดอร่อย

“องค์ชายสิบสี่คือเจ้าแห่งปาฏิหาริย์จริงๆ ข้าทำสงครามมาทั้งชีวิต ไม่เคยได้รับชัยชนะอย่างง่ายดายเหมือนศึกที่ด่านถงกวานเลย”

“นั่นสิ ด้วยการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียว แถมยังไม่มีใครบาดเจ็บล้มตาย ก็สามารถทำให้กองทัพสองแสนนายของอาณาจักรพ่ายแพ้ได้!”

“อาณาจักรฉินมีองค์ชายสิบสี่ นั่นเพราะสวรรค์โปรดปรานอาณาจักรฉิน”

องค์ชายสิบสี่ได้พิชิตใจเหล่าแม่ทัพอาณาจักรฉินหมดแล้ว ทุกคนต่างพูดคุยกันด้วยใบหน้ายินดี และชื่นชมความกล้าหาญของฉินเหยียน ว่าเขาคือพระเจ้าที่ลงมาจุติ

ภายในงานเลี้ยงที่มีอาหารและเหล้าดีๆจัดเตรียมไว้เต็มโต๊ะ ไท่ฟู่คือคนเดียวที่ทานอาหารไม่อร่อย หลังจากชัยชนะอันยิ่งใหญ่ถึงสองศึก ทั้งที่ควรจะดีใจ แต่ไท่ฟู่กลับไม่รู้สึกดีใจเลย นั่นเพราะเกิดจากด้านมืดของใจคน ถ้าหากองค์ชายสิบสี่ฉินเหยียนเป็นผู้โง่เขลาไม่มีปัญญา ไท่ฟู่เองก็ไม่รู้สึกโกรธขนาดนี้

ไม้เด่นเกินไพร ลมพัดหักโค่น ยิ่งไปกว่านั้นคือฉินเหยียนยังเป็นพระโอรสของพระสนมที่ไม่มีตระกูลสนับสนุนเลย หากฉินเหยียนได้อำนาจและสืบทอดบัลลังก์ในอนาคต นั่นคือผลลัพธ์ที่เหล่าขุนนางผู้ทรงอำนาจไม่อยากจะเห็น

ว่ากันว่า เปลี่ยนตัวนายก็ต้องเปลี่ยนตัวลูกน้องด้วย เกรงว่าสถานการณ์ทางการเมืองในอาณาจักรฉินกำลังจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่แล้ว สำหรับไท่ฟู่แล้วสามารถมองเห็นจุดจบของตนเองในอนาคตได้เลย ไม่ได้ จะให้องค์ชายสิบสี่มีอำนาจไม่ได้! ไท่ฟู่คิดแผนชั่วร้ายอยู่ภายในใจของเขา

และทันใดนั้นเองฉินเหยียนก็ได้เดินเข้ามาเป็นสุดท้ายด้วยจิตใจที่ฮึกเหิม เมื่อเขาปรากฏตัวเหล่าแม่ทัพแห่งอาณาจักรฉินทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดหรือรองผู้บัญชาการทหารสูงสุดต่างก็ยืนขึ้นแล้วคารวะต่อเขา

“ยินดีกับองค์ชายด้วยพ่ะย่ะค่ะ ขอเฉลิมฉลองแด่องค์ชายพ่ะย่ะค่ะ!”

“ยินดีไปด้วยกันยินดีไปด้วยกัน ทุกคนล้วนเป็นสหายที่ผ่านความเป็นความตายมาด้วยกัน อย่าได้เกร็งเช่นนั้นเลย นั่งเถอะ นั่งลงมากินดื่มกัน”

ฉินเหยียนไม่มีมาดขององค์ชายเลย เขาไม่วางมาดเลยแม้แต่น้อย เขายิ้มและพูดคุยกับทุกคนที่เดินผ่านอย่างสนุกสนาน กลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกัน นั่นยิ่งทำให้ไท่ฟู่รู้สึกถึงภัยอันตราย

“เป็นถึงองค์ชายแต่กลับนับพวกหยาบคายว่าเป็นสหาย มันเหมาะสมงั้นรึ”

ฉินเหยียนเดินมาถึงบัลลังก์แล้วเพิ่งจะนั่งลงไป ไท่ฟู่ก็ตบโต๊ะแล้วลุกขึ้นทันที พร้อมทั้งพูดอย่างเข้มงวดว่า

“ช่างบังอ่านยิ่งนัก สงครามใกล้เข้ามาแล้ว แต่เจ้ากลับไม่สนใจกฎข้อบังคับ เมื่อถึงคราวยกทัพกลับอาณาจักรข้าจะร้องเรียนเจ้าต่อฝ่าบาท!”

เสียงดังกังวานจนเงียบสงัดกันหมด ไม่มีใครพูดอะไรเลย สายตาที่ทุกคนมองไปยังไท่ฟู่เต็มไปด้วยความสงสัยและไม่เข้าใจ

องค์ชายใหญ่และองค์ชายเจ็ดดึงสติกลับมาได้ก่อน

“ไท่ฟู่ ท่านจะทำเช่นนั้นไปเพื่ออะไรกัน?” องค์ชายใหญ่ถามขึ้น

“เจ้ายังกล้าพูดอีก ทั้งที่พวกเจ้าทั้งสองเป็นพี่ ไม่ตักเตือนชี้แนะก็แล้ว แถมยังสนับสนุนให้เขาทำเรื่องไร้สาระอีก ไม่ช้าก็คงเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น!”

เมื่อพูดดังนั้นแล้วไท่ฟู่ก็สะบัดแขนเสื้อแล้วเดินจากไป

องค์ชายใหญ่ฉินชงและองค์ชายเจ็ดฉินอวี่ต่างมองหน้ากันแล้วยักไหล่อย่างจนปัญญา ฉินเหยียนเองไม่อยากจะไปสนใจคนหัวโบราณอย่างไท่ฟู่ ในขณะที่กำลังจะเริ่มกินดื่มจ้าวจือหย่าก็ได้นั่งลงแล้วคีบอาหารเทเหล้าให้ฉินเหยียน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์