องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 393

เหล่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายตรวจตราต่างพากันมองหน้ากัน เมื่อเงียบไปครู่หนึ่งแล้วก็มีคนๆหนึ่งประสานมือคารวะพูดว่า

“ฝ่าบาทโปรดทบทวนอีกครั้งเถิดพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าพระบาททรงเป็นเหมือนบิดาของชาวเมือง และฮองเฮาทรงเป็นเหมือนมารดาของชาวเมือง ปฏิบัติต่อผู้ใต้บังคับบัญชาด้วยความรัก ความกรุณา ดูแลผู้คนด้วยความรักของผู้เป็นมารดา”

“หากต้องถูกปลดจากตำแหน่งเพียงเพราะความผิดเล็กน้อย เรื่องนี้ส่งผลกระทบต่ออำนาจของฝ่าบาท เกียรติยศของอาณาจักร ผิดธรรมเนียม ฝ่าบาททรงไตร่ตรองอีกครั้งเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”

องค์ชายเจ็ดฉินอวี่เองก็คุกเข่าประสานมือคารวะ “ท่านพ่อ จะปลดฮองเฮาตอนนี้ไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ! ตระกูลฉินคือเสาหลักของอาณาจักรฉิน แม่ทัพใหญ่เจิ้งจ้าว เป็นข้าราชการผู้สำคัญ หากทรงปลดฮองเฮาในเวลานี้แล้วตระกูลฉินคับแค้นใจ หันคมดาบเข้าหาเราและโจมตีฝ่ายเราอย่างกะทันหัน”

“เช่นนั้นอาณาจักรฉินก็จะตกอยู่ในอันตราย ดังนั้นลูกจึงอยากขอให้ท่านพ่อไตร่ตรองอีกครั้งพ่ะย่ะค่ะ!”

คำพูดนี้ดูเหมือนกำลังขอความเมตตาแทนฮองเฮา ในความเป็นจริง เขาวางแผนที่จะทำให้ฮ่องเต้ฉินหวาดกลัวตระกูลฉินอย่างสิ้นเชิง และเป็นไปตามคาด

“ปัง”

ฮ่องเต้ฉินต่อยหมัดลงบนโต๊ะ เขาเดือดดาลอย่างมาก และตะคอกว่า “เพราะตระกูลฉินเป็นใหญ่อยู่ตระกูลเดียว จึงสามารถปฏิบัติต่อพระสนมอันเป็นที่รักของข้าเช่นไรก็ได้งั้นรึ! บังอาจนัดขุนนางอื่นมาในตำหนักลับหลังข้า และถูกข้าจับได้คาหนังคาเขา ตระกูลฉินไม่ได้เห็นข้าอยู่สายตาเลย จะให้ข้าเอาหน้าไปไว้ที่ใด!”

เห็นได้ชัดว่าเหล่าเจ้าหน้าที่ตรวจตราเองคิดไม่ถึง ว่าฮองเฮาที่มีศักดิ์ศรีและประพฤติตัวดีมาตลอดจะกระทำเรื่องเช่นนี้ลับหลังได้ มิน่าฮ่องเต้ฉินจึงโกรธเกรี้ยวมากถึงเพียงนี้ ทุกคนต่างพากันก้มหน้าลง ไม่กล้าเกลี้ยกล่อมอะไรอีก

ฮ่องเต้ฉินยังคงไม่หายโกรธ เขาชี้ไปยังเหล่าเจ้าหน้าที่ตรวจตราแล้วพูดอย่างเข้มงวดว่า

“พวกเจ้าก็ดีแต่จับตาดูข้า! เหล่าตระกูลขุนนางที่วางแผนจะก่อกบฏอย่างลับๆที่วังหลังพวกนั้น เหตุใดจึงไม่ไปจับตาดู! พูดจามั่วซั่วให้ข้าฆ่าคนนั้นคนนี้ บัดนี้อาณาจักรฉินไม่เหลือคนที่เป็นประโยชน์เลยสักคน เหตุใดพวกเจ้าจึงไม่พูดอะไรหน่อย?”

เหล่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายตรวจตราสีหน้าลำบากใจ แต่เมื่อฮ่องเต้โกรธเกรี้ยว ก็ไม่มีใครกล้าราดน้ำมันลงกองไฟ

“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พวกเจ้าทุกคนจงส่งคนไปจับตาดูทุกการเคลื่อนไหวของพวกตระกูลขุนนาง สืบว่าพวกเขากำลังวางแผนอะไร ถอยไปได้!”

เหล่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายตรวจตราจึงตอบรับอย่างขี้ขลาดว่า “พ่ะย่ะค่ะ ขอตัวก่อนพ่ะย่ะค่ะ”

เมื่อเหล่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายตรวจตราจากไปแล้ว ความเดือดดาลของฮ่องเต้ฉินก็ยังไม่หายไป เมื่อไตร่ตรองแล้วก็ตัดสินใจจะไปแก้ร้อนที่ตำหนักของพระสนมฉี

ทันทีที่เหล่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายตรวจตราออกจากตำหนักหย่างซินก็เผยสีหน้าที่ยากลำบากออกมา ภาระงานอันล้นหลามในปัจจุบันพวกเขาก็ทำให้รับมือไม่ไหวแล้ว ตอนนี้ยังส่งพวกเขาไปสะกดรอยตามเพื่อหาความผิดและจุดอ่อนของแต่ละตระกูลขุนนางด้วย จะทำอย่างไรกันดี?

ทันใดนั้นเององค์ชายเจ็ดฉินอวี่ก็วิ่งตามมา เหล่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายตรวจตราต่างพากันคำนับแล้วพูดว่า

“อวี่ชินหวังพ่ะย่ะค่ะ”

ฉินอวี่โบกมือแล้วพูดว่า “ไม่ต้องมากพิธี ข้าเห็นว่าพวกท่านก้าวเท้าเดินอย่างลำบาก แถมสีหน้าก็ไม่สู้ดีนัก เพราะกำลังกังวลต่อภาระที่ท่านพ่อจัดแจงให้ใช่รึไม่?”

เจ้าหน้าที่ฝ่ายตรวจตราคนหนึ่งประสานมือคารวะแล้วพูดด้วยสีหน้าที่กังวลว่า

“ขอกล่าวตรงๆพ่ะย่ะค่ะ พวกข้าก็เป็นเพียงเจ้าหน้าที่ฝ่ายตรวจตรา ชำนาญด้านการเขียน แต่ฝ่าบาทกลับรับสั่งให้พวกข้าไปตรวจสอบ แล้วพวกข้าจะเข้าใจเรื่องเหล่านี้ได้อย่างไรกันพ่ะย่ะค่ะ ช่างลำบากใจเหลือเกินพ่ะย่ะค่ะ”

ฉินอวี่กำลังรอคำพูดนี้อยู่เลยเชียว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์