องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 50

ดวงตาของฉินเหยียนเป็นประกาย ทุกสิ่งที่เขาปฏิบัติต่อจ้าวจีเอ๋อร์ล้วนเป็นไปตามแผนการ

อย่างไรเสียเขาก็เป็นนักสืบชั้นยอดในยุคปัจจุบัน การเล่นเล่ห์เพทุบายกับคนยุคโบราณยังเป็นสิ่งไม่แน่นอน

เป็นไปดังคาด ภายใต้การล่อลวงอย่างเป็นขั้นเป็นตอนของเขา จ้าวจีเอ๋อร์ผู้ซึ่งเย่อหยิ่งและคิดว่าตนฉลาดก็เผลอหลุดปากออกมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

เป็นเรื่องปกติในแง่ของจิตวิทยาอาชญากรรม การแสดงออกของจ้าวจีเอ๋อร์ในเวลานี้ที่อยากปกปิดซ่อนเร้นกลับกลายเป็นเปิดเผยให้รู้

"อาณาจักรจ้าวของข้ามีนักรบมากกว่าสามพันคน และมีกองทัพที่ทรงพลังสามหมื่น สามแสน สามล้านคน!"

"หากเจ้าปฏิบัติต่อข้าเช่นนี้ กองทัพที่ทรงพลังสามล้านคนของอาณาจักรจ้าวจะไม่มีวันปล่อยเจ้าแน่!"

"และหากมันก่อให้เกิดไฟสงครามระหว่างสองอาณาจักร เจ้าก็คือคนผิด!"

ฉินเหยียนยิ้มอย่างพึงพอใจ

การเล่นลิ้นไม่นับว่าปราดเปรื่อง

เขาจึงกล่าวอย่างไปตามน้ำว่า

"หากเป็นดังที่เจ้ากล่าวอาณาจักรจ้าวก็มีความแข็งแกร่งอยู่บ้าง"

"ไม่ต้องให้เจ้าบอก!"

จ้าวจีเอ๋อร์โอ้อวดอย่างภาคภูมิใจ

"ยังต้องให้เจ้าบอกหรือ ข้าขอเตือนเจ้าสักหน่อย วันอภิเษกสมรสกำหนดไว้หนึ่งร้อยวันหลังจากนี้ และข้าจะไม่อภิเษกสมรสมายังอาณาจักรฉินจนกว่าเจ้าจะให้ข้าวสารจนครบ"

"เจ้าคงน่าจะรู้ว่าข้าวสารที่สะสมในหนึ่งร้อยวันนี้จะมีจำนวนที่ยิ่งใหญ่มหาศาลเพียงใด"

"หากปล่อยข้าไปตอนนี้ อาณาจักรจ้าวของข้าจะไม่ถือสาและยุติความคับข้องใจในอดีต”

"อย่าฝันไปเลย!"

ฉินเหยียนหัวเราะอย่างเต็มที่และกล่าวว่า

"ข้าจะปล่อยสาวงามที่ส่งมาถึงประตูได้อย่างไร เจ้าคอยดูก็แล้วกันว่าข้าจะทำลายแผนการทั้งหมดของอาณาจักรจ้าวของพวกเจ้าอย่างไร"

ในขณะที่กล่าวเขาก็ดึงเชือกในมือและพาจ้าวจีเอ๋อร์เดินกลับ

จ้าวจีเอ๋อร์ถูกฉินเหยียนลากกลับไปอย่างแข็งขืนแล้วถูกผลักเข้าไปในห้องเก็บฟืนจนเซและล้มลงกับพื้น

กลิ่นฝุ่นซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของห้องที่ทรุดโทรมกระทบหน้าขึ้นมาทันที

ฉินเหยียนไม่รู้สึกสงสารนางเลยแม้แต่น้อยและเดินจากไปโดยไม่แม้แต่จะชายตามอง

"ปัง"

ประตูของห้องเก็บฟืนถูกปิดอย่างแรง

และในห้องก็มืดมิดลงในบัดดล

ความรู้สึกกลัวที่จะอยู่คนเดียวของจ้าวจีเอ๋อร์เมื่อคืนนี้เกิดขึ้นอีกครั้ง นางรีบลุกขึ้นและเคาะประตูที่ถูกฉินเหยียนลงกลอนจากด้านนอก

"เปิดประตู!"

"ปังๆๆ"

เสียงก่นด่าของจ้าวจีเอ๋อร์ยังคงลอยอยู่บนท้องฟ้าเหนือตำหนักชีหลินเป็นเวลานาน

ฉินเหยียนปิดหู หญิงบ้าผู้นี้ไม่ได้นอนทั้งคืนยังมีแรงที่จะก่นด่าผู้คน ไม่ง่ายเลยที่จะเอาชนะม้าป่าตัวเล็กๆ

เมื่อเงยหน้าขึ้นเขาก็เห็นจ้าวจือหย่าซึ่งมีใบหน้าแดงระเรื่อ นางแต่งตัวแล้วและลุกขึ้นมาอย่างโซเซเพื่อจะน้อมทักทายฉินเหยียน

"คารวะฝ่าบาทเพคะ"

"คนงาม เจ้าตื่นแล้วหรือ"

ฉินเหยียนประคองจ้าวจือหย่ามานั่งเก้าอี้ด้วยความรักและทะนุถนอม จากนั้นยังจูบนางบนใบหน้า

"ยังเจ็บนิดหน่อยกระมัง?"

จ้าวจือหย่าผลักฉินเหยียนเบาๆอย่างเขินอาย

"ฝ่าบาท โปรดอย่ากล่าวคำพูดหยาบโลนในเวลากลางวันแสกๆสิเพคะ"

ฉินเหยียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม

"จะอายอะไร เมื่อคืนเจ้าก็ให้ความร่วมมือกับข้าเป็นอย่างดีนะ"

ทั้งยังก้มศีรษะลงแล้วกระซิบข้างหูของนางว่า

"หรือเจ้าลืมตอนที่เจ้าขอร้องข้าเมื่อคืนไปแล้ว?"

สีหน้าของจ้าวจือหย่าเปลี่ยนเป็นสีแดงทันทีตั้งแต่หูจนถึงคอและแดงมากจนเหมือนเลือดออก

"หม่อมฉัน...."

จ้าวจือหย่าเป็นสตรีจากครอบครัวที่มีการศึกษาดี การที่เรื่องส่วนตัวถูกหยิบยกขึ้นมาเปิดเผย ทำให้นางรู้สึกเขินอายเป็ออย่างมาก

ฉินเหยียนยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์

"ข้าไม่ล้อเจ้าแล้ว คืนนี้เรามาต่อกันเถิด"

"หา?"

จ้าวจือหย่าเกือบจะล้มลง คืนนี้ยังจะมาอีกหรือ นี่......

สีหน้าของนางยังคงแดงต่อไป

"อีกอย่างข้ามีงานให้เจ้าทำ"

"ฝ่าบาทโปรดตรัส จือหย่าจะทำอย่างสุดความสามารถเพคะ"

ฉินเหยียนพยักพเยิดคางไปทางห้องเก็บฟืน

"จ้าวจีเอ๋อร์ หญิงบ้าผู้นี้ ฝากเจ้าด้วยก็แล้วกัน สอนนางเกี่ยวกับกฏของทาสแทนข้า สายแล้ว ข้าต้องไปท้องพระโรงแล้ว"

เมื่อกล่าวจบเขาก็ตบบั้นท้ายของจ้าวจือหย่าและเดินออกจากตำหนักชีหลิน

ปล่อยให้จ้าวจือหย่ายืนอยู่กับที่อย่างร้อนใจ

........

ณ ตำหนักจินหลวน

"องค์ชายสิบสี่หยิ่งผยองที่ได้รับความโปรดปราน ยโสโอหัง ฟุ่มเฟือย ไม่เห็นกฎหมายอยู่ในสายตา ก่อความวุ่นวายในราชสำนัก เข่นฆ่าผู้คน ทำลายสัญญาในการเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างฉินและจ้าว เป็นคนบาปของต้าฉิน....."

หัวหน้าผู้ตรวจการแผ่นดินแห่งอาณาจักรฉินกราบทูลอย่างโกรธเคือง

ขุนนางทั้งบุ๋นและบู๊ทั่วทั้งราชสำนักก็เช่นเดียวกัน พวกเขาอยากจะสับองค์ชายสิบสี่ฉินเหยียนเป็นหมื่นๆชิ้น

"ฝ่าบาท ในระหว่างสงครามระหว่างสองอาณาจักรจะไม่สังหารทูต ทว่าทูตของอาณาจักรจ้าวถูกสังหาร นี่เป็นการละเมิดหลักการของต้าฉิน พฤติกรรมดังกล่าวเป็นอันตรายต่อต้าฉินของพวกเรานะพะยะค่ะฝ่าบาท!"

"กระหม่อมขอฝ่าบาทโปรดทรงลงอาญาองค์ชายสิบสี่อย่างรุนแรงเพื่อทำลายความเย่อหยิ่งของเขาพะยะค่ะ!"

"กระหม่อมเห็นด้วยพะยะค่ะ! ฝ่าบาท องค์ชายสิบสี่ทรงกระทำการอย่างป่าเถื่อน สังหารผู้บริสุทธิ์โดยไม่เลือกหน้า เกรงว่า หมายจะกบฏ ขอฝ่าบาทโปรดทรงลงอาญาองค์ชายสิบสี่อย่างหนักด้วยเถิดพะยะค่ะ!"

เหล่าขุนนางทั้งบุ๋นและบู๊ทั้งหมดต่างก็สบตากัน และคุกเข่าลงโดยพร้อมเพรียงกันพร้อมกับกล่าวว่า

"ขอฝ่าบาทโปรดทรงลงอาญาองค์ชายสิบสี่อย่างหนักเพื่อกู้หน้าของต้าฉิน และแสดงความน่าเกรงขามของราชวงศ์พะยะค่ะ!"

ฮ่องเต้ฉินคุมขมับอย่างอารมณ์ไม่ดี

เหล่าขุนนางทั้งบุ๋นและบู๊ทั่วทั้งราชสำนักได้กล่าวโทษองค์ชายสิบสี่ เจ้าคนพวกนี้มีแผนอะไรอยู่ในใจมีหรือข้าจะไม่รู้?

ในงานเลี้ยงเมื่อคืนหากไม่มีเจ้าสิบสี่ช่วยคลี่คลายครั้งแล้วครั้งเล่า ยังไม่รู้ว่าหน้าของต้าฉินจะวางไว้ที่ใด

เวลานี้พวกขุนนางเหล่านี้สมคบคิดกันโดยที่แต่ละคนมีเจตนาอันชั่วร้ายคิดจะโยนความผิดทั้งหมดให้กับเจ้าสิบสี่ มิใช่เพราะว่าผู้ที่สนับสนุนอยู่เบื้องหลังกำลังมีลับลมคมในหรือ

และในเวลานี้เอง

ที่ด้านนอกตำหนักฉินหลวน ขันทีก็ป่าวประกาศว่า

"องค์ชายสิบสี่เสด็จ!"

เหล่าขุนนางทั้งบุ๋นและบู๊ที่คุกเข่าอยู่หน้าท้องพระโรงต่างก็ตกตะลึง และร่างกายของพวกเขาก็สั่นโดยไม่รู้ตัว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์