องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 179

“ฝ่าบาท จ้าเป็นขุนนางฝ่ายบุ๋นตาพร่ามัว คิดไปเองว่าการที่เคยได้อ่านตำราสงครามไม่กี่เล่ม ก็หวังอยากให้เหล่าทหารเชื่อฟังคำบัญชาของข้า ช่างไม่เจียมตัวยิ่งนัก ภูมิใจในตนเองมากจนเกือบจะทำให้อาณาจักรเกือบจะเกิดเรื่องใหญ่ ข้าช่างโง่เขลานัก สมควรตายที่สุดพ่ะย่ะค่ะ”

“โชคดีที่องค์ชายสิบสี่ฉินเหยียนนั้นคอยสังเกตการณ์อยู่ จึงได้มองกลอุบายของอาณาจักรจ้าวออกอย่างทะลุปรุโปร่ง วางแผนกลยุทธ์ในกระโจมค่าย จึงทำให้ฝ่ายของเราพ้นอันตรายไป และได้สังหารอาณาจักรจ้าวจนตั้งมือรับไม่ทัน จนกระทั่งไม่เหลือแม้แต่คนเดียวพ่ะย่ะค่ะ”

“ในการปะทะกันทั้งสามศึกนี้ ฝ่ายเราได้รับชัยชนะอย่างใหญ่หลวงโดยไม่สูญเสียทหารเลยแม้แต่นายเดียว นี่เป็นความดีความชอบที่ไม่อาจมีใครเทียบเคียงได้เลย ฝีมือทั้งถือว่าฉกาจและทรงพลังอย่างมากพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาททรงปรีชาญาณ อาณาจักรฉินโชคดีและเป็นเกียรติยิ่งนัก!”

“สวรรค์ส่งองค์ชายสิบสี่ผู้โดดเด่นเกินใครให้แก่อาณาจักรฉินของเรา เขาเป็นผู้ถูกลิขิตไว้ให้เป็นโอรสสวรรค์อย่างแท้จริง แม้นจักรวาลอุบัติ มีเพียงเขาผู้เดียวที่เป็นเลิศ”

ไท่ฟู้พูดแล้วก็ร้องไห้และคุกเข่าลงบนพื้น ไม่หลงเหลือความทะนงตัวที่เป็นราชครูในปกติเลย เหล่าขุนนางฝ่ายบู๊และฝ่ายบุ๋นต่างก็ไม่กล้าเงยหน้าขึ้น ทุกคนเงียบกันหมด บรรยากาศเย็นยะเยือกจนถึงขีดสุด

ไท่ฟู่น้ำตาไหลฟูมฟาย และได้พูดอย่างสุดเสียงต่อว่า “ด้วยการสังเกตการณ์ของข้า เมื่ออาณาจักรฉินมีเขาผู้นี้แล้วก็ไม่จำเป็นต้องขออะไรมากไปกว่านี้แล้วพ่ะย่ะค่ะ!”

เมื่อพูดดังนั้นแล้วก็ใช้ศีรษะกระแทกพื้นเสียงดัง “ขอยินดีกับฝ่าบาทด้วยพ่ะย่ะค่ะ อาณาจักรฉินของเราจะคงอยู่ตลอดไปพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้ฉินมองไท่ฟู่แล้วลูบลูกประคำหยกในมือเร็วขึ้นเรื่อยๆ เขาไม่ได้ห้ามอะไรไท่ฟู่ คำพูดของไท่ฟู่ในสาส์นนั้นเต็มไปด้วยความอคติ เป็นความจริงที่ความสัมพันธ์ของทั้งสองไม่ดี แต่ผู้ที่ไปแนวหน้ากลับมา เหตุใดจึงชื่นชมลูกสิบสี่ฉินเหยียนกันยกใหญ่กัน นี่มันเกิดอะไรขึ้น?

ไท่ฟู่เองก็แก่ชราแล้ว เป็นถึงราชครู เขาเคยพบเจอเรื่องใหญ่โตมามากมาย แต่กลับกล่าวชื่นชมลูกสิบสี่ฉินเหยียนถึงขั้นนี้เลยรึ? อีกทั้งยังกล่าวอย่างสวยหรูไม่มีที่ติเช่นนี้ด้วย

ฮ่องเต้ฉินหยุดการกระทำแล้วพูดว่า “สิ่งที่ไท่ฟู่กล่าวมานั้นมีเหตุผล ดูท่าลูกชายทั้งสามของข้าไม่ธรรมดาจริงๆ”

ไท่ฟู่ยอมรับผิดเสียงดังกว่าเดิม “ข้าน้อยมีความผิดพ่ะย่ะค่ะ! โชคดีที่ได้รับชัยชนะทั้งสามศึกก็จริง ข้าน้อยเคยสั่งสอนให้ฝ่าบาทรู้หนังสือ แต่องค์ชายสิบสี่นั้นเป็นถึงอัจฉริยะ ข้าไม่กล้าคิดจะทัดเทียมจริงๆ ดังนั้นความดีความชอบทั้งหลายในแนวหน้านั้น ข้าเห็นว่าเป็นฝีมือขององค์ชายสิบสี่ฉินเหยียนแต่เพียงผู้เดียวพ่ะย่ะค่ะ”

“พอได้แล้วล่ะ” ฮ่องเต้ฉินไม่อยากจะฟังต่อไปแล้วจึงได้พูดแทรกว่า “เอาเถอะ ความสำเร็จในแนวหน้านั้นถือเป็นข่าวดีสำหรับอาณาจักรฉิน ไท่ฟู่เองก็เหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง ลำบากเช่นกัน ไปพักผ่อนเถิด”

ไม่ว่าใครฟังก็รู้ดีว่า คำพูดของฮ่องเต้ฉินนี้กำลังไว้หน้าไท่ฟู่อยู่

ไท่ฟู่รู้ดีอยู่แล้วว่าฝ่าบาทหมายความว่าอย่างไร เขาโล่งใจเหมือนยกภูเขาออกจากอก และกล่าวอย่างตื้นตันว่า

“ขอบพระทัยในความเมตตาของฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยรู้สึกตื้นตันอย่างที่สุดพ่ะย่ะค่ะ!”

จากนั้นเขาก็ได้คุกเข่าแล้วกราบสามครั้ง เขาเช็ดน้ำมูกแล้วจงใจพูดว่า

“ฝ่าบาททรงวางใจเถิดพ่ะย่ะค่ะ องค์ชายสิบสี่นั้นเป็นผู้มีพรจากสวรรค์ เป็นฮ่องเต้ผู้กลับชาติมาเกิดอย่างแท้จริง รอบรู้เรื่องราวในอดีตจนปัจจุบัน มีความสามารถอย่างมาก แถมตอนนี้ยังได้สร้างความดีความชอบอย่างที่ไม่มีใครเทียบได้ เหนือกว่าสิ่งใด เป็นผู้ที่ไม่มีใครเหมือน ถือว่าเป็นผู้ที่ไม่เคยมีมาก่อนในอดีตและจะไม่มีอีกในในอนาคตพ่ะย่ะค่ะ!”

“ตราบใดที่มีองค์ชาสิบสี่อยู่ อาณาจักรฉินของเราจะต้องครองใต้หล้านี้ได้เป็นแน่พ่ะย่ะค่ะ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์