องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 61

“เหตุใดเจ้าถึงคุกเข่า?”

ฉินเหยียนประคองจ้าวจือหย่าให้ลุกขึ้นและพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“ถ้าอยากให้ทุกคนเท่าเทียมกัน เจ้าห้ามคุกเข่า หากคุกเข่าไปนานๆ จะลุกขึ้นยืนลำบาก เข้าใจหรือไม่?”

“องค์ชาย!”

จ้าวจือหย่าทำอะไรไม่ถูก ที่ตกเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของฉินเหยียน

หากเป็นเมื่อก่อนที่นางเคยถูกฉินเหยียนรังแก นางยังสามารถเมินเฉยและรู้สึกต่อต้านอยู่เล็กๆ แต่ตอนนี้นางมั่นใจที่จะเชื่อฟังและยอมรับเขา

“เชื่อฟังข้า รีบกินเข้า คืนนี้ยังมีเรื่องที่ต้องไปจัดการอีก”

เมื่อพูดถึงคืนนี้สีหน้าของจ้าวจือหย่าพลันแดงขึ้นอีกครั้ง นางนั่งลงที่โต๊ะอาหารและพูดเสียงเบาว่า

“องค์ชาย คืนนี้ยังต้องการให้ข้าอยู่เป็นเพื่อนอีกหรือ ถ้าอย่างนั้นช้าขออาบน้ำเสียก่อนแล้วค่อย...”

ฉินเหยียนหัวเราะ

“ธุระคืนนี้ไม่ใช่เรื่องของพวกเรา ข้าจะไปหอโคมเขียวเพื่อจัดการคดีความ!”

ทันใดนั้นสีหน้าของจ้าวจือหย่าพลันตระหนักขึ้นได้ใบหน้าที่แดงก่ำพลันเปลี่ยนเป็นขาวซีด นางพูดอย่างอายๆ ว่า

“ข้าเข้าใจผิดเองเจ้าค่ะ เช่นนั้นจือหย่าจะรอท่านกลับมาพร้อมชัยชนะนะเจ้าคะ”

ฉินเหยียนตักอาหารเข้าปากและพูดว่า

“ไม่ เจ้าต้องไปกับข้า”

จ้าวจือหย่ามองไปที่ฉินเหยียนด้วยความสับสนและพูดซ้ำว่า

“ข้าก็ต้องไปหอโคมเขียวกับท่านด้วย?”

“ใช่ ข้าจะพาเจ้าไปเยี่ยมชมและให้เจ้าเรียนรู้ว่าหญิงสาวเหล่านั้นปรนนิบัติชายอื่นอย่างไร!”

จู่ๆ ใบหน้าของจ้าวจือหย่าพลันแดงไปถึงใบหู

“จือหย่าจะตั้งใจเรียน ไม่ให้เสียแรงที่องค์ชายไว้ใจข้า!”

ฉินเหยียนหัวเราะออกมาทันที

“ข้าล้อเจ้าเล่น ทำไมเจ้าถึงจริงจังเช่นนี้? อ้อ ใช่แล้ว...”

ฉินเหยียนรีบเปลี่ยนหัวข้ออย่างรวดเร็ว

“กฎระเบียบที่เจ้าสอนให้องค์หญิงสาม เป็นอย่างไรบ้าง?”

จ้าวจือหย่าพูดอย่างละอาย

“เป็นเพราะข้าไม่มีความสามารถ ข้าสอนนางเกือบจะทั้งวันแล้ว แต่นางก็ยังคงดื้อรั้นน้ำมันและเกลือไม่อาจซึมเข้าไปได้เลยเจ้าค่ะ”

ฉินเหยียนรู้อยู่แล้วว่าหญิงงามนิสัยงูพิษคนนี้ไม่มีทางเชื่อฟังคนอื่นเป็นแน่ แต่ทว่าเขาเองก็ไม่ได้รีบร้อนอะไรยังมีเวลาเหลือเฟือที่จะถ่วงนางเอาไว้

เขาหันหน้าไปสั่งขันทีว่า

“ไปยังห้องเก็บฟืน นำทาสหญิงคนนั้นมาหาข้า ให้นางมารับใช้”

“รับทราบ!”

ครู่ต่อมา ทหารยามผลักตัวจ้าวจีเอ๋อร์ให้คุกเข่าลงต่อหน้าฉินเหยียน

ในเวลานี้จ้าวจีเอ๋อร์เนื้อตัวสกปรก ไม่มีรูปลักษณ์ขององค์หญิงอีกต่อไป แต่ในสายตาของนางยังมีความงามที่แสดงความดื้อรั้น ไม่ยอมเชื่อฟังออกมาอย่างไม่ลดละ

ฉินเหยียนพูดอย่างจงใจว่า

“มานี่สิสาวน้อย มารินเหล้าและคอยปรนนิบัติข้า”

ตัวนางนั้นไม่มีข้าวแม้แต่เม็ดเดียวตกถึงท้อง ไม่มีน้ำแม้แต่หยดเดียวให้ดื่ม ยังสั่งให้นางคอยปรนนิบัติเขา นี่เป็นการแกล้งกันชัดๆ

จ้าวจีเอ๋อร์โกรธจนกัดฟันแน่น ไม่ขยับเขยื้อนตัวแม้แต่น้อย

ฉินเหยียนเองก็ไม่ได้โกรธ กลับมองไปที่นางอย่างสนุกสนาน

“เจ้ายังไม่ยอมรับข้า ยังคิดว่าจะมีคนจากอาณาจักรจ้าวมาช่วยเจ้าอีกหรือ?”

“ที่ตั้งของพวกเจ้า จำนวนคนในอาณาจักรนี้ จำนวนทหารหน่วยกล้าตาย ข้ารู้หมดทุกอย่าง”

จ้าวจีเอ๋อร์ตะคอกอย่างเย็นชา

“เจ้าอย่าโกหกข้า เจ้าคิดว่าข้าจะโดนเจ้าหลอกได้ง่ายๆ อย่างนั้นหรือ?”

ฉินเหยียนหัวเราะ

“เจ้าไม่เชื่อข้าก็ย่อมได้ คืนนี้ข้าจะพาเจ้าไปหออี๋หง!”

ดวงตาขอจ้าวจีเอ๋อร์เบิกกว้างขึ้นทันที

เขารู้เรื่องทุกอย่างจริงๆ หรือ?

ฉินเหยียนยิ้มและพูดว่า

“ข้าอยากให้เจ้าเห็นด้วยตาตัวเองว่า ข้ากวาดล้างแหล่งกบดานของอาณาจักรจ้าวในคราวเดียวได้อย่างไร!”

จ้าวจีเอ๋อร์รู้สึกว่าหัวของนางแทบจะระเบิดออกมา ทันใดนั้นนางพลันรู้สึกไม่ดี

เมื่อคิดตามบทสนทนาที่จ้าวจีเอ๋อร์ได้คุยกับฉินหยียนในตอนนี้แล้ว จ้าวจือหย่าพลันเข้าใจจุดประสงค์ที่จะบุกเข้าไปยังหออี๋หงได้แล้ว

นางถามอย่างระมัดระวัง

“องค์ชาย หรือว่าหออี๋หงคือ...”

นางหยุดพูดอีกครั้ง ลังเลที่จะถามออกมา

ฉินเหยียนยิ้มเล็กน้อย

“เจ้าเป็นคนฉลาด เพียงแค่นิดเดียวก็สามารถเข้าใจทุกอย่างได้อย่างทะลุปรุโปร่ง นั่นเป็นใคร ทาสหญิงของข้า เจ้าต้องยอมรับข้าเสียเดี๋ยวนี้ เช่นนั้นคืนนี้ข้าจะไม่ออกไปกวาดล้างคนของเจ้า เชื่อข้าได้เลยว่าข้าจะทำให้เจ้าเสียใจเป็นแน่”

“ฝันไปเถอะ ข้าไม่มีวันยอมรับคนอย่างเจ้า!”

จ้าวจีเอ๋อร์โต้กลับจนหน้าแดงไปถึงหู

ฉินหยียนตบมือไปมาสองครั้ง

สาวใช้ทั้งสี่คนเดินเข้ามา โค้งคำนับ แล้วพูดว่า

“บ่าวอยู่นี่แล้วเจ้าค่ะ”

ฉินเหยียนลูบคางไปมา

“อาบน้ำให้นางเสีย เอาให้สะอาด เปลี่ยนเสื้อผ้าด้วย เป็นองค์หญิงมิใช่หรือ ก็ต้องแต่งตัวให้สมกับเป็นองค์หญิงเสียหน่อย”

“รับทราบเจ้าค่ะ”

บรรดาสาวใช้รีบพาจ้าวจีเอ๋อร์ออกไปอาบน้ำให้สะอาดและเปลี่ยนเสื้อผ้า

ฉินเหยียนหันศีรษะ รอยยิ้มชั่วร้ายปรากฏขึ้นบนใบหน้าเขา มองไปที่จ้าวจือหย่าด้วยเจตนาไม่ดีแอบแฝง

“องค์ชาย ท่านคิดจะทำเรื่องไม่ดีใช่หรือไม่?”

“เจ้าก็ต้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วย”

โดยไม่รอให้จ้าวจือหย่าตอบกลับ เขาลากนางเข้าไปยังห้องด้านในด้วยมือข้างหนึ่ง มืออีกข้างก็เตรียมเสื้อผ้ามาให้

เมื่อนางเห็นว่าเสื้อผ้าที่เขาต้องการให้นางสวมเป็นเสื้อผ้าผู้ชาย

จ้าวจือหย่าปฏิเสธ ต่อให้นางตาย นางก็ไม่มีวันยอมใส่

“นี่ไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง ข้าไม่ใส่ ให้ตายข้าก็ไม่ยอมใส่ ข้าไม่ใส่!”

...

หนึ่งชั่วยามต่อมา

จ้าวจือหย่าที่อยู่ในชุดผู้ชายเดินออกมาจากห้องนอน

ฉินเหยียนนั่งไขว่ห้างบนเก้าอี้มองขึ้นมองลง

“ไม่เลวนี่ หล่อเหลาเอาการ เป็นหญิงสาวที่ไม่ยอมเป็นแพ้บุรุษเสียจริง!”

“องค์ชาย!”

จ้าวจือหย่าทำหน้ามุ่ยและทำตัวไม่ถูก

“ไปดูทาสหญิงของข้ากันเถิด คืนนี้นางเป็นแขกคนสำคัญ หากขาดนางไปคงทำเรื่องคืนนี้ไม่สำเร็จ”

ทั้งสองมายังห้องเก็บฟืน ด้านในแต่งตัวเกือบจะเสร็จแล้ว

เดิมทีจ้าวจีเอ๋อร์เป็นหญิงที่งดงามที่สุดในใต้หล้า แต่หลังจากที่ถูกแต่งตัวอย่างพิถีพิถัน นางกลับมามีความงามตามธรรมชาติที่นางเคยมีอีกครั้ง

“ไม่เลวๆ งดงามมาก!”

ในลานกว้าง ทหารชั้นดีห้าร้อยคนต่างแต่งตัวในชุดพลเรือน เข้าแถวรอฉินเหยียนอยู่ด้านนอก

ทุกอย่างพร้อมแล้ว เพียงแค่รอคำสั่งเท่านั้น ฉินเหยียนโบกมือแล้วพูดเสียงดังว่า

“ไปหออี๋หง!”

“รับทราบ!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์