ดวงตาของฉินเหยียนเป็นประกาย ทุกสิ่งที่เขาปฏิบัติต่อจ้าวจีเอ๋อร์ล้วนเป็นไปตามแผนการ
อย่างไรเสียเขาก็เป็นนักสืบชั้นยอดในยุคปัจจุบัน การเล่นเล่ห์เพทุบายกับคนยุคโบราณยังเป็นสิ่งไม่แน่นอน
เป็นไปดังคาด ภายใต้การล่อลวงอย่างเป็นขั้นเป็นตอนของเขา จ้าวจีเอ๋อร์ผู้ซึ่งเย่อหยิ่งและคิดว่าตนฉลาดก็เผลอหลุดปากออกมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เป็นเรื่องปกติในแง่ของจิตวิทยาอาชญากรรม การแสดงออกของจ้าวจีเอ๋อร์ในเวลานี้ที่อยากปกปิดซ่อนเร้นกลับกลายเป็นเปิดเผยให้รู้
"อาณาจักรจ้าวของข้ามีนักรบมากกว่าสามพันคน และมีกองทัพที่ทรงพลังสามหมื่น สามแสน สามล้านคน!"
"หากเจ้าปฏิบัติต่อข้าเช่นนี้ กองทัพที่ทรงพลังสามล้านคนของอาณาจักรจ้าวจะไม่มีวันปล่อยเจ้าแน่!"
"และหากมันก่อให้เกิดไฟสงครามระหว่างสองอาณาจักร เจ้าก็คือคนผิด!"
ฉินเหยียนยิ้มอย่างพึงพอใจ
การเล่นลิ้นไม่นับว่าปราดเปรื่อง
เขาจึงกล่าวอย่างไปตามน้ำว่า
"หากเป็นดังที่เจ้ากล่าวอาณาจักรจ้าวก็มีความแข็งแกร่งอยู่บ้าง"
"ไม่ต้องให้เจ้าบอก!"
จ้าวจีเอ๋อร์โอ้อวดอย่างภาคภูมิใจ
"ยังต้องให้เจ้าบอกหรือ ข้าขอเตือนเจ้าสักหน่อย วันอภิเษกสมรสกำหนดไว้หนึ่งร้อยวันหลังจากนี้ และข้าจะไม่อภิเษกสมรสมายังอาณาจักรฉินจนกว่าเจ้าจะให้ข้าวสารจนครบ"
"เจ้าคงน่าจะรู้ว่าข้าวสารที่สะสมในหนึ่งร้อยวันนี้จะมีจำนวนที่ยิ่งใหญ่มหาศาลเพียงใด"
"หากปล่อยข้าไปตอนนี้ อาณาจักรจ้าวของข้าจะไม่ถือสาและยุติความคับข้องใจในอดีต”
"อย่าฝันไปเลย!"
ฉินเหยียนหัวเราะอย่างเต็มที่และกล่าวว่า
"ข้าจะปล่อยสาวงามที่ส่งมาถึงประตูได้อย่างไร เจ้าคอยดูก็แล้วกันว่าข้าจะทำลายแผนการทั้งหมดของอาณาจักรจ้าวของพวกเจ้าอย่างไร"
ในขณะที่กล่าวเขาก็ดึงเชือกในมือและพาจ้าวจีเอ๋อร์เดินกลับ
จ้าวจีเอ๋อร์ถูกฉินเหยียนลากกลับไปอย่างแข็งขืนแล้วถูกผลักเข้าไปในห้องเก็บฟืนจนเซและล้มลงกับพื้น
กลิ่นฝุ่นซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของห้องที่ทรุดโทรมกระทบหน้าขึ้นมาทันที
ฉินเหยียนไม่รู้สึกสงสารนางเลยแม้แต่น้อยและเดินจากไปโดยไม่แม้แต่จะชายตามอง
"ปัง"
ประตูของห้องเก็บฟืนถูกปิดอย่างแรง
และในห้องก็มืดมิดลงในบัดดล
ความรู้สึกกลัวที่จะอยู่คนเดียวของจ้าวจีเอ๋อร์เมื่อคืนนี้เกิดขึ้นอีกครั้ง นางรีบลุกขึ้นและเคาะประตูที่ถูกฉินเหยียนลงกลอนจากด้านนอก
"เปิดประตู!"
"ปังๆๆ"
เสียงก่นด่าของจ้าวจีเอ๋อร์ยังคงลอยอยู่บนท้องฟ้าเหนือตำหนักชีหลินเป็นเวลานาน
ฉินเหยียนปิดหู หญิงบ้าผู้นี้ไม่ได้นอนทั้งคืนยังมีแรงที่จะก่นด่าผู้คน ไม่ง่ายเลยที่จะเอาชนะม้าป่าตัวเล็กๆ
เมื่อเงยหน้าขึ้นเขาก็เห็นจ้าวจือหย่าซึ่งมีใบหน้าแดงระเรื่อ นางแต่งตัวแล้วและลุกขึ้นมาอย่างโซเซเพื่อจะน้อมทักทายฉินเหยียน
"คารวะฝ่าบาทเพคะ"
"คนงาม เจ้าตื่นแล้วหรือ"
ฉินเหยียนประคองจ้าวจือหย่ามานั่งเก้าอี้ด้วยความรักและทะนุถนอม จากนั้นยังจูบนางบนใบหน้า
"ยังเจ็บนิดหน่อยกระมัง?"
จ้าวจือหย่าผลักฉินเหยียนเบาๆอย่างเขินอาย
"ฝ่าบาท โปรดอย่ากล่าวคำพูดหยาบโลนในเวลากลางวันแสกๆสิเพคะ"
ฉินเหยียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
"จะอายอะไร เมื่อคืนเจ้าก็ให้ความร่วมมือกับข้าเป็นอย่างดีนะ"
ทั้งยังก้มศีรษะลงแล้วกระซิบข้างหูของนางว่า
"หรือเจ้าลืมตอนที่เจ้าขอร้องข้าเมื่อคืนไปแล้ว?"
สีหน้าของจ้าวจือหย่าเปลี่ยนเป็นสีแดงทันทีตั้งแต่หูจนถึงคอและแดงมากจนเหมือนเลือดออก
"หม่อมฉัน...."
จ้าวจือหย่าเป็นสตรีจากครอบครัวที่มีการศึกษาดี การที่เรื่องส่วนตัวถูกหยิบยกขึ้นมาเปิดเผย ทำให้นางรู้สึกเขินอายเป็ออย่างมาก
ฉินเหยียนยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
"ข้าไม่ล้อเจ้าแล้ว คืนนี้เรามาต่อกันเถิด"
"หา?"
จ้าวจือหย่าเกือบจะล้มลง คืนนี้ยังจะมาอีกหรือ นี่......
สีหน้าของนางยังคงแดงต่อไป
"อีกอย่างข้ามีงานให้เจ้าทำ"
"ฝ่าบาทโปรดตรัส จือหย่าจะทำอย่างสุดความสามารถเพคะ"
ฉินเหยียนพยักพเยิดคางไปทางห้องเก็บฟืน
"จ้าวจีเอ๋อร์ หญิงบ้าผู้นี้ ฝากเจ้าด้วยก็แล้วกัน สอนนางเกี่ยวกับกฏของทาสแทนข้า สายแล้ว ข้าต้องไปท้องพระโรงแล้ว"
เมื่อกล่าวจบเขาก็ตบบั้นท้ายของจ้าวจือหย่าและเดินออกจากตำหนักชีหลิน
ปล่อยให้จ้าวจือหย่ายืนอยู่กับที่อย่างร้อนใจ
........
ณ ตำหนักจินหลวน
"องค์ชายสิบสี่หยิ่งผยองที่ได้รับความโปรดปราน ยโสโอหัง ฟุ่มเฟือย ไม่เห็นกฎหมายอยู่ในสายตา ก่อความวุ่นวายในราชสำนัก เข่นฆ่าผู้คน ทำลายสัญญาในการเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างฉินและจ้าว เป็นคนบาปของต้าฉิน....."
หัวหน้าผู้ตรวจการแผ่นดินแห่งอาณาจักรฉินกราบทูลอย่างโกรธเคือง
ขุนนางทั้งบุ๋นและบู๊ทั่วทั้งราชสำนักก็เช่นเดียวกัน พวกเขาอยากจะสับองค์ชายสิบสี่ฉินเหยียนเป็นหมื่นๆชิ้น
"ฝ่าบาท ในระหว่างสงครามระหว่างสองอาณาจักรจะไม่สังหารทูต ทว่าทูตของอาณาจักรจ้าวถูกสังหาร นี่เป็นการละเมิดหลักการของต้าฉิน พฤติกรรมดังกล่าวเป็นอันตรายต่อต้าฉินของพวกเรานะพะยะค่ะฝ่าบาท!"
"กระหม่อมขอฝ่าบาทโปรดทรงลงอาญาองค์ชายสิบสี่อย่างรุนแรงเพื่อทำลายความเย่อหยิ่งของเขาพะยะค่ะ!"
"กระหม่อมเห็นด้วยพะยะค่ะ! ฝ่าบาท องค์ชายสิบสี่ทรงกระทำการอย่างป่าเถื่อน สังหารผู้บริสุทธิ์โดยไม่เลือกหน้า เกรงว่า หมายจะกบฏ ขอฝ่าบาทโปรดทรงลงอาญาองค์ชายสิบสี่อย่างหนักด้วยเถิดพะยะค่ะ!"
เหล่าขุนนางทั้งบุ๋นและบู๊ทั้งหมดต่างก็สบตากัน และคุกเข่าลงโดยพร้อมเพรียงกันพร้อมกับกล่าวว่า
"ขอฝ่าบาทโปรดทรงลงอาญาองค์ชายสิบสี่อย่างหนักเพื่อกู้หน้าของต้าฉิน และแสดงความน่าเกรงขามของราชวงศ์พะยะค่ะ!"
ฮ่องเต้ฉินคุมขมับอย่างอารมณ์ไม่ดี
เหล่าขุนนางทั้งบุ๋นและบู๊ทั่วทั้งราชสำนักได้กล่าวโทษองค์ชายสิบสี่ เจ้าคนพวกนี้มีแผนอะไรอยู่ในใจมีหรือข้าจะไม่รู้?
ในงานเลี้ยงเมื่อคืนหากไม่มีเจ้าสิบสี่ช่วยคลี่คลายครั้งแล้วครั้งเล่า ยังไม่รู้ว่าหน้าของต้าฉินจะวางไว้ที่ใด
เวลานี้พวกขุนนางเหล่านี้สมคบคิดกันโดยที่แต่ละคนมีเจตนาอันชั่วร้ายคิดจะโยนความผิดทั้งหมดให้กับเจ้าสิบสี่ มิใช่เพราะว่าผู้ที่สนับสนุนอยู่เบื้องหลังกำลังมีลับลมคมในหรือ
และในเวลานี้เอง
ที่ด้านนอกตำหนักฉินหลวน ขันทีก็ป่าวประกาศว่า
"องค์ชายสิบสี่เสด็จ!"
เหล่าขุนนางทั้งบุ๋นและบู๊ที่คุกเข่าอยู่หน้าท้องพระโรงต่างก็ตกตะลึง และร่างกายของพวกเขาก็สั่นโดยไม่รู้ตัว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์