องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 41

“เหลวไหล!” ฮ่องเต้ฉินถูกฮองเฮาและองค์ชายแปดยั่วยุจนไม่ไหว

อาณาจักรจ้าวไม่ได้มีเจตนาดี พวกเขาตั้งใจมาหาเรื่องชัดๆ แต่เจ้าสิบสี่กลับปกป้องหน้าตาของอาณาจักรฉินตลอด ฮองเฮาและลูกชายไม่เพียงแต่จะไม่ห้ามปามแต่ยังคอยซ้ำเติมอีก หลอกใช้และถีบหัวส่งคนกันเอง น่าโมโหไม่แพ้กันจริงๆ!

“ฝ่าบาท!” ข้าราชการอาณาจักรฉินต่างก็ขอการตัดสิน

“องค์หญิงอาณาจักรจ้าวยอมสมรสกับอาณาจักรฉิน ตามประเพณีแล้วจะต้องครองตำแหน่งฮวงจื่อเฟย แต่องค์ชายสิบสี่ฉินเหยียนกลับลดตำแหน่งขององค์หญิงตามใจ ประสงค์จะทำลายการปรองดองระหว่างสองอาณาจักรพ่ะย่ะค่ะ”

“ขอฝ่าบาทลงโทษองค์ชายสิบสี่ด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”

เมื่ออาณาจักรจ้าวเห็นโอกาส จ้าวอู๋ตี๋ก็ตำหนิว่า “จริงที่พวกข้าเป็นฝ่ายเสนอการประลอง ในเมื่ออาณาจักรจ้าวแพ้หลายครั้ง งั้นพวกข้าก็ต้องเอาชนะให้ได้!”

“ฮ่องเต้ฉินกล้าที่จะประลองกับพวกข้าโดยใช้อาวุธจริงไหมพ่ะย่ะค่ะ!”

“พวกอาณาจักรฉินเก่งแต่การโต้เถียง ตีฝีปาก ก็ไม่เท่าไรนี่!”

“เป็นถึงอาณาจักรฉินที่สถาปนาอาณาจักรโดยการรบ บัดนี้แม้แต่องค์ชายก็ยังไม่กล้าประลอง อาณาจักรฉินช่างล้าหลังจริงๆ!”

คณะทูตอาณาจักรจ้าวต่างพากันพูดดูถูก นั่นทำให้รู้สึกไม่ดีอย่างมาก

“ฝ่าบาท!”

“พอได้แล้ว!” ฮ่องเต้ฉินเดือดดาลจนอยากจะพังโต๊ะ เขาแทบจะไม่เป็นมิตรต่ออาณาจักรจ้าวอีกต่อไปแล้ว

ในยามคับขัน ฉินเหยียนได้เอ่ยปากพร้อมทำมือคารวะ “ท่านพ่อ อย่าเดือดดาลไปเลยพ่ะย่ะค่ะ ก็แค่ประลองวิชาเท่านั้น ลูกยินดีจะประลองกับอาณาจักรจ้าวพ่ะย่ะค่ะ!”

“เหยียนเอ๋อร์ นี่เจ้า......” ฮ่องเต้ฉินมึนงงไปทันที เขาไม่เข้าใจลูกชายคนที่สิบสี่ที่เป็นคนสุดท้องเลย

“เป็นอันตกลง พวกข้าเองก็จะไม่กลั่นแกล้งพวกเจ้า”

จ้าวอู๋ตี๋โบกมือ จากนั้นก็มีคนตัวใหญ่ที่ส่วนสูงสองเมตรกว่าเดินออกมาจากกลุ่มของอาณาจักรฉิน

“คนผู้นี้คือนักรบที่ทรงพลังที่สุดในอาณาจักรจ้าว เขาแข็งแกร่งมาก ตราบใดที่อาณาจักรฉินเอาชนะเขาได้ วันนี้พวกข้าก็ขอยอมแพ้!”

เมื่อพูดดังนั้นแล้ว เหล่าข้าราชการอาณาจักรฉินก็พากันฮือฮากันใหญ่

“เป็นเขานั่นเอง!”

“นักรบที่ทรงพลังที่สุดในอาณาจักรจ้าว ถูกขนานนามว่าด่านแข็งแกร่งอันดับหนึ่งในใต้หล้า!”

“ว่ากันว่าเขามีพละกำลังมากจนสามารถยกหม้อขนาดใหญ่ที่หนักถึงพันปอนด์ได้!”

“พระเจ้า อย่าว่าแต่องค์ชายสิบสี่เลย ต่อให้เป็นทหารหัวกะทิของอาณาจักรฉินก็ประลองตัวต่อตัวกับเขาไม่ไหวหรอกมั้ง?

ท่ามกลางการถกเถียงนั้น นักรบอันดับหนึ่งของอาณาจักรจ้าวก็ได้เดินมาแล้วใช้หมัดประสานกัน จากนั้นก็มองฉินเหยียนอย่างโหดเหี้ยม

“ข้าจะทำให้เจ้าเป็นชิ้นๆ ข้าจะต่อยกระดูกในร่างของเจ้าให้แหลกละเอียด ทำให้เจ้าเหมือนตายทั้งเป็น!”

“หึๆ” ฉินเหยียนหัวเราะประชดแล้วมองไปยังฮ่องเต้ฉินอย่างเคร่งขรึม

“ท่านพ่อ ในขณะที่ประลอง ข้าสังหารเขาได้ไหมพ่ะย่ะค่ะ?”

“ว่าอย่างไรนะ?” ฮ่องเต้ฉินมึนงงไป

เหล่าข้าราชการต่างๆของอาณาจักรฉินเองก็มึนงงไป คณะทูตอาณาจักรจ้าวเองก็เช่นกัน องค์ชายสิบสี่ผู้อ่อนแอจะสังหารใครนะ? สังหารนักรบอันดับหนึ่งแห่งอาณาจักรจ้าวรึ?

เขาเนี่ยนะ เขาจะสังหารได้อย่างไร? แล้วจะสังหารอย่างไร?

ฮ่องเต้ฉินเอามือจับขมับแล้วพูดอย่างจนปัญญาว่า “เหยียนเอ๋อร์ พอได้แล้ว ไปรออีกด้านซะ แม่ทัพอาณาจักรฉินอยู่ไหนกัน ใครจะยอมประลองแทนลูกชายของข้าบ้าง!”

เมื่อพูดดังนั้นแล้ว ทุกคนก็เงียบกริบกันหมด

ข้าราชการทั้งหลายแห่งอาณาจักรฉิน โดยเฉพาะทางทหาร ต่างพากันถอยหลังและก้มหน้าไม่พูดอะไร

“พูดสิ เหตุใดจึงไม่มีใครพูด!” ฮ่องเต้ฉินถาม แต่กลับไม่มีทหารคนไหนเดินหน้าเพื่อรับคำสั่งเลย

“เหมิงจ้าน เหมิงเถียน เหมิงเจีย อยู่ที่ไหน?”

ไท่ฟู่ทำมือคารวะแล้วรายงานต่อฮ่องเต้ว่า “รายงานพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท ผู้บัญชาการทหารเหมิงเจียถูกองค์ชายสิบสี่กระตุ้นจนกระอักเลือดในการประลองวันนี้พ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้ยังอยู่ในการพักฟื้นพ่ะย่ะค่ะ”

คำตอบนี้ทำเอาสีหน้าของฮ่องเต้ฉินเกิดเดือดดาลมากขึ้น ชั่วขณะนั้นไม่มีใครพูดอะไรเลยแม้แต่คนเดียว

จ้าวจีเอ๋อร์รีบพูดซ้ำเติมว่า “จุ๊ จุ๊ จุ๊ เป็นถึงอาณาจักรฉิน แต่กลับล้มเหลวถึงขนาดไม่มีทหารที่จะออกมาประลองได้เลย ทั้งที่เป็นถึงองค์ชายสิบสี่ แต่กลับตัวคนเดียว อาณาจักรฉินช่างน่าสลด ช่างเงียบเหงา ช่างไร้น้ำยาจริงๆ!”

เสียงของจ้าวจีเอ๋อร์ไม่ได้ดังแต่ทุกคนกลับได้ยินอย่างชัดเจน

ใช่ว่าอาณาจักรฉินไม่มีใครประลองได้ แต่เป็นเพราะมีฝ่ายบู๊และบุ๋นมากมาย ความสัมพันธ์ซับซ้อน ต่อให้เป็นผู้ที่รักอาณาจักร แต่การประลองด้วยชีวิตกับนักรบอันดับหนึ่งเพื่ออาณาจักรฉินนั้น

ฮองเฮาฉินซวงหลานส่งสายตาทำให้พวกเขาต้องอดกลั้นกันหมด ฮองเฮาฉินซวงหลานทรงอำนาจและได้รับการสนับสนุนจากตระกูลขุนนาง นางสามารถตัดสินชีวิตใครก็ได้ พวกเขาต้องคำตามคำสั่งจึงจะมีชีวิตต่อไปได้ หากขัดคำสั่งของฮองเฮามีแต่ต้องตายเท่านั้น

สถานการณ์วันนี้เกิดจากองค์ชายสิบสี่ที่ไม่มีรากฐาน ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงเขารับผลที่ตามมาเท่านั้น

เห็นได้ชัดว่าฮ่องเต้ฉินเองก็มองสถานการณ์ออกแล้ว เขานั่งอยู่บนเก้าอี้มังกรอย่างเหน็ดเหนื่อย และคิดในใจว่า หากจนมุมจริงๆ เขาก็ยังไม่แก่เลยนะ ฮ่องเต้แห่งอาณาจักรฉินคนนี้ยังมีแรงจะสู้!

“ท่านพ่อ” ทันใดนั้นเสียงขององค์ชายสิบสี่ก็ดังขึ้น

“ท่านพ่อ ข้ายินดีจะรับการประลอง ขอท่านพ่อโปรดอนุมัติด้วยเถิด!”

“เหยียนเอ๋อร์ อย่าฝืนเลย!” ฮ่องเต้ฉินไม่เคยให้ความสนใจกับฉินเหยียนมาก่อน เพียงเพราะเขามีร่างกายที่อ่อนแอ เจ็บป่วยบ่อยครั้ง และไร้เรี่ยวแรง การที่เขารับการประลองก็เท่ากับรนหาที่ตายเท่านั้น

“ท่านพ่อ ข้าเต็มใจที่ฝ่าอันตรายและหลั่งเลือดเพื่ออาณาจักรฉิน โปรดอนุญาตให้ลูกยอมรับการประลองด้วยเถิด!” เมื่อพูดดังนั้นแล้ว จู่ๆฉินเหยียนก็ลุกขึ้นแล้วยกไหเหล้าขึ้นดื่ม

“แพล้ง” ไหเหล้าตกแตก

ฉินเหยียนท่องบทกลอนขณะเมาว่า “จันทราและปราการแห่งฉินฮั่นป้องกันศัตรูรุกล้ำเขต ทอดยาวหมื่นลี้ ทหารกล้าคนไกลไม่กลับมา หากขุนพลเว่ยชิงแห่งฮั่นยังมีชีวิตอยู่ จักมิยอมให้ชาวซยงหนูควบม้าผ่านเขาอินซาน”

ทุกคนลุกขึ้นยืนแล้วต่างก็ตะลึงจนอ้าปากค้าง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์