“หรือว่าองค์ชายสิบสี่จะ......”
“ไม่หรอกนะ......”
เหล่าขุนนางอาณาจักรฉินต่างพูดออกมาอย่างตกตะลึง ทุกคนล้วนมองด้วยสายตาที่เหลือเชื่อ และจับตามองท่าทางของฉินเหยียนทุกกระบวน
ฉินเหยียนนำลูกธนูทั้งสามดอกวางตรงกลางของคันธนู ในขณะที่ยกคันธนูขึ้นเขาก็ลดแขนซ้ายลง และดันคันธนูไปข้างหน้าเพื่อยึกลูกธนูทั้งสามดอกไว้
เขาใช้ไหล่ซ้ายออกแรงดันไหล่ขวาเพื่อชักคันธนู และใช้มือที่กำลูกธนูดึงมาใต้คาง ทำการดึงธนูให้สุด จากนั้นหลับตาซ้าย ตาขวาเล็งใบวิลโลว์บนเป้า
ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มที่ผ่อนคลาย แล้วพูดอย่างมั่นใจว่า “จ้าวอู๋ตี๋ ดูให้ดีละว่าสิ่งใดคือวิชายิงธนู!”
“สวบ” เมื่อสิ้นเสียงฉินเหยียนก็ปล่อยมือ
ลูกธนูทั้งสามดอกพุ่งไปยังเป้าใบวิลโลว์ที่อยู่ห่างไปร้อยเมตรอย่างรวดเร็วราวกับลูกปืน สายตาของทุกคนต่างจับจ้องไปยังลูกธนูสามดอกที่พุ่งไปไกล
“โดนรึเปล่า?”
“ยิงโดนไหมเนี่ย!”
หากไม่ใช่เพราะต้องสงวนกิริยาในพระราชวังแล้ว พวกเหล่าขุนนางก็คงวิ่งไปดูเองแล้ว
ขันทีที่อยู่ห่างออกไปวิ่งยกเป้าวิลโลว์มาแล้วตะโกนราวกับเด็กว่า “โดนแล้วโดนแล้ว!”
เขาวิ่งมาถึงตรงหน้าทุกคนอย่างเหน็ดเหนื่อย “รายงานพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท องค์ชายสิบสี่ยิงธนูทั้งสามดอกโดนใบวิลโลว์ทั้งหมดพ่ะย่ะค่ะ!”
เป็นไปตามคาด ลูกธนูทั้งสามดอกของฉินเหยียนเสียบใบวิลโลว์อย่างเป็นระเบียบ ผลลัพธ์นี้ทำเอาเกิดความฮือฮาอย่างมาก
“พระเจ้า! ใบวิลโลว์เล็กๆนั้นมีลูกธนูสามดอกเสียบเอาไว้! มหัศจรรย์มาก!”
“แม่ทัพแห่งอาณาจักรจ้าวก็ไม่เท่าไรนี่ ยิงโดนแค่ดอกเดียวเอง แต่ลูกธนูสามดอกขององค์ชายสิบสี่กลับยิงลูกธนูเรียงกันบนใบวิลโลว์!”
“ช่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ!”
ด้วยเสียงที่ประจบประแจงข้างหูนั้น จ้าวอู๋ตี๋กัดฟันแน่นแล้วก้มหน้าลง แพ้อีกแล้ว เขาเองก็รู้สึกหม่นหมองอย่างมาก
ฮ่องเต้ฉินหัวเราะเสียงดัง “เหยียนเอ๋อร์ วันนี้เจ้าทำให้ข้ารู้สึกประหลาดใจอย่างที่สุด ไม่เลว มีความคล้ายข้าเมื่อยังวัยเยาว์”
คำที่ชมฉินเหยียนเหล่านี้ กลับทำให้ฮองเฮาฉินซวงหลานรู้สึกไม่รื่นหูเอาเสียเลย
ฉินเหยียนกลับหัวเราะจนหุบปากไม่ได้ เขาแสร้งทำเป็นจริงจังแล้วพูดว่า
“ลูกมีความสามารถเพียงเท่านี้ จะเทียบกับท่านพ่อได้อย่างไร ท่านประหยัดและรักชาวเมือง จิตใจกว้างขวาง ทุ่มเทเพื่อให้อาณาจักรเจริญรุ่งเรือง ปฏิรูปโดยผู้มีความสามารถ กำลังของลูกยังไม่เท่าส่วนหนึ่งของท่านพ่อเลยพ่ะย่ะค่ะ”
คำเยินยอนี้ทำเอาฮ่องเต้ฉินยิ่งหลงระเริงเข้าไปใหญ่ ฮองเฮาฉินซวงหลานที่อยู่อีกด้านสีหน้าไม่พอใจมากกว่าเดิม
แม้แต่องค์ชายแปดฉินอู่เองก็แอบด่าทอในใจ เจ้าสิบสี่ช่างพูดเยินยอเก่งนัก ไม่ว่าอะไรเขาก็ได้หน้าไปหมด!
ฉินเหยียนหันหน้ามาพูดกับจ้าวอู๋ตี๋ว่า “ เป็นไรอย่างไรบ้างแม่ทัพใหญ่จ้าว ยอมรับรึไม่?”
จ้าวอู๋ตี๋โกรธจนหน้าแดงไปหมด เขากำมือแน่นแล้วกัดฟันกรอด “ไม่ยอมรับ! การแข่งแบบไม่ใช้กำลังแพ้ แต่ยังมีแบบใช้กำลังอยู่ เรามาแข่งกันอีกครั้ง!”
ฉินเหยียนยิ้มอย่างชั่วร้าย “แบบใช้กำลังก็ย่อมได้ แต่ข้าขอเตือนเจ้าไว้ก่อน ตอนนี้องค์หญิงของพวกเจ้าเลื่อนขั้นลงตามสัญญาแล้ว หากการแข่งแบบใช้กำลังพวกเจ้ายังแพ้อีก งั้นองค์หญิงสามของพวกเจ้าก็ต้องเป็นนางทาสของข้า!”
จ้าวจีเอ๋อร์จ้องฉินเหยียนอย่างโกรธเกรี้ยว
ต๋าอิ้ง! หากแพ้ก็ต้องเป็นนางทาส! ความอัปยศอดสูที่ไอ้สารเลวนี่ทำกับนางถือเป็นความอัปยศอย่างยิ่ง!
จ้าวจีเอ๋อร์เสียการควบคุมแล้วตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยวว่า “ประลองซะ แล้วสังหารเขา!”
ฉินเหยียนไม่ได้โกรธแต่กลับหัวเราะ “แค่นี้ก็โกรธแล้วงั้นรึ อยากจะสังหารข้าก็ต้องดูว่าพวกเจ้ามีความสามารถนี้ไหม”
จ้าวอู๋ตี๋กัดฟันแล้วคุกเข่าข้างเดียวพร้อมพูดว่า “พ่ะย่ะค่ะ องค์หญิงสามวางใจเถิด ข้าน้อยจะสู้อย่างสุดกำลัง สังหารเจ้าคนตัณหากลับที่ทำให้ท่านต้องอับอายพ่ะย่ะค่ะ!”
เมื่อองค์หญิงสามต้องตกต่ำเป็นนางทาส เหล่าคณะทูตอาณาจักรจ้าวก็เดือดดาลกันอย่างมาก พวกเขาอยากจะหั่นเจ้าคนชั่วผู้โอหังให้เป็นชิ้นๆ
เหล่าขุนนางอาณาจักรฉิน เมื่อได้ยินว่าแม่ทัพอาณาจักรจ้าวจะทำการประลองด้วยชีวิต ก็กระซิบกระซากขึ้นมา
“นะ นี่มันกลั่นแกล้งกันชัดๆเลย แม่ทัพอาณาจักรจ้าวเคยมีประสบการณ์การต่อสู้มาหลายครั้ง แต่องค์ชายที่สิบสี่นั้นอ่อนแอ จะประลองได้อย่างไร!”
“นั่นสิ จะตอบรับไม่ได้เด็ดขาด หากโดนโจมตีเข้าอาจถึงแก่ชีวิตเชียวนะ”
ฮ่องเต้ฉินเองก็เป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของลูกชายเช่นกัน เรื่องในวันนี้เขาเข้าใจแล้วว่า การสมรสเพื่อสันติภาพของอาณาจักรจ้าวนั้นเป็นเพียงคำหลอกลวงทั้งนั้น อีกทั้งยังกล่าวออกมาว่าจะสังหารองค์ชายสิบสี่ต่อหน้าทุกคน มันคือการยั่วยุท้าทายอาณาจักรฉินอย่างเห็นได้ชัด!
“อัปยศอดสูนัก!” ฮ่องเต้ฉินตบโต๊ะแล้วยืนขึ้นอย่างน่าเกรงขาม
“คณะทูตอาณาจักรจ้าว พวกเจ้าเห็นหอชิ่นกงคือสถานที่แบบไหนกัน! เจ้าพวกชั้นต่ำทั้งหลายกล้าทำโอหังเช่นนี้ มีแผนการอะไรกันแน่?”
เมื่อพูดดังนั้นแล้ว เหล่าคณะทูตอาณาจักรจ้าวก็สะดุ้งโหยง พวกเขาเพิ่งจะรู้ตัวว่าได้เผยเป้าหมายที่แท้จริงออกมาอย่างไม่ตั้งใจเสียแล้ว ในเมื่อหลุดแล้วก็ไม่ต้องแสร้งทำอีกต่อไปแล้ว
“ฮ่องเต้ฉิน พวกข้าอาณาจักรจ้าวอุตส่าห์มารับการสมรสเพื่อสันติภาพ แต่องค์ชายอาณาจักรฉินของท่าน ไม่เพียงแต่จะไม่ต้อนรับอย่างดีแล้ว กลับทำการท้าทายยั่วยุหลายครั้ง แล้วจะให้พวกข้าอดทนได้อย่างไรกันพ่ะย่ะค่ะ”
“องค์หญิงสามแห่งอาณาจักรจ้าวนั้นเป็นถึงผู้สูงส่ง แต่การสมรสกับอาณาจักรฉินกลับให้เป็นต๋าอิ้ง หากทั่วทั้งอาณาจักรรู้เข้า ก็ไม่กลัวว่าจะโกรธเกรี้ยวกันหมดรึ?”
การตอบโต้ของคณะทูตอาณาจักรจ้าวทำให้มีคนเห็นด้วยมากมาย โดยเฉพาะฮองเฮาฉินซวงหลาน
“ฝ่าบาท คณะทูตอาณาจักรจ้าวพูดถูกนะเพคะ วันนี้เจ้าสิบสี่ทำเกินไปจริงๆ ไม่เช่นนั้นก็ลงโทษเขาด้วยการให้ประลองกับแม่ทัพอาณาจักรจ้าว เพื่อลดความโอหังของเขาลงบ้าง”
เมื่อองค์ชายแปดเห็นดังนั้นจึงสมทบทันที “ท่านพ่อ วันนี้น้องสิบสี่ทำเกินไปจริงๆ เพื่อดับไฟแห่งความโกรธของคณะทูตอาณาจักรจ้าว ให้พวกเขาประลองกันเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์