องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 63

ในฐานะที่เขาเป็นสายลับระดับสูง การเคลื่อนไหวของฉินเหยียนนั้นว่องไวมาก แม้สีหน้าที่เปลี่ยนไปในเพียงไม่กี่วินาที ก็ไม่อาจรอดสายตาของเขาไปได้

เขาแกล้งทำเป็นไม่สังเกตเห็น ยังคงกอดบรรดาสาวงามเหล่านั้นอย่างสบายใจและดื่มเหล้า

จ้าวจีเอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้าง ยังคงจ้องเขาด้วยสายตาไม่พอใจ ต้องการที่จะหั่นเขาเป็นชิ้นๆ

รอยยิ้มที่ชั่วร้ายปรากฏขึ้นบใบหน้าของฉินเหยียนและเขาตั้งใจพูดออกมาว่า

“หากนางทาสหญิงของข้าเชื่อฟังข้าเหมือนอย่างพวกเจ้าบ้าง ข้าคงไม่ต้องเอาแต่มองนางทุกวันอยู่เช่นนี้”

ปี้เยว่พูดด้วยรอยยิ้มว่า

“ได้เป็นผู้หญิงของนายท่าน ยังจะมีเรื่องอันใดให้ไม่พอใจอีกหรือเจ้าคะ นางเป็นแค่คนไม่รู้จักคุณค่าของคนอื่น หรือว่าให้ปี้เยว่สอนกฎระเบียบต่างๆ ให้นางดีหรือไม่เจ้าคะ สอนนางว่าควรปฏิบัติตนเช่นไรกับผู้ชาย ท่านคิดว่าดีหรือไม่เจ้าคะ?”

ขณะที่นางพูดยังคงดันหน้าอกอันน่าภาคภูมิใจของตนเองเข้าใกล้ฉินเหยียนอีกด้วย

ฉินเหยียนกล่าวด้วยสีหน้ายินดี

“หญิงงามเช่นเจ้ามีความคิดดีๆ ให้ข้าจริงๆ ด้วย ไปสอนนางให้ข้าหน่อยเถิด!”

ปี้เยว่ลุกขึ้นทันที หยิบแก้วเหล้าขึ้นมา เดินบิดเอวไปที่จ้าวจีเอ๋อร์ และพูดโน้มน้าวว่า

“พี่สาว ทำไมถึงต้องดื้อดึงเช่นนี้เล่า พวกเราเกิดมาก็เพื่อรับใช้และเอาใจผู้ชาย อย่ามัวแต่เล่นตัวอยู่เลย อีกอย่างนายท่านของพวกเรามีเงินด้วยนะ เจ้าเนี่ย ก็แค่ฟังนายท่านและดื่มเหล้าแก้วนี้เถอะ”

จ้าวจีเอ๋อร์ขมวดคิ้วและมองไปที่นาง ส่ายหัวและพูดว่า

“ไปให้พ้น ข้าไม่ดื่ม!”

ปี้เยว่ยิ้มและพูดต่อ

“อย่าดื้อให้มันมากเลยน่า แค่เจ้าอ้าปากก็พอ”

ขณะพูดนางก็นำแก้วเหล้ามาจ่ออยู่ตรงหน้าจ้าวจีเอ๋อร์อีกครั้ง

จ้าวจีเอ๋อร์พยายามดันแก้วเหล้าออกไป

“ข้าบอกเจ้าแล้วว่าข้าไม่ดื่ม!”

ขระที่มือผลักแก้วเหล้าใบนั้นออกไป ปี้เยว่ใช้โอกาสนี้ส่งกระดาษใส่มือนางอย่างรวดเร็ว

จ้าวจีเอ๋อร์เหลือบมองฉินเหยียนอย่างระมัดระวัง นางเห็นว่าเขากำลังถูกหรูฮวาคะยั้นคะยอให้ดื่มเหล้า และไม่ได้สนใจนางที่อยู่ด้านข้างเขาเลยแม้แต่น้อย จากนั้นก็แอบยัดเศษกระดาษนั้นใส่ในแขนเสื้ออย่างระมัดระวัง

ปี้เยว่ทำสีหน้าผ่อนคลาย

“เจ้าเนี่ยนะ ไม่รู้วิธีหาความสุขให้ตนเองเลยจริง เหล้าชั้นดีขนาดนี้ยังไม่ยอมดื่ม เจ้าไม่ดื่มเช่นนั้นข้าดื่มเอง”

นางยกแก้วและดื่มหมดแก้วภายในอึกเดียว เดินบิดเอวกลับไปหาฉินเหยียน แสร้งทำหน้าตาเสียใจและพูดว่า

“นายท่าน ท่านซื้อนางทาสหญิงคนนี้มาจากที่ใดหรือ? นิสัยดื้อรั้น ไม่ยอมคนขนาดนี้ พูดด้วยก็เหมือนคุยกับก้อนหินที่อยู่ในกระทะ น้ำมันไม่ซึมเข้าเกลือแม้แต่น้อย!”

ซิวฮวากลอกตาและทำเสียงฮึดฮัดไม่พอใจ รีบใช้โอกาสนี้พูดว่า

“คนหัวแข็งเช่นนี้ต้องรีบจัดการนะเจ้าคะ ในเมื่อนางไม่เชื่อฟังขนาดนี้ ท่านเก็บนางไว้ก็มีแต่จะขวางหูขวางตา ทำไมไม่ขายนางให้หออี๋หงล่ะเจ้าคะ แม่ซ่งต้องให้ราคาดีแน่นอนเจ้าค่ะ!”

ทันทีที่พูดจบ ฉินเหยียนพลันหยิบเงินออกมาจากเอว

เสียง “ตึง” เขาตบโต๊ะแล้วพูดอย่างภาคภูมิใจว่า

“เห็นข้าไม่มีเงินอย่างนั้นหรือ?”

ซิวฮวารีบกล่าวขอโทษด้วยรอยยิ้ม

“ไอหย่า ดูข้าพูดเข้าสิ ข้าขอลงโทษตัวเองด้วยการดื่มเหล้าเป็นการชดเชยให้นายท่านแทนเจ้าค่ะ”

ในห้องส่วนตัวต่างคนต่างพูดคุยและหัวเราะกัน และในห้องโถงชั้นหนึ่ง ทหารชั้นดีเหล่านั้นก็ไม่ได้นั่งอยู่เฉยๆ เช่นกัน ต่างถือแก้วเหล้าแล้วเดินไปมา

“ว่าอย่างไรพี่ชาย ข้าเห็นว่าท่านร่างสูงใหญ่และแข็งแรงมาก ดูเหมือนคนที่ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้อย่างไรอย่างนั้น ท่านเป็นคนพื้นที่หรือ!”

ทหารชั้นดีคนหนึ่งถือแก้วเหล้า แล้วเดินไปที่โต๊ะชายร่างสูงใหญ่คนนั้นแล้วถมด้วยความประหลาดใจ

ชายร่างสูงคนนั้นอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นเขาหัวเราะและพูดว่า

“ข้าเป็นคนคุ้มกันของ พอดีผ่านมาอาณาจักรฉิน ได้ยินว่าหญิงสาวในหออี๋หงสวยมาก จึงมาที่นี่เพื่อพักผ่อน”

ทหารชั้นดีคนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ

“เป็นคนคุ้มกันของหรือ บังเอิญมากเกินไปแล้ว! ข้าเองก็มาที่นี่เพื่อทำการค้า ในมือข้ามีสินค้าอยู่อย่างหนึ่งไม่รู้ว่าจะจัดการเช่นไรดี มาพี่ชาย ข้าเลี้ยงหนึ่งแก้ว พวกเขามาคุยกันเถอะ!”

โดยไม่รอให้ชายร่างสูงใหญ่คนนั้นเห็นด้วย เขาก็ชนแก้วเหล้ากับเขาในทันที ยกขึ้นดื่มและนั่งตรงข้ามเขา ชวนคุยไม่หยุด

ทหารชั้นดีอีกฝั่งในมือหนึ่งก็ถือแก้วเหล้า อีกมือก็โอบเอวหญิงสาวอยู่ เขาหันหน้าไปคุยกับชายร่างผอมปากที่อยู่โต๊ะข้างๆ

“พี่ชาย พัดในมือท่านดูดีไม่น้อยเลย ท่านซื้อมาจากที่ใดหรือ?”

“น้องชาย เจ้าตาถึงนี่ ข้าซื้อพัดนี้มาจากลูกศิษย์ของหวังเซียนจือแห่งอาณาจักรจ้าว เจ้าเห็นข้อความที่เขียนบนนี้หรือไม่ นี่เป็นผลงานชิ้นเอกของหวังเซียนจือเชียวนะ!”

ทหารชั้นดีคนนั้นแสร้งทำเป็นเข้าใจในทันที เขาขยับเก้าอี้ไปข้างๆ แล้วพูดต่อว่า

“พี่นี่ใช้ได้เลยนะ ของหายากเช่นนี้ยังหาซื้อมาได้ เยี่ยมจริงๆ ในมือข้ามีสำเนาอักษรของหวังเซียนจืออยู่หนึ่งฉบับ นี่ถือว่าเป็นพรหมลิขิตที่ทำให้เขามาเจอกันที่นี่ มา พวเรามาดื่มกันเถิด!”

“หมดแก้ว!”

ทหารชั้นดีในห้องโถงให้ต่างทำเช่นเดียวกันหมด ใช้ประโยชน์จากข้ออ้าง หาโอกาสที่จะนั่งร่วมโต๊ะกับบรรดาแขกในหออี๋หง พูดคุยขณะดื่ม ฉวยโอกาสที่ไม่มีใครสนใจส่งสัญญาณให้กับต้าหย่งที่อยู่บนชั้นสอง

ต้าหย่งคอยสอดสายตามองที่ห้องโถงใหญ่ชั้นหนึ่ง ในบรรดาผู้คนเขาสังเกตเห็นร่างคนๆ หนึ่งที่ดูคุ้นเคย พลันขมวดคิ้ว

เขาเคาะประตูและเข้าไปในห้องส่วนตัวที่ฉินเหยียนอยู่ และกระซิบที่ข้างหู

“อ๋องเหยียน พวกเราทำตัวกลมกลืนตีให้สำเร็จเป็นแผ่นเดียวกับคนที่แฝงตัวมาแล้วขอรับ”

ท่าทีของฉินเหยียนไม่เปลี่ยนแปลงและไม่ได้ตื่นตระหนกแต่อย่างใด คนอื่นไม่อาจมองออกได้เลยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่

ต้าหย่งพูดต่อว่า

“ข้าน้อยเพิ่งเห็นว่าองค์ชายใหญ่มาที่นี่ด้วย เดินเข้าไปยังห้องท้องฟ้าหมายเลขหนึ่งขอรับ”

ฉินเหยียนขมวดคิ้วเล็กน้อย

พี่ใหญ่มาได้อย่างไร?

หรือว่าเขาสมรู้ร่วมคิดกับอาณาจักจ้าว?

“ไปจับตาดูเขาไว้ หากมีข้อมูลอะไรให้รีบมารายงานข้า”

“รับทราบขอรับ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์