ในเต็นท์มีแต่ผู้คนอยู่เต็มไปหมด พวกเขาอยู่เบียดกัน แต่ละคนสีหน้าจริงจังอย่างมาก และมองไปยังเบื้องหน้าอย่างใจจดใจจ่อ รองผู้บัญชาการทหารสูงสุดอาณาจักรฉินเองก็มองตาปริบๆแล้วถามขึ้นอย่างติดอ่างว่า
“นะ นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
ไส้ศึกหญิงที่ยกอาหารไว้ในมือ รองผู้บัญชาการและเสนาธิการทัพที่มุ่งหน้ามาตามหารวมถึงเหล่าทหารหัวกะทิต่างก็หันหน้ามาหาเขาแล้วทำท่าเงียบๆให้เขา
“ชู่ว์! อย่าพูดสิ!”
เมื่อพูดดังนั้นก็จับจ้องไปด้านหน้าอีกครั้ง รองผู้บัญชาการทหารสูงสุดมึนงงไปหมด คนพวกนี้กำลังทำอะไร? เขาเองก็ไม่กล้าถามอะไรมาก จึงเดินชิดขอบเต็นท์แล้วเบียดคนอื่นจนสุดท้ายก็เดินมาด้านหน้าได้ เขามองไปข้างหน้าพบว่าตรงที่มีแสงสว่างนั้นมีโต๊ะอยู่และมีไม้ปลุกสติวางอยู่บนโต๊ะด้วย ดูเหมือนกำลังตัดสินคดี แต่ก็ไม่ใช่
“ปัง” ฉินเหยียนยืนอยู่หลังโต๊ะ เขาพูดเป็นต่อยหอย อธิบายอย่างสมจริงสมจังอย่างลื่นไหล
“ไวน์องุ่นเลิศรสถูกรินใส่ในจอกเย่กวัง ยามดื่มได้ยินเสียงดนตรีผีผาเร่งให้ออกเดินทาง ถ้าหากว่าเมาตายในสนามรบท่านอย่าหัวเราะ แต่ไหนแต่ไรมาคนที่ออกศึกนั้นมีไม่กี่คนได้ชัยชนะและกลับบ้าน! เมื่อครู่เราเพิ่งจะกล่าวไปว่าแม่ทัพหยางจ้ายซิ่นนั้นให้คํามั่นสัญญาโดยการเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรตามกฎทหาร......”
เดิมทีฉินเหยียนกำลังเล่าเรื่องราวดัดแปลงของตระกูลทหารหยางแก่จ้าวจือหย่าเพียงคนเดียว แม้ว่าจ้าวจือหย่าจะมีทักษะจะเขียนที่ดี แต่อย่างไรก็เป็นนักเขียนพระราชวัง นางเขียนเป็นเพียงประวัติศาสตร์ หากต้องการให้นางเขียนหนังสือเรื่องเล่าที่เป็นที่สนใจของผู้คน แน่นอนว่าต้องสอนโดยทำตัวเป็นแบบอย่างทั้งคำพูดและการกระทำ
ดังนนั้นฉินเหยียนจึงรวมเรื่องราวทั้งหมดและเล่าให้จ้าวจือหย่าฟังโดยการใส่สีตีไข่ คนสมัยก่อนไม่มีกิจกรรมบันเทิงมากมายนัก คนที่เข้ามาพอเยินฉินเหยียนกำลังเล่าเรื่องของผู้ที่มีตัวตนจริงอย่างเป็นต่อยหอย แถมยังน่าสนใจอย่างมากเช่นนี้ ทุกคนก็พากันตกลงสู่ภวังค์ไม่อาจห้ามใจได้เลย ลืมทุกอย่างและลืมไปเลยว่ามาหาฉินเหยียนด้วยเรื่องอะไร นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดภาพคนแออัดยืนเต็มไปหมดในเต็นท์เช่นนี้
ฉินเหยียนเองก็ยิ่งพูดยิ่งสนุก “หากกล่าวว่าอาณาจักรจ้าวนั้นเป็นอาณาจักรรูปแบบตระกูล อำนาจจะรวมอยู่ในคนตระกูลจ้าวเท่านั้น แต่อย่างไรแม่ทัพหยางจ้ายซิ่นเองก็เป็นผู้ยิ่งใหญ่ แต่ในสายตาของราชวงศ์อาณาจักรจ้าวแล้ว วีรบุรุษก็เป็นเพียงข้ารับใช้ของพวกเขา แม้จะแต่งตั้งให้เป็นแม่ทัพใหญ่ แต่ความจริงแล้วต้องการให้ส่งตนเองไปตายเท่านั้น......”
ฉินเหยียนแต่งตอนขึ้นมาเอง เขาเพิ่มความอคติที่มองออกได้ยากลงในเนื้อเรื่องเพื่อให้บรรลุถึงผลลัพธ์ที่ต้องการ กลยุทธ์การหารือของชาวเมืองในก้าวแรกก็สำเร็จแล้ว
“สุดท้ายก็ทำให้หยางจ้ายซิ่นถูกทหารนับพันนับหมื่นล้อมปิดไว้ในเวิ่งเฉิง ถ้าอยากรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป รอติดตามการเล่าในครั้งต่อไปดีกว่า!”
“ปัง” เมื่อพูดดังนั้นแล้วก็ได้ใช้ไม้ปลุกสติทุบครั้งหนึ่ง นั่นทำให้ทุกคนสะดุ้งกันไปหมด
“โอ้ ยังฟังไม่พอเลย!”
“นั่นสิ ไม่เล่าต่อช่วงสำคัญเช่นนี้ เกรงว่าคืนนี้ข้าจะนอนหลับไม่ดีแน่ๆ!”
“ท่านอ๋อง เล่าให้เราฟังอีกตอนเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”
“นั่นสิท่านอ๋อง อีกสักตอนเถิดพ่ะย่ะค่ะ หลังงจากนั้นเป็นอย่างไรรึพ่ะย่ะค่ะ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...
หายไปนานเลยนะครับ..ถ้ามาลงให้ได้อ่านต่อจะขอบพระคุณมากครับกำลังสนุก...
ซื้ออ่านยังไงได้ครับ...
ขอบคุณที่ลงเพิ่มครับ เรื่องนี้สนุกครับ...
ขอบคุณที่มาต่อให้ได้อ่านนะครับขอบุคุณมากๆสนุกดี...
จาก 438 เริ่มขยับแล้วววว 😁😁😁...