องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 37

ฉินเหยียนลุกขึ้นแล้วผลักเบาๆ

“จับตาดูกุ้ยเหรินของข้าไว้ให้ดี หากนางหนีไปได้ข้าจะมาถามหากับพวกเจ้า” องค์หญิงสามจ้าวจีเอ๋อร์ถูกผลักให้องครักษ์เฝ้าดูเอาไว้

ฉินเหยียนเดินไปด้านหน้าก้าวใหญ่ “โอ้โห นี่พวกเจ้าพกมีดพกดาบมาพิธีงานเลี้ยงรับรองกันรึเนี่ย นี่มาเพื่อเข้าร่วมพิธีหรือมาเพื่อลอบสังหารกันแน่นะ?”

“พรึบ”

ทหารองครักษ์ของอาณาจักรฉินแผ่ออร่าท่าเกรงขามอีกครั้ง วางท่าทีที่พร้อมจะเปิดศึกตลอดเวลา

“เหยียนเอ๋อร์ ห้ามหยาบคาย”

ความน่าเกรงขามของฮ่องเต้ฉินเอ่อล้นออกมา เขารีบห้ามความวุ่นวายทันที “คณะทูตอาณาจักรจ้าว พวกเจ้าไม่มีอะไรจะอธิบายงั้นรึ?”

จ้าวอู๋ตี๋กัดฟันแล้วตอบกลับด้วยความขุ่นเคืองว่า “ข้าคือแม่ทัพ การสวมอาวุธไปมาเป็นเรื่องปกติ แล้วอีกอย่างกิริยาน่าอายที่องค์ชายอาณาจักรฉินกระทำต่อองค์หญิงสามล่ะจะว่าอย่างไร?”

ฉินเหยียนเดินหน้าขึ้นมาอย่างมั่นใจ “นี่เจ้าไม่เข้าใจรึ พวกเจ้าเป็นผู้เสนอการสมรสและการประลองเอง พวกเจ้าเป็นผู้ตกลงทุกอย่าง เหตุใดจึงกล่าวว่าพวกข้าทำให้พวกเจ้าอับอายล่ะ?”

“เจ้า!” จ้าวอู๋ตี๋ตั้งท่าจะสังหาร

“เจ้าอะไรอีก ไม่ยอมรับก็ประลองต่อ ข้าจะบอกเจ้าไว้นะ หากเจ้าแน่จริงก็เอาชนะแล้วชิงตัวองค์หญิงสามของพวกเจ้าคืนไป ไม่มีปัญญาก็อย่าพล่ามมากนัก”

เมื่อฉินเหยียนพูดดังนั้นแล้วก็หันไปมองจ้าวจีเอ๋อร์ที่หน้าซีดอยู่ด้านหลัง

“ข้าจะขอพูดไว้ก่อน หากตอนนี้จ้าวจีเอ๋อร์สมรสกับข้าก็จะได้ตำแหน่งกุ้ยเหริน หากพวกเจ้ายังแพ้อีก ตำแหน่งของนางในอาณาจักรฉินคือฉางจ้าย”

“อัปยศเกินไปแล้ว!” จ้าวอู๋ตี๋ตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว “ประลองต่อ วันนี้พวกข้าต้องชนะแน่นอน องค์หญิงสามของเรามีฐานะที่สูงส่ง อย่ายอมรับสถานะของนางสนมผู้ต่ำต้อยได้อย่างไร”

ฉินเหยียนยิ้มประชด พวกอาณาจักรจ้าวติดกับเขาเต็มๆ หากก่อนหน้านี้อาณาจักรจ้าวเป็นฝ่ายมาหาเรื่อง งั้นตอนนี้อาณาจักรข้าวก็กำลังถูกยั่วยุให้หาเรื่องต่อ และถูกฉินเหยียนชักจูงไปเรื่อยๆ

“ต่อไปจะประลองอะไร ว่ามาสิ”

จ้าวอู๋ตี๋พูดอย่างมั่นใจว่า “อาณาจักรฉินกล่าวว่าได้สถาปนาอาณาจักรโดยการรบ งั้นเราก็มาประลองกันเลย!”

เมื่อได้ยินว่าประลองวิชายุทธ์ องค์ชายแปดฉินอู่ก็รีบออกมาตอบตกลงทันที “ได้! หากประลองเรื่องวิชายุทธ์ละก็ ข้าก็คู่ควรจริงๆ”

เมื่อพูดดังนั้นแล้วก็ยังเหลือบไปมองฉินเหยียนปราดหนึ่ง เขาฝึกวิชามาตั้งแต่ยังเล็ก หากประลองความเฉียบแหลมทางด้านวรรณคดี เขาอาจยังห่างชั้นกับเหล่านักแต่งบทกลอนมาก แต่หากเป็นวิชายุทธ์ก็ประจวบเหมาะกับเขาเลยล่ะ

ในพิธีต้อนรับนี้ทำเอาเขาอดกลั้นจนแทบแย่แล้ว ในที่สุดก็สามารถกู้ความพ่ายแพ้ก่อนหน้านี้ด้วยความภาคภูมิใจได้แล้ว

“ชิ!” ฉินเหยียนส่งเสียงดูถูกเขา เจ้าคนโง่เขลา กับวิชาน้อยนิดของเขายังกล้าพูดจาโอหังอีกนะ ช่างไม่ฉลาดขึ้นเลยจริงๆ

“พวกเจ้าต้องการประลองวิชายุทธ์อย่างไร?” องค์ชายแปดแย่งบทบาทของฉินเหยียน และทำการต่อกรกับอาณาจักรจ้าวเอง

แววตาเจ้าเล่ห์ของจ้าวอู๋ตี๋แวบขึ้นมา “แบบใช้กำลังหรือไม่ใช้ล่ะ?”

“แบบไม่ใช้กำลังคือแบบไหน แล้วแบบใช้กำลังคือแบบไหน?” องค์ชายแปดฉินอู่ถามขึ้นอีกครั้ง

จ้าวอู๋ตี๋ยิ้มบางๆ “แบบไม่ใช้กำลังก็คือ การขี่ม้า ยิงธนู การปกครอง ส่วนแบบใช้กำลังก็คือใช้อาวุธจริง พนันด้วยชีวิต เจ้ากล้าไหมล่ะ?”

ใบหน้าที่มั่นใจในชัยชนะขององค์ชายแปดฉินอู่เมื่อครู่นี้ เมื่อได้ยินว่าพนันด้วยชีวิตก็เกิดปอดแหกขึ้นมา

“แบบไม่ใช้กำลังแล้วกัน ข้าคือองค์ชายที่ทรงคุณค่า จะใช้ชีวิตพนันกับเจ้าได้อย่างไร!”

ใบหน้าของจ้าวอู๋ตี๋ปรากฏรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้นมา

“ในเมื่อองค์ชายแปดมีความมั่นใจมากถึงเพียงนี้ งั้นเราก็มาประลองกันว่าทักษะยิงธนูของใครจะเหนือกว่ากัน”

องค์ชายแปดฉินอู่ตอบกลับอย่างมั่นใจ “เข้ามาได้เลย”

จ้าวจีเอ๋อร์หัวเราะประชดอยู่ในใจ เจ้าองค์ชายแปดฉินอู่ผู้โง่เขลา ช่างอวดดีจริงๆ งั้นอีกเดี๋ยวรอรับความพ่ายแพ้อย่างราบคาบเถอะ!

จ้าวอู๋ตี๋พูดนิ่งๆว่า “ในเมื่อเป็นการประลอง พวกภายในห้าสิบเมตรมันจะง่ายเกินไป หากจะประลองก็ประลองแบบยากจะดีกว่า ยิงใบวิลโลว์โดยห่างออกไปร้อยเมตร องค์ชายแปดกล้าหรือไม่?”

องค์ชายแปดฉินอู่แสดงสีหน้าลำบากใจเล็กน้อย โดยปกติแล้วการยิงธนูยังถือเป็นจุดแข็งของเขา เขาเคยยิงเป้าที่อยู่ห่างออกไปร้อยเมตรได้ แต่ใบวิลโลว์นั้นเรียวเล็ก อย่าว่าแต่ยิงให้โดนเลย อยู่ห่างร้อยเมตรจะสามารถมองได้ชัดเจนไหมก็ไม่แน่ใจ มันยากอย่างมาก

ฮ่องเต้ฉินเห็นว่าองค์ชายแปดมีความลังเลจึงสีหน้าไม่ดีนัก เขาพูดเร่งว่า “อู่เอ๋อร์ เจ้าไหวหรือเปล่า?”

ฉินอู่ลังเลใจ สิ่งที่ได้กล่าวออกไปแล้ว หากตอนนี้ไม่ยอมรับก็คงเป็นการหาเรื่องให้ตนเองชัดๆ เขากัดฟันแล้วฝืนพูดว่า “ท่านพ่อวางใจเถิด ลูกจะไม่ทำให้ผิดหวังพ่ะย่ะค่ะ”

สีหน้าของฮ่องเต้ฉินโล่งอก “ดี กล้าเผชิญหน้ากับความยากลำบาก สมแล้วที่เป็นลูกผู้ชายแห่งอาณาจักรฉิน”

“ทหาร ไปหาใบวิลโลว์ที่มีขนาดใกล้เคียงกันสักสองสามใบ แล้วนำมาตรึงไว้ที่เป้าหมาย โดยวางให้ห่างจากหอชิ้นกงออกไปหนึ่งร้อยเมตร เพื่อให้องค์ชายของข้าและทหารแห่งอาณาจักรจ้าวได้ประลองกัน!”

ไม่นานนักเหล่าขันทีก็ได้นำเป้าที่เป็นใบวิลโลว์ตามที่ฮ่องเต้ฉินรับสั่งไปวางห่างร้อยเมตร ขันทีคนหนึ่งได้มารายงานว่า “ฝ่าบาท จัดเตรียมเสร็จสิ้นแล้วพ่ะย่ะค่ะ ขอเชิญฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”

ใบหน้าของฮ่องเต้ฉินยิ้มอย่างมั่นใจ “เหล่าผู้เป็นที่รักของข้า ตามข้าออกไปเพื่อดูว่าทักษะยิงธนูของผู้ใดจะเหนือกว่ากันเถิด!” ว่าแล้วก็เดินออกจากพระราชวังไป

ขุนนางอาณาจักรฉินต่างพากันโค้งคำนับแล้วเดินตามฮ่องเต้ฉินไป จ้าวจีเอ๋อร์ที่ถูกทหารองครักษ์เฝ้าอยู่ได้ใช้โอกาสนี้ในการส่งสายตาให้จ้าวอู๋ตี๋ ราวกับกำลังถามเขาว่ามั่นใจว่าจะชนะจริงๆรึเปล่า

จ้าวอู๋ตี๋พยักหน้าให้นางอย่างแน่วแน่ ท่าทีที่มั่นใจนั้นราวกับกำลังพูดว่า วางใจเถิดองค์หญิง ข้าจะต้องช่วยองค์หญิงให้ได้พ่ะย่ะค่ะ! แล้วเขาก็ก้าวสู่สนามประลอง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์