องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 178

“ช่วยอธิบายให้ฟังทีได้รึไม่เพคะ”

จากนั้นฉินเหยียนพูดอย่างฉะฉานว่า “เล่ากันว่า มีครอบครัวตระกูลหยางครอบครัวหนึ่ง เพื่อต่อต้านการรุกรานของเผ่าซยงหนูแล้ว จึงได้ถืออาวุธเข้าสู้รบเพื่อต่อต้านพวกมัน มีความดีความชอบที่โดดเด่นอย่างมาก จึงได้ถูกแต่งตั้งให้เป็นแม่ทัพแห่งตระกูลหยาง”

“ในสงครามเกือบทุกครั้ง จะสามารถเห็นเขาควบม้าอย่างกล้าหาญ แต่ด้วยกลอุบายของขุนนางฝ่ายบุ๋นที่ทรงอำนาจ ได้บีบบังคับตระกูลหยางทุกวิถีทาง แม้แต่ในตอนทำสงครามก็ไม่อาจเลี่ยงการถูกลอบทำร้ายได้ สุดท้ายก็ได้ตายในสนามรบ”

“และภายกลังบุตรชายทั้งเจ็ดของตระกูลหยางได้สืบทอดความทะเยอทะยานของบิดา เข้าร่วมแนวหน้าของสงครามต่อต้านศัตรูอย่างไม่ลังเล แต่ในสนามรบนั้นไม่อาจเลี่ยงการถูกลูกหลงได้ นั่นทำให้เกือบล้มตายกันทั้งตระกูล”

“สุดท้ายหญิงสาวตระกูลหยางทุกคน ยังคงชูธงต่อสู้กับซยงหนู เผชิญหน้ากับคมดาบและทหารม้าที่แข็งแกร่ง ด้วยร่างกายของอ่อนแอภายใต้การนำของเสอไท่จวิน เพื่อปกป้องเกียรติยศของอาณาจักรและความปลอดภัยของชาวเมือง”

“จิตวิญญาณของตระกูลหยางที่ไม่มีการแบ่งแยกชายหญิงนั้น ได้ทำให้เขียนบทกวีอันงดงามเกี่ยวกับการต่อต้านความอัปยศอดสูจากต่างแดน การต่อต้านการรุกรานและปกป้องอาณาจักร”

เมื่อจ้าวจือหย่าฟังแล้วก็รู้สึกว่าเรื่องนี้ช่างคุ้นหูยิ่งนัก “ท่านอ๋องเพคะ เรื่องที่ท่านเล่านี้ เหตุใดหม่อมฉันจึงคิดว่ามันดูคล้ายกับเรื่องราวของตระกูลแม่ทัพของหยางจ้ายซิ่นมากเลยเพคะ”

“ตระกูลของหยางจ้ายซิ่นเองก็เป็นทหารที่เก่งกาจมาหลายชั่วอายุคน แม้แต่น้องสาวของเขาก็ยังเป็นถึงทหารหญิงที่ผู้คนอาณาจักรจ้าวรู้จักกันเป็นอย่างดี แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้น ทั้งที่ปกป้องอาณาจักรด้วยชีวิตแล้วก็ยังคงไม่ได้รับความเชื่อใจจากฮ่องเต้จ้าวเลยเพคะ”

ฉินเหยียนครุ่นคิดครู่หนึ่ง และเริ่มวางแผนในใจ

“เช่นนี้ เจ้าเขียนเรื่องราวตระกูลทหารของหยางจ้ายซิ่นที่เจ้ารู้ทั้งหมดออกมา ทำการเขียนเรื่องที่พวกเขาอุทิศตนทำเพื่ออาณาจักรจ้าวมาหลายชั่วอายุคน แต่กลับไม่ได้รับความสำคัญในอาณาจักรจ้าวให้น่าตื่นตาตื่นใจขึ้นหน่อยนะ”

“เมื่อเขียนเสร็จแล้วนำมาให้ข้าดูก่อน หากไม่มีปัญหาอะไรก็นำไปให้นักเล่าท้องถิ่นเสีย ปล่อยให้พวกเขาเล่าเรื่องของแม่ทัพหยางให้ทั่ว”

จ้าวจือหย่ารู้สึกประหลาดใจ เหตุใดฉินเหยียนจึงให้ความสำคัญต่อแม่ทัพหยางจ้ายซิ่นถึงเพียงนี้กันนะ อาจเพราะนางเป็นหญิงจึงไม่เข้าใจความผูกพันที่แน่นแฟ้นของเหล่าวีรบุรุษงั้นรึ? แต่ไม่ว่าอย่างไรการให้เขียนเพื่อทหารอาณาจักรจ้าวเช่นนี้ จ้าวจือหย่าเองรู้สึกไม่ชอบใจนัก จึงได้บิดตัวไปมาแล้วพูดว่า

“ท่านอ๋องเพคะ ใช่ว่าจือหย่าอยากจะปฏิเสธนะเพคะ แต่อย่างไรหม่อมฉันเองก็เป็นนักเขียนในพระราชวังของอาณาจักรฉิน การให้ข้าเขียนเรื่องเล่าสู่กันฟังในหมู่ชาวเมืองเช่นนี้ แถมยังเขียนให้แก่อาณาจักรจ้าวอีก มันจะเป็นการให้ความสำคัญผิดและทำให้เป็นเรื่องใหญ่รึเปล่าเพคะ?”

ฉินเหยียนรู้ว่าจ้าวจือหย่ากำลังเป็นกังวลเรื่องอะไรอยู่ จึงได้อธิบายว่า

“เจ้าไม่เข้าใจ นี่น่ะเรียกว่ากลยุทธ์การหารือของชาวเมืองเรื่องซุบซิบจะซึมซับเข้าไปในหัวใจของผู้คนโดยไม่รู้ตัวทั้งนั้น ผู้ที่ชนะใจชาวเมืองคือผู้ได้ครองใต้หล้า ผู้สูญเสียความเชื่อใจของชาวเมืองจะต้องสูญเสียอำนาจ”

“หากเหล่าชาวเมืองรู้ว่าราชวงศ์จ้าวปฏิบัติต่อผู้คนอย่างไม่เท่าเทียม และเป็นที่น่ารังเกียจมากแค่ไหน แล้วเจ้าคิดว่าชาวเมืองยังจะปกป้องพระราชสำนักต่อไปรึไม่ เจ้าต้องเข้าใจหลักการที่ว่าน้ำสามารถทำให้เรือแล่นแต่ก็สามารถทำให้ล่มได้เช่นกัน ”

ด้วยการชี้แนะของฉินเหยียน จ้าวจือหย่าก็เข้าใจทันที เป็นครั้งแรกที่ได้ยินสิ่งที่เรียกว่ากลยุทธ์การหารือของชาวเมืองเลย นางรีบหยิบสมุดจดบันทึกเล็กๆออกมาแล้วเขียนไปด้วยพูดไปด้วยว่า

“จือหย่าขอนับถือเลยเพคะ อีกเดี๋ยวหม่อมฉันจะเขียนเรื่องล่านี้ออกมา อย่างไรขอให้ท่านอ๋องช่วยอ่านทีนะเพคะ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์