อีกด้านหนึ่ง
ฉินเหยียนที่ถูกทุกคนกล่าวถึง บัดนี้กำลังช่วยชีวิตพวกขอทานที่ใกล้ตายอยู่ในวัดโทรมๆกับเสี่ยวจิ่ว เฝิงตู่เองก็อยู่ที่นี่ เพียงแต่เขานอนอยู่บนกองหญ้าข้างๆราวกับคุณชาย ปากเคี้ยวหญ้าหางหมาแล้วมองดูฉินเหยียนและเสี่ยวจิ่วที่ยุ่งวุ่นวายอย่างสบายใจ
เมื่อฉินเหยียนและเสี่ยวจิ่วจัดการช่วยชีวิตขอทานที่ได้รับบาดเจ็บเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองก็เหนื่อยจนเหงื่อท่วมตัวและนั่งลงกับพื้นทันที และนั่งพูดคุยกับขอทานที่แข็งแรงดี
มีขอทานคนหนึ่งลุกขึ้นนั่งแล้วก้มตาพูดว่า “พวกเราชาวเมืองน่ะต้องคอยทำไร่นาตั้งแต่เกิดจนตาย แค่คำๆเดียวของพวกตระกูลขุนนาง ก็สามารถผลักเราให้ล้มลงจนลุกขึ้นยืนไม่ได้อีก”
“พวกเรารักอาณาจักร แต่ใครจะมารักพวกเราบ้าง? คิดหาทุกวิถีทางก็เพื่อได้มีชีวิตต่อไป ทั้งชีวิตนี้ไม่เคยกระทำเรื่องเลวร้าย ไม่เคยกระทำเรื่องให้ใครเดือดร้อน พอแก่ตัวก็มีสภาพเช่นนี้!”
ว่าแล้วก็น้ำตาไหลริน ขอทานที่นั่งอยู่ข้างๆเขาก็ตบบ่าเขาแล้วพูดว่า
“ข้าเองก็ไม่ได้ดีไปกว่าเจ้าเลย อาศัยลำแข้งของตนเอง ไม่กลัวความลำบาก ใช้ชีวิตอย่างมีเมตตา ตอนนี้ก็อายุเจ็ดสิบกว่าแล้วก็ตกอยู่ในสภาพขอทาน!”
ขอทานที่ได้รับบาดเจ็บที่ตาที่อยู่ตรงหน้าของทั้งสองถอนหายใจยาวๆแล้วพูดว่า
“หากผ่านวิกฤตนี้ไปได้ พวกเราจะต้องบอกกับทั่วใต้หล้าได้รู้ว่า เมื่อมีเงินแล้วจะทำอะไรก็ได้ แต่อย่าเป็นคนดีเชียว ข้าอายุเจ็ดสิบสามปีแล้ว จนถึงวันนี้ก็เพิ่งจะเข้าใจความจริงข้อนี้”
ว่าแล้วยังได้ล้วงถุงที่เหน็บอยู่ตรงด้านหลังเอว แล้วล้วงกระดาษเงินออกมายิ้มเจื่อนๆพูดว่า
“นี่น่ะตอนเช้าข้าไปเจอพิธีศพมา ก็เลยเก็บกระดาษเงินมานิดหน่อย หากวันใดตายไปไม่มีโลงศพ ไม่มีผ้าห่อศพ อย่างไรก็ยังมีกระดาษเงินที่ข้าเตรียมเอาไว้ตนเองก่อนแล้ว”
เหล่าขอทานมองกระดาษเงินแล้วรู้สึกโศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก พวกเขาฝืนพูดให้มีความสุขว่า
“ช่วยแบ่งกระดาษเงินให้พวกข้าหน่อยได้รึไม่ ข้าเองก็อยากจะขอเศษบุญ หวังว่าหากถึงเมืองยมบาลแล้วอย่าได้ต้องหิวอีกเลย”
เฝิงตู่ได้ยินบทสนทนาของพวกเขาแล้วก็รู้สึกซึ้งใจมากเช่นกัน จึงพูดว่า
“คนดีต้องผ่านความยากลำบากมากมายนับไม่ถ้วน แต่หากคนชั่วอยากกลายเป็นคนดีก็แค่วางอาวุธลงเท่านั้น หากคนดีทำเรื่องผิดไปหนึ่งเรื่อง ก็จะกลายเป็นอาชญากรรมที่ชั่วร้าย แต่หากคนชั่วทำเรื่องดีๆเพียงเรื่องเดียว ก็จะกลายเป็นการกลับตัวกลับใจ”
“ในโลกนี้คนดีถูกปฏิบัติโหดร้ายเกินไป ตั้งแต่โบราณ คนดีก็พบเจอแต่เรื่องทุกข์ยาก คนเรามีชีวิตเพียงครั้งเดียว มีชีวิตเพื่อตนเองสักครั้งดีกว่า!”
ตอนที่เขาพูดก็จ้องมองฉินเหยียน ราวกับกำลังเตือนหมอผู้โง่เขลาว่าคนดีไม่ได้ดี
ฉินเหยียนเข้าใจความหมายที่พูดอยู่แล้ว จึงตอบโต้แย้งว่า “ไม่ทำเรื่องดี ไม่ทำเรื่องชั่ว คนเราเกิดมาเพื่อใช่ชีวิตด้วยจิตใจที่มีมโนธรรม”
เฝิงตู่หลุดหัวเราะ “เจ้าพูดได้น่าฟังจริงๆนะ มีเรื่องใดที่เจ้าทำเพื่อตนเองบ้างเป็นคนดีมากเกินไป ไม่ช้าก็เร็วจะถูกโลกใบนี้กลืนกินจนไม่เหลือซาก!”
ฉินเหยียนแย้งกลับว่า “รู้จักการทำดีก็อย่ากังวลอนาคตก่อน ถ้าทุกคนเป็นเช่นพวกเจ้า โลกนี้จะวุ่นวายแค่ไหน? โลกใบนี้จะต้องดีขึ้นแน่นอน ชาวเมืองจะมีข้าวกิน เด็กๆจะมีหนังสือให้เรียน ทุกครัวเรือนจะมีพื้นที่ไร่นาเพาะปลูก ทุกคนมีความฝัน ไม่ต้องคอยปิดประตูมิดชิดในยามราตรี ไม่ต้องเก็บของข้างทาง นี่ต่างหากที่เป็นภาพที่งดงามที่ควรเป็นของโลกมนุษย์”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...
หายไปนานเลยนะครับ..ถ้ามาลงให้ได้อ่านต่อจะขอบพระคุณมากครับกำลังสนุก...
ซื้ออ่านยังไงได้ครับ...
ขอบคุณที่ลงเพิ่มครับ เรื่องนี้สนุกครับ...
ขอบคุณที่มาต่อให้ได้อ่านนะครับขอบุคุณมากๆสนุกดี...
จาก 438 เริ่มขยับแล้วววว 😁😁😁...