ค่ำคืนแห่งการทรมานนี้เริ่มตั้งแต่ดึกดื่นจนถึงรุ่งเช้า
ตลอดทั้งคืนด้านนอกตำหนักชีหลินต่างก็ได้ยินเสียงร้องของความเจ็บปวดระคนสุขของสตรีอย่างชัดเจน
ขันทีและนางกำนัลต่างก็ถูกเสียงนี้รบกวน
แม้แต่ผู้ดูแลกิจภายในวังก็รายงานความปิติในค่ำคืนนั้นต่อฮ่องเต้ฉินโดยไม่ปิดบังใดๆ
"สวรรค์ เขาจัดการองค์หญิงสามไปแล้วจริงๆหรือ?"
ฮ่องเต้ฉินนั่งอยู่บนเตียงด้วยความรู้สึกยุ่งเหยิงและกลัดกลุ้มทว่าแฝงไปด้วยความสุขเล็กน้อยเช่นกัน
ถูกต้อง!
ค่ำคืนนี้เสียงที่ดังออกมาจากตำหนักชีหลินซึ่งทุกคนต่างก็คิดว่าเป็นองค์หญิงสามแห่งอาณาจักรจ้าว
ทว่าไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าสตรีที่ถูกองค์ชายสิบสี่ทรมานตลอดทั้งคืนจะเป็นสตรีที่มีความสามารถมากที่สุดในอาณาจักรฉินของพวกเขา
อย่าว่าแต่คิดเลยแม้แต่ฝันยังไม่กล้า
มันไม่ง่ายเลยกว่าค่ำคืนนี้จะจบลง
ขันทีและนางกำนัลทุกคนต่างก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งอก
"เฮ้อ มิใช่มนุษย์!"
"ป่าเถื่อน!"
รุ่งเช้า
ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีขาว แสงสีทองยามรุ่งอรุณส่องเข้ามาในห้องและสาดไปบนใบหน้าอย่างอบอุ่น
ฉินเหยียนหาวอย่างเกียจคร้าน เขาเอียงตัวและมองไปที่จ้าวจือหย่าผู้ซึ่งถูกเขาทรมานทั้งคืนวานอย่างมีความสุข
จ้าวจือหย่าหมดแรงไปนานแล้วและหลับสนิทอยู่ในอ้อมแขนของฉินเหยียน
หากมิใช่ว่าวันนี้ยังมีกิจสำคัญที่ต้องกระทำ เขาคงอยากที่จะต่อสู้กับจ้าวจือหย่าอีกสามวันสามคืน!
เขาลุกออกจากเตียงอย่างไม่เต็มใจ และทันทีที่มีความเคลื่อนไหวนางกำนัลผู้ซึ่งคอยปรนนิบัติรับใช้ก็เปิดประตูเข้ามา
เมื่ออาภรณ์มาก็ยื่นมือ เมื่ออาหารมาก็อ้าปาก นางกำนัลสิบกว่าคนคอยปรนนิบัติเขาล้างหน้า บ้วนปาก และเปลี่ยนชุด
ฉินเหยียนอดไม่ได้ที่จะแอบดีใจ
สมัยโบราณนี่ช่างดีจริงๆ!
มีความสุขจริงๆ!
มีคนชอบ มีคนเป็นห่วง
สำหรับฉินเหยียนแล้วเมื่อคืนคือสวรรค์บนดิน
ทว่าสำหรับจ้าวจีเอ๋อร์ที่อยู่ในห้องเก็บฟืนแล้วนั่นคือนรกบนดิน
การถูกขังอยู่ในห้องเก็บฟืนอันมืดมิด ทุกวินาทีล้วนทรมาน
นอกจากนี้ยังมีเสียงเพลงที่ดังทั้งคืนจนนางไม่กล้าหลับตานอน
"แอ๊ด"
ประตูห้องเก็บฟืนถูกเปิดออกจากด้านนอก
ฉินเหยียนโบกพัดพลางเดินเข้ามาด้วยใบหน้าที่สง่างามและเต็มไปด้วยพลัง
"อ๊ะ!"
จ้าวจีเอ๋อร์อุทานและร้องขอความเมตตาด้วยความตระหนก
"ท่านอย่าเข้ามานะ ข้าร้องขอความเมตตาแล้วท่านยังต้องการอะไรอีก?"
จ้าวจีเอ๋อร์ถูกมัดมือมัดเท้าจนขยับไม่ได้ หากจะบอกว่าไม่กลัวก็คงจะเป็นการเสแสร้ง
"ตึ้ง"
นางกำนัลยกเก้าอี้เข้ามา ฉินเหยียนนั่งลงพลางโบกพัดและกล่าวว่า
"เจ้าอย่าพูดเลย สภาพของเจ้าเช่นนี้ จะมีเสน่ห์ดึงดูดอะไร!"
จ้าวจีเอ๋อร์หน้าแดงด้วยความอับอาย ฉินเหยียนเป็นมารร้าย เป็นปีศาจที่เล่นกับใจผู้คนและรังแกสตรี เจ้าคนชั่วช้าอันธพาล
ฉินเหยียนเม้มริมฝีปาก
"วันนี้ยังมีงานต้องทำ ทำงาน"
เหล่านางกำนัลปลดเชือกให้แก่จ้าวจีเอ๋อร์ จากนั้นเช็ดตัวและใส่เสื้อผ้าให้โดยไม่อธิบาย.....
เมื่อเสร็จแล้วฉินเหยียนก็หยิบเชือกออกมาและผูกไว้รอบคอของจ้าวจีเอ๋อร์
จ้าวจีเอ๋อร์ยิ่งโมโห
"ท่านเห็นข้าเป็นอะไร?"
"ทาส สุนัข แล้วแต่เจ้าจะคิด"
หลังจากเขาพูดแล้วยังมองอย่างละเอียดถี่ถ้วนหนึ่งรอบ
"สารเลว!"
จ้าวจีเอ๋อร์พุ่งตัวไปหมายจะลงมือ
ฉินเหยียนจึงออกแรงดึงทำให้จ้าวจีเอ๋อร์ล้มลงกับพื้น
"เด็กดี เรียกนายท่านให้ได้ยินสักหน่อยสิ"
"ท่านฝันไปเถิด!"
จ้าวจีเอ๋อร์สาปแช่งด้วยเสียงอันดัง
"ท่านมันคนบ้า หยามเกียรติข้าเช่นนี้ ข้าจะไม่ปล่อยท่านไปแน่!"
ฉินเหยียนจับปลายเชือกอีกด้านหนึ่งแล้วเดินออกไปพลางพูดว่า
"เห็นอยู่ว่าเจ้าแพ้ให้กับข้าจนต้องมาเป็นทาส เหตุใดจึงตำหนิว่าหมิ่นเกียรติเจ้าเล่า? ไปได้แล้ว!"
เมื่อเขาออกแรงลาก จ้าวจีเอ๋อร์ก็เดินโซซัดโซเซตามไป
"ท่านรังแกกันเกินไปแล้ว ข้าเป็นถึงองค์หญิงสามแห่งอาณาจักรจ้าวนะ!"
ฉินเหยียนที่เดินนำอยู่ข้างหน้ากล่าวขึ้นว่า
"ตั้งแต่วันนี้เจ้าก็มิใช่องค์หญิงสามแล้วแต่เป็นทาสของข้า เจ้าต้องทำตัวให้ชินกับสถานะใหม่นี้"
เขาเดินนำหน้าพลางจับเชือกไว้และให้จ้าวจีเอ๋อร์เดินตามด้านหลัง
นัยน์ตาของจ้าวจีเอ๋อร์เต็มไปด้วยน้ำตาแห่งความคับข้องใจ
นางไม่อยากจะเชื่อว่าองค์หญิงผู้สูงศักดิ์จะได้รับการปฏิบัติเช่นนี้
นางเกลียด เกลียดฉินเหยียน เกลียดอาณาจักรฉินจนอยากจะสับพวกเขาเป็นหมื่นๆชิ้นในเวลานี้!
ตลอดทางที่เดินมาฉินเหยียนจูงจ้าวจีเอ๋อร์เหมือนกับจูงสุนัข
เหล่าขุนนางและนางกำนัลที่เดินผ่านเมื่อเห็นฉากนี้ต่างก็ชี้ไปที่ด้านหลังและปิดปากหัวเราะไม่หยุด
จ้าวจีเอ๋อร์อับอายและโกรธเป็นอย่างมากจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนี
เมื่อมาถึงคลังเสบียงฉินเหยียนให้คนชั่งข้าวสารหนึ่งจินและโยนให้จ้าวจีเอ๋อร์
"นี่คือข้าวสารที่ถึงกำหนดที่เจ้าได้รับในวันนี้ หนึ่งจินไม่ขาดไม่เกิน"
จ้าวจีเอ๋อร์รับข้าวสารไว้ในอ้อมแขนโดยไม่รู้ตัว
"ท่านยังไม่รู้จริงๆนะหรือว่าที่ข้าต้องการสินสอดนี้มีจุดประสงค์อันใด?"
ฉินเหยียนจงใจแสร้งทำเป็นโง่และกล่าวว่า
"ดังที่ข้าเคยกล่าวไว้ เจ้าต้องการเท่าใดข้าก็ให้เท่านั้น ตราบใดที่เจ้าสามารถเอาไปได้ก็เอาไป"
จ้าวจีเอ๋อร์ยังคงไม่ตระหนักถึงปัญหาและพ่นลมออกทางจมูกอย่างเย็นชา
ช่างเป็นคนโง่เขลาที่ดื้อดึงจริงๆ เมื่อถึงเวลาต่อให้เทคลังเสบียงของอาณาจักรฉินของพวกเจ้าออกมาจนหมดก็ยังไม่พอ ดูซิว่าเจ้าจะทำอย่างไร
นางจึงโพล่งออกมาว่า
"เวลานี้ยังไม่สายเกินไปที่จะปล่อยข้า ขอเพียงเจ้าปล่อยข้ากลับไปยังอาณาจักรจ้าวเรื่องที่ผ่านไปแล้วข้าจะไม่ถือสา"
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฉินเหยียน เขากล่าวว่า
"ปล่อยเจ้ากลับไปก็ไร้ประโยชน์ ช่วงเวลาแห่งความหฤหรรษ์เมื่อคืนวาน เสียงดังถึงเพียงนั้น ทั่วทั้งอาณาจักรฉินต่างก็รู้ว่าเจ้าเป็นผู้หญิงของข้า"
"แต่เห็นอยู่ว่าสตรีที่ร่วมเตียงกับท่านเมื่อคืนมิใช่ข้า!"
"ก็ผู้อื่นไม่รู้นี่ ข่าวลือก็คือมีดที่ฆ่าคน"
ฉินเหยียนมีสีหน้าพึงพอใจที่ชัยชนะอยู่ในกำมือ
จ้าวจีเอ๋อร์จึงนึกขึ้นมาได้
นางไม่คิดเลยจริงๆว่าเรื่องจะบานปลายมาถึงขั้นนี้
ชื่อเสียงของนางป่นปี้ไปหมดแล้ว!
ล้วนต้องขอบพระทัยองค์ชายสิบสี่!
"เจ้าสารเลว! ทำลายชื่อเสียงของข้า! พวกเดนตายสามพันคนแห่งอาณาจักรจ้าวของพวกข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่ ข้าจะให้พวกเขาแยกร่างเจ้าเป็นชิ้นๆ!"
เมื่อครู่นางเผลอหลุดปากไปและฉินเหยียนก็ได้รับข้อมูลที่คำพูดนี้เผยออกมาได้ทันเวลา
"เดนตายสามพันคน?"
ทันใดนั้นจ้าวจีเอ๋อร์ก็ตระหนักถึงสิ่งที่เขาพูด นางจึงปิดปากทันทีพลางหลบตาและไม่กล้ามองฉินเหยียนอีกเลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์