องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 47

“หึหึหญิงงาม ร้องเลย ยิ่งดังยิ่งดี ข้าอยากจะดูว่าใครจะช่วยเจ้าแบบไม่กลัวตายบ้าง!” คำพูดขี้โกงของเขาทำเอาทุกคนถึงกับหมดคำจะพูด บอกว่าเขาขี้โกงนั้นไม่เกินจริงเลยสักนิด

การกระทำเช่นนั้นหากไม่เรียกคนพาลแล้วจะเรียกว่าอย่างไรได้!

ฉินเหยียนคว้าคอเสื้อของจ้าวจีเอ๋อร์แล้วออกแรงกระชากเพื่อดึงนางมาข้างๆ จากนั้นก็ถามอย่างเย็นชาว่า “ข้าขอถามเจ้า เป้าหมายที่แท้จริงที่พวกเจ้ามาที่อาณาจักรฉินคืออะไรกันแน่?”

“ว่าอย่างไรนะ เป้าหมายที่แท้จริงของเราคือการสมรสเพื่อสันติภาพแน่นอนอยู่แล้ว!”

“โกหก” ฉินเหยียนยิ้มประชดแล้วพูดว่า “เพื่อการสมรส จ้าวอู๋ตี๋และนักรบอันดับหนึ่งติดตามเจ้ามาเช่นนี้เพราะมีแผนอะไรใช่รึไม่?”

“ไม่มี! ไม่มีจริงๆ ไม่มีจริงๆ!” การตอบสนองของจ้าวจีเอ๋อร์ในตอนนี้ มีท่าทีที่อยากปกปิดซ่อนเร้น กลับกลายเป็นเปิดเผยให้โลกรู้ นางคลานไปหาฮ่องเต้ฉินแล้วร้องขอชีวิตว่า

“ฮ่องเต้ฉิน ลูกชายของท่านดื่มมากเกินไปแล้ว ควบคุมเขาหน่อยเพคะ ขอร้องล่ะอย่าปล่อยให้เขาบ้าต่อไปเลยเพคะ!”

ฮ่องเต้ฉินเองก็มีสีหน้าที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เขามองไปรอบแล้วๆแล้วพบว่าข้างกายของตนเองมีทหารองครักษ์มากพอ จึงได้พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน สีหน้าอบอุ่นอย่างระมัดระวังว่า

“เหยียนเอ๋อร์ อย่างไรนางก็เป็นชายาของเจ้า อย่ากลั่นแกล้งนางเลย คนอื่นรู้เข้าจะไม่ดี!”

ฉินเหยียนแสร้งทำสีหน้ากระจ่าง “จริงด้วย นางคือชายาของข้า คือนางทาสที่ข้าชนะมาได้!” เมื่อพูดดังนั้นแล้วเขาก็จับจ้าวจีเอ๋อร์ที่ขัดขืนขึ้นไหล่ของเขา

“ไปหอนอนของเรากันเถิด!”

“เพียะ!”

เหล่าขุนนางอาณาจักรฉินไม่อาจสู้หน้าได้ พวกเขาพากันเอามือปิดหน้ากันหมด

นอกจากจ้าวจือหย่าที่ยืนอึ้งอยู่กับที่ เมื่อเห็นว่าฉินเหยียนพาตัวจ้าวจีเอ๋อร์เดินไปไกลแล้ว นางอยากจะตามไปแต่ก็ไม่กล้า ตกลงกันว่าคืนนี้จะสานสัมพันธ์กันต่อไม่ใช่รึ เหตุใดตอนนี้จึงมีจ้าวจีเอ๋อร์เพิ่มมาด้วยล่ะ แล้วจะทำอย่างไรต่อดี

ทางด้านคณะทูตอาณาจักรจ้าว หลังจากตกใจขวัญหายกันแล้ว องค์หญิงสามของพวกเขาก็ถูกทำให้อับอายแล้วจับตัวไป แต่พวกเขาไม่เพียงแต่จะไม่กล้าทำอะไรเลยเท่านั้น แม้แต่เงยหน้ายังไม่กล้าเลย บัดนี้พวกเขารู้สึกคิดผิดที่มาอาณาจักรฉินจริงๆ มันคือฝันร้ายในชีวิตของพวกเขาเลย

“ฮ่าๆๆ ความสุขอันยิ่งใหญ่ทั้งสี่ในชีวิต ประสบความสำเร็จผ่านเข้ารอบ ส่งตัวเข้าเรือนหอ สังหารผู้คน ฉุดเจ้าสาว ฮ่าๆๆ......” ฉินเหยียนหัวเราะอย่างโอหัง เขาแบกตัวจ้าวจีเอ๋อร์เอาไว้แล้วออกไปต่อหน้าต่อตาของทุกคน

เมื่อมาถึงบันไดก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้บอกลาท่านพ่อ จึงได้หันตัวกลับแล้วพูดว่า “ท่านพ่อ ลูกร่างกายแข็งแรงดี ขอลาก่อนนะพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้ฉินถึงกับจนปัญญา “ไปเถอะไปเถอะ”

เขาร่างกายแข็งแรงอะไรล่ะ เมาแล้วต้องการมีเรื่องบนเตียงชัดๆ แถมเจ้ายังแบกองค์หญิงสามไว้อีก เจ้าลูกคนนี้รอสร่างเมาก่อนเถอะ แล้วข้าจะมอบรางวัลให้อย่างสาสมเลย!

เมื่อจ้าวจือหย่าเห็นดังนั้นแล้วก็รีบวิ่งออกมาคุกเข่าแล้วพูดว่า “ฝ่าบาท ข้าขอตามไปดูแลองค์ชายสิบสี่เพคะ”

“ไปเถอะ”

จ้าวจือหย่าขอบพระทัยแล้วรีบวิ่งตามไปทันที

ฉินเหยียนแบกร่างของจ้าวจีเอ๋อร์เอาไว้แล้วเดินไปถึงขอบสังเวียนอย่างรวดเร็ว

“ปล่อยข้านะ เจ้าคนบ้าคลั่ง คนตัณหากลับ ข้าขอร้องแล้วไง?”

จ้าวจีเอ๋อร์ร้องไห้จนน้ำตานองหน้า เมื่อนางตกไปอยู่ในเงื้อมมือขององค์ชายสิบสี่ที่คาดเดาอะไรไม่ได้แล้วก็ไม่อาจรู้ได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับนาง

“ปล่อยองค์หญิงสามของพวกข้านะ!” ทันใดนั้นเององครักษ์อาณาจักรจ้าวที่ถูกทหารองครักษ์สกัดตัวไว้ ถือว่าพวกเขายังมีความฮึกเหิมอยู่บ้าง ถึงได้กล้าต่อกรกับฉินเหยียน

“เอ๊ะ!” ฉินเหยียนหยุดฝีเท้าลง เมื่อเห็นเหล่าองครักษ์อาณาจักรจ้าวแล้วถามอย่างสงสัยว่า “เหตุใดพวกเขาถึงยังไม่ตาย?”

“นั่นมัน......” ทหารองครักษ์งงกันไปหมด หากจะฆ่าพวกเขาต้องรอคำสั่งจากฝ่าบาทก่อนไม่ใช่รึ

“ข้าเอง!” ฉินเหยียนทิ้งจ้าวจีเอ๋อร์ลงไปบนพื้นแล้วถือดาบเดินไปข้างหน้า จากนั้นก็แกว่งดาบฟัน

เมื่อแสงเงาของดาบปรากฏ เลือกสีแดงสดก็สาดกระจาย ศีรษะขององครักษ์แห่งอาณาจักรจ้าวต่างก็ร่วงหล่นลงมาข้างกายของจ้าวจีเอ๋อร์

นางตกใจจนหน้าเสีย เบิกตากว้างและอ้าปากค้าง ต่อให้นางจะชำนาญเรื่องการหลอกลวงและการสมรู้ร่วมคิด แต่ก็ไม่เคยพบเห็นภาพนองเลือดเช่นนี้มาก่อน

อยากจะฆ่าก็ฆ่าเลยเช่นนี้ เป็นครั้งแรกที่เผชิญหน้ากับความเป็นและความตาย มันสร้างผลกระทบต่อจ้าวจีเอ๋อร์อย่างมาก และวันนี้ก็ได้กลายเป็นฝันร้ายของจ้าวจีเอ๋อร์ไปตลอดกาล เป็นแผลในใจที่ใหญ่หลวงอย่างมาก

“ฆ่ามัน! ล้างแค้นให้กับเหล่าทหารแห่งอาณาจักรฉินที่ได้ล้มตายไป!”

เมื่อสิ้นเสียงของฉินเหยียนแล้ว ทหารองครักษ์ก็ไม่ลังเลอีกต่อไป พวกเขาได้ทำการบั่นคอองครักษ์อาณาจักรจ้าวที่เหลือทันที

ฉินเหยียนทิ้งดาบลงแล้วเดินมายังข้างกายของจ้าวจีเอ๋อร์อีกครั้ง วินาทีนี้เขาไม่มีความเมาอีกเลย เหลือเพียงใบหน้าที่เต็มไปด้วยจิตสังหารมากมาย

“เมื่อเผชิญหน้ากับกำลังที่ความแข็งแกร่งที่แท้จริง การสมรู้ร่วมคิดและกลอุบายทั้งหมดก็ไร้ประโยชน์ ในเมื่อก่อนจะมาที่นี่เจ้าได้ตัดสินใจว่าจะก่อความวุ่นวายแล้ว แถมยังไม่ยอมพูดความจริง ถ้าอย่างงั้นก็เตรียมรับไฟโกรธของข้าละกัน!”

ทันใดนั้นจ้าวจีเอ๋อร์ก็กระจ่างทันที “เจ้าไม่ได้เมา!”

“ไปกันเถอะ ตอนนี้เจ้าคือนางทาสของข้าเชียวนะ! ฮ่าๆๆ......”

จ้าวจีหย่าที่เพิ่งวิ่งตามมาก็ได้ยินคำพูดของฉินเหยียนเช่นกัน ทันใดนั้นนางก็เข้าใจทันที เมื่อเผชิญหน้ากับกำลังที่ความแข็งแกร่งที่แท้จริง การสมรู้ร่วมคิดและกลอุบายทั้งหมดก็ไร้ประโยชน์!

องค์ชายสิบสี่ฉินเหยียนรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่านี่คือกลอุบายของอาณาจักรจ้าว เขาฉลาดอย่างมาก! ไม่เพียงแต่จะฉลาด แถมยังสร้างความแตกสามัคคีในกลุ่มศัตรูได้อีกด้วย สามารถพลิกสถานการณ์เช่นนี้ได้ ให้ตัวเองเป็นผู้ได้รับประโยชน์สูงสุด

เขาคือใครกันแน่ องค์ชายสิบสี่ฉินเหยียน นั่นคือท่านจริงๆงั้นรึ? เมื่อเห็นฉินเหยียนเดินไปไกลแล้วจ้าวจีหย่าก็หยุดคิด

“รอข้าด้วย!”

ทันใดนั้นนางก็วิ่งตามไป นางจะใช้ทั้งชีวิตในการคลี่คลายความลับขององค์ชายสิบสี่

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์