องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 342

เมื่อเผชิญหน้ากับจดหมายที่กระจัดกระจายทั่วท้องฟ้าและหลักฐานที่ประจักษ์ชัดแจ้งแล้ว เสนาบดีกรมอาญาก็อึ้งไปทันที รู้ว่าตนเองไม่อาจแก้ตัวใดๆได้แล้ว จึงได้รีบกราบกรานอ้อนวอนว่า

“ฝ่าบาทโปรดเมตตาด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ เป็นเพราะข้าเองก็หลงใหลไปกับความงาม หมกมุ่นลุ่มหลง ถูกเงินทองปิดบังสายตาไป! แต่ข้าน้อยจงรักภักดีต่อฝ่าบาทและไม่เคยมีความคิดจะทรยศ อีกทั้งไม่มีเจตนาจะทำร้ายใครด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”

ฮ่องเต้ฉินมองเขาอย่างเย็นชาแล้วพูดเสียงเย็นชาว่า “เจ้ามีหน้าพูดเช่นนี้ได้อย่างไรกัน! เจ้าเป็นถึงเสนาบดีกรมอาญา รู้กฏระเบียบแต่กลับทำเสียเอง เหล่าข้าราชการขุนนางที่ภักดีในราชสำนักที่ถูกเจ้าปองร้ายมีมากมายนับไม่ถ้วน!”

เสนาบดีกรมอาญาคำนับไม่หยุด และไม่ยอมรับอย่างเดียว

“ข้าถูกใส่ร้ายพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท ข้าน้อยมิได้ทำร้ายใคร ฝ่าบาทโปรดตรวจสอบอีกครั้งเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”

ท่าทีที่ไม่ยอมรับและแก้ตัวต่างๆนานาทำให้ฮ่องเต้ฉินยิ่งเดือดดาลมากยิ่งขึ้น เขาตบโต๊ะแล้วลุกขึ้นชี้ไปยังเสนาบดีกรมอาญาแล้วด่าทอว่า

“ขายหน้า! เจ้ากล่าวว่าไม่ได้ทำร้ายใคร งั้นข้าขอถามเจ้าว่าขุนนางจางผู้บัญชาการแห่งศาลต้าหลี่คนก่อน ตายได้อย่างไร!”

คำถามนี้ราวกับทุบศีรษะของเสนาบดีกรมอาญาไปเต็มๆ ทำเอาไม่เหลือเรี่ยวแรง ปิดบังไม่ได้อีกแล้ว ทำได้เพียงก้มหัวคำนับอ้อนวอนไม่หยุด

“ฝ่าบาท! การตายของขุนนางผู้บัญชาการแห่งศาลต้าหลี่คนก่อนไม่เกี่ยวอะไรกับข้าน้อยเลยพ่ะย่ะค่ะ! เป็น เป็นเพราะไท่ฟู่ทั้งนั้น! ไท่ฟู่วางแผนเองกับมือเพื่อลอบทำร้ายขุนนางผู้บัญชาการแห่งศาลต้าหลี่คนก่อน จนทำให้ตระกูลของเขาถูกทำลาย จนเสียเวลาอย่างน่าอนาถในเรือนจำ!”

“ข้าน้อยเป็นขุนนางดี ได้เคยเตือนไท่ฟู่แล้วว่าอย่าทำเกินไปเลย แต่ไท่ฟู่ไม่เพียงแต่จะฟัง แถมยังทำรุนแรงกว่าเดิมอีกพ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยมีอำนาจไม่เท่าไท่ฟู่ในราชสำนัก ทำได้เพียงก้มหัวให้เขาเพื่อความอยู่รอดต่อไป ที่มิได้รายงานความจริงแก่ฝ่าบาททันที นั่นเพราะข้าน้อยเองก็ถูกบีบบังคับเช่นกันพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาททรงเมตตาไว้ชีวิตข้าน้อยด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”

ทันทีที่คำกล่าวหาไท่ฟู่ออกมาแล้ว เจ้าหน้าที่ตรวจตราก็ได้รีบบันทึกตามทันที ไม่เพียงแต่ได้บันทึกความผิดของเสนาบดีกรมอาญาเท่านั้น พวกเขาได้จดบันทึกคำพูดที่ชี้ตัวไท่ฟู่ทุกคำไว้ทั้งหมดด้วย

เพื่อรอดชีวิตเสนาบดีกรมอาญาเอาแต่ก้มศีรษะคำนับครั้งแล้วครั้งเล่าจนหน้าผากเป็นแผล เลือดไหลลงมายังกรอบหน้าของเขา ทำให้พื้นถูกย้อมเป็นสีแดง เขาอ้อนวอนขอร้องว่า

“ฝ่าบาทโปรดเมตตาด้วยเถิด ข้าน้อยเองก็ถูกบีบบังคับ เห็นแก่ความจงรักภักดีและทุ่มเทให้หน้าที่นี้มากว่าสามสิบปี ไว้ชีวิตข้าน้อยด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”

ฮ่องเต้ฉินขมวดคิ้วแน่น บัดนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะสังหารขุนนางเน่ยเก๋อ เขาโบกมือแล้วออกคำสั่งว่า

“อยากจะคำนับก็ออกไปคำนับให้พอใจซะ อย่ามาทำให้พื้นตำหนักหย่านซินแปดเปื้อน ทหาร มาลากตัวเสนาบดีกรมอาญาลงไปซะ แล้วรอฟังคำตัดสิน!”

“พ่ะย่ะค่ะ!”

ทหารรักษาพระราชวังรีบเดินขึ้นมาแล้วหามเสนาบดีกรมอาญาไปทันที

เสนาบดีกรมอาญากระวนกระวาย เขาขัดขืนและอ้อรวอนร้องขอชีวิตอย่างสุดเสียง

“ฝ่าบาทโปรดเมตตาด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ! โปรดเห็นแก่ความดีด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ......”

เขาถูกทหารรักษาพระราชวังหามตัวไปทั้งๆแบบนั้น

ทุกคนที่คุกเข่าอยู่นอกตำหนักหย่านซินเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยเลือดของเสนาบดีกรมอาญาแล้วก็งุนงงไปกันหมด สุดท้ายก็ถูกลากตัวออกไปโดยที่พูดไม่หยุด นั่นทำให้ทุกคนตกตะลึงอย่างมาก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์