นางฟางร้องไห้ขอร้อง
“สามี ลูกสาวของเรายอมขายตัวเองเพื่อแลกกับอาหาร ถือว่านางยังเป็นคนดี คิดถึงครอบครัวนะเจ้าคะ!”
น้องชายของฟางเจาจวินเองก็น้ำตาไหลเช่นกัน ขอร้องแทนพี่สาว
“ท่านพ่อ อย่าไล่พี่หญิงออกไปเลย!”
นายฟางโกรธจัด ตะโกนเสียงดังว่า
“ทุกคนหุบปาก! ไม่ไล่นางไป ข้านี่แหละจะอกแตกตาย!”
บรรดาคนใช้ขอร้องด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก
“คุณหนู อย่าโทษพวกบ่าวเลยนะเจ้าคะ พวกเราไม่กล้าขัดคำสั่งนายท่าน คุณหนูออกไปจากที่นี่ก่อนเถิดเจ้าค่ะ รอให้นายท่านใจเย็นลงแล้วค่อยกลับมา”
ฟางเจาจวินร้องไห้อย่างหนัก นางจะไม่รู้นิสัยของท่านพ่อได้อย่างไร นางจึงออกจากจวนพร้อมน้ำตา
ต้าหย่งที่อยู่บนท้องถนนกำลังสอบถามสถานการณ์อยู่ บังเอิญเห็นจวนตระกูลฟาง เห็นฟางเจาจวินยืนอยู่หน้าประตูร้องไห้อย่างขมขื่น เขาเดินไปข้างหน้าแล้วพูดว่า
“หากตอนนี้เจ้าเสียใจยังพอทันเวลา ข้าเอาข้าวกลับไปและคืนใบขายตัวให้แก่เจ้า”
ฟางเจาจวินรีบเช็ดน้ำตาและพูดอย่างสุภาพว่า
“ไม่จำเป็นเจ้าค่ะ ข้าวห้าถังคงพอช่วยประทังชีวิตต่อไปได้อีกหน่อย”
ต้าหย่งถอนหายใจ
“มีชีวิตอยู่ต่อมันจะมีความหมายอันใดอีก ในอาณาจักรจ้าววุ่นวายถึงขนาดนี้ ท้องพระคลังของอาณาจักรก็ว่างเปล่า ไม่สามารถแจกจ่ายเสบียงอาหารให้ประชาชนได้เลย อาหารทั้งหมดล้วนมาจากอาณาจักรฉิน อย่างน้อยๆ ก็ใช้เวลากว่าสามเดือนถึงจะมาถึงที่นี่”
เมื่อฟางเจาจวินได้ยินเรื่องนี้ ในใจนางพลันเครียดขึ้นมาทันที หากเรื่องที่ผู้คุ้มกันสินค้าพูดเป็นความจริง ข้าวห้าถังนั้นคงอยู่ได้อีกไม่นาน
นางคิดเรื่องนี้อย่างเป็นกังวล นายขายตัวเป็นทาสแล้ว นางมาสนใจว่าจะต้องขายอีกสิบปี นางถามออกไปว่า
“เช่นนั้นข้าขายตัวอีกเพิ่มอีกสิบปีได้หรือไม่เจ้าคะ?”
เมื่อเห็นสีหน้าที่จริงจังของนาง ต้าหย่งตอบว่า
“เช่นนั้นข้าต้องแจ้งให้เถ้าแก่ทราบก่อน”
ต้าหย่งทำธุระใกล้เสร็จแล้ว รีบพาฟางเจาวินออกจากเมืองทันที
ความจริงแล้ว การ “ห้ามเข้าออก” ในเมืองโม่เป็นแค่กฎที่ตั้งขึ้นมาแบบไม่คิดจริงจัง
แม้ว่าประชาชนจะแอบเข้าออกเมือง แต่ลูกน้องของนายอำเภอนั้นก็แอบออกไปข้างนอกเพื่อแลกอาหารกับชาวอาณาจักรฉินอยู่แล้ว ทุกคนต่างเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ
เพื่อให้ประชาชนสามารถอยู่รอดได้ เรื่องการแลกเปลี่ยนอาหาร นายอำเภอเองก็เลือกที่จะปิดตาข้างหนึ่ง
แต่ยังคงปิดประตูเข้าเมืองเอาไว้ ยังคงยึดมั่นหลักการไม่ปล่อยให้ชาวอาณาจักรฉินเข้าเมือง
ขอเพียงแค่เขามีชีวิตต่อไปอีกวัน เขาไม่มีวันปล่อยขาวอาณาจักรฉินเข้ามาในเมืองแน่นอน นี่คือความหยิ่งในศักดิ์ศรีของชาวอาณาจักรจ้าว อีกทั้งยังเป็นขีดจำกัดของเขาด้วย
ในเวลาเดียวกัน
หลังจากที่ต้าหย่งพาฟางเจาจวินออกมาจากเมือง ก็มาถึงค่ายทหารของฉินเหยียนและรายงานว่า
“องค์ชาย ถ้าได้สำรวจเส้นทางทั่วเมืองแล้วขอรับ สามารถลัดเลาะเข้าเมืองไปได้ แต่คงต้องเดินทางหลายร้อยลี้”
ฉินเหยียนที่กำลังดูบัญชีที่ประชาชนมาแลกเปลี่ยนอาหารในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา พลันเงยหน้าขึ้น
“ประชาชนในเมืองเป็นอย่างไรบ้าง?”
ต้าหย่งประสานมือและรายงานว่า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...
หายไปนานเลยนะครับ..ถ้ามาลงให้ได้อ่านต่อจะขอบพระคุณมากครับกำลังสนุก...
ซื้ออ่านยังไงได้ครับ...
ขอบคุณที่ลงเพิ่มครับ เรื่องนี้สนุกครับ...
ขอบคุณที่มาต่อให้ได้อ่านนะครับขอบุคุณมากๆสนุกดี...
จาก 438 เริ่มขยับแล้วววว 😁😁😁...