องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 65

ฉินเหยียนแสร้งทำทีท่าประหลาดใจและถามว่า

“เอ๋ ทำไมมือเจ้าถึงมีรอยแผลมากมายเช่นนี้เล่า?”

สายตาของซิวฮวาเองก็เหมือนปิดบังอะไรบางอย่าง นางรีบชักมือออกแล้วพูดด้วยสีหน้าไม่เป็นธรรมชาติว่า

“นี่ นี่เป็นเพราะตอนเด็กๆ ครอบครัวข้ายากจน หน้าหนาวอากาศหนาวมาก ตอนนั้นข้ายังเด็กเกินไป เผลอเอามือไปอังไฟเล่นจนไหม้เข้ามือได้ ทำให้เป็นแผลเป็นเจ้าค่ะ”

ขณะพูดนางก็บีบน้ำตาออกมาให้คนอื่นรู้สึกสงสาร

ฉินเหยียนมองไปที่มือของทั้งสองคนอีกครั้ง อีกทั้งยังมีรอยแผลเป็นที่เหมือนกันอีกด้วย

ปี้เยว่และซืออวี๋ไม่รอให้ฉินเหยียนเอ่ยปาก รีบพูดต่อว่า

“ข้าตอนเด็กๆ ก็เคยโดนไฟลวกมือเช่นกันเจ้าค่ะ”

“ใช่ ตอนเด็กๆ ข้าก็เคยทำเช่นนั้นเหมือนกัน”

ในดวงตาของฉินเหยียนมีแสงฉายวาบออกมา

ผู้หญิงเหล่านี้ไม่ใช่นางโลม

นางโลมสมัยโบราณจะเริ่มเป็นตั้งแต่ยังเด็ก จะถูกส่งเพื่อเขาการฝึกฝนและอบรม พวกเขาไม่มีวันเลือกหญิงสาวที่มีรอยแผลบนร่างกายเช่นนี้แน่นอน

รอยแผลบนมือพวกนี้ ที่พูดว่าถูกไฟไหม้บ้าง รอดมาจากเหตุไฟไหม้บ้าง เป็นเรื่องไร้สาระทั้งนั้น

อีกทั้งเขายังสามารถบอกได้ทันทีว่ารอยแผลเป็นเหล่านี้เกิดจากความต้องการปิดบังไม่ให้คนอื่นรู้ตัวตนของพวกนาง จึงใช้ไฟมาเผาโดยมีจุดประสงค์ที่จะซ่อนตัวตนของตนเองเพื่อหลอกลวงคนอื่น

หญิงเหล่านี้ต้องเป็นนักฆ่าอย่างแน่นอน

ฉินเหยียนไม่ได้พูดอะไร เขากางแขนออก โอบหญิงสาวทั้งสี่เข้าในอ้อมกอดของเขา แสร้งทำเป็นเห็นอกเห็นใจและถอนหายใจออกมาว่า

“เฮ้อ พวกเจ้าต่างมีชีวิตที่น่าสงสาร วางใจเถอะ เพียงแค่วันนี้พวกเจ้าดูแลข้าอย่างดี หลังจากนี้ชีวิตที่ดีรอพวกเจ้าอยู่แน่นอน!”

จ้าวจือหย่าที่นั่งอยู่ด้านข้างไม่เข้าใจสาเหตุ เพียงแต่เห็นฉินเหยียนองค์ชายสำมะเลเทเมาคนนี้ นิสัยเดิมก็ยังคงเป็นเช่นนั้นอยู่ ชอบฟังคำยกยอปอปั้น ไม่รู้อะไรเป็นอะไร นางอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวออกมาอย่างหมดหนทาง

ในเวลานี้ต้าหย่งเคาะประตู เดินเข้ามาอย่างเคร่งขรึมแล้วกระซิบข้างหูฉินเหยียน

“อ๋องเหยียน องค์ชายใหญ่สบคบคิดกับเสนาบดีกรมอาญา คิดจะฟ้องร้ององค์ชายต่อหน้าฝ่าบาทในวันพรุ่งนี้ขอรับ!”

ฉินเหยียนหัวเราะเสียงดังหลังจากได้ยินเช่นนั้น

“เรื่องแค่นี้หรือ?”

เขาคิดว่าองค์ชายใหญ่และเสนาบดีกรมอาญาจะสบคบคิดกับอาณาจักจ้าวเสียอีก รู้สึกตะขิดตะขวงในอยู่ไม่น้อย หากเขาคิดกบฏจริงๆ เช่นนั้นแผนการในทุกวันนี้ต้องการปรับเปลี่ยนบ้างแล้ว

ตอนนี้รู้แล้วว่าผู้โชคร้ายสองคนนั้นไม่มีความเกี่ยวข้องกับอาณาจักรจ้าว เช่นนั้นก็ยังคงดำเนินตามแผนการเดิมได้

แต่ต้าหย่งกลับไม่เข้าใจ ในสมองของเขายังเต็มไปด้วยคำถามและยังคงสงสัย เป็นไปได้หรือไม่ว่าอ๋องเหยียนไม่ได้ยินในสิ่งที่เขาพูด?

เขาพูดซ้ำอีกครั้ง

“องค์ชายใหญ่ร่วมมือกับเสนาบดีกรมอาญาคิดที่จะสังหารท่าน!”

ฉินเหยียนกลับพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม

“ไม่เป็นไร ไม่ใช่เรื่องใหญ่”

ต้าหย่งยังคงสับสน เกิดอะไรขึ้นกับอ๋องเหยียน? มีคนคิดฆ่าเขา ทำไมเขาถึงยังยิ้มหน้าระรื่นได้ถึงขนาดนี้?

เขาพูดซ้ำอีกครั้งอย่างไม่ยอมแพ้

“อ๋องเหยียน พวกเขาคิดที่จะฆ่าท่านจริงๆ ขอรับ!”

ฉินเหยียนกลับหัวเราะเสียงดังแทน

บรรดาหญิงสาวที่อยู่ข้างๆ พลันมองหน้ากัน พยายามหาคำอธิบายจากคำพูดของฉินเหยียน

“นายท่าน ทำไมถึงมีความสุขขนาดนั้นล่ะเจ้าคะ เล่าให้พวกเราฟังบ้างสิเจ้าคะ!”

ฉินเหยีนยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย

“จะพูดอะไรดีล่ะ พวกเรามาที่นี่เพื่อหาความสุข มา มานั่งกับน้องชายข้า!”

ฉินเหยียนผลักหรูฮวาเข้าไปในอ้อมกอดของต้าหย่ง และใช้โอกาสนี้เพื่อส่งสัญญาณให้เขาทราบ

ต้าหย่งเข้าใจความหมายของฉินเหยียนในทันที เขาโอบไปที่เอวของหรูฮวาพลันพูดอย่างชั่วร้ายว่า

“มานี่เถอะสาวน้อย ชั่วครู่แห่งค่ำคืนฤดูใบไม้ผลิมีค่าล้ำค่าเท่าพันตำลึงทอง!”

หรูฮวาผลักต้าหย่งออกไปด้วยคามตื่นตระหนก

“ไอหย่านายท่าน อย่าเพิ่งรีบร้อนสิเจ้าคะ พวกเราสองคนย้ายห้องดีหรือไม่?”

ต้าหย่งมินคำขอของหรูฮวา เขาอุ้มนางไปที่ด้านหลังฉากกั้น และเริ่มถอดเสื้อนาง

ฉากกั้นที่เบาบางนั้น ไม่อาปิดกั้นสายตาของใครหลายคนได้

ดวงตาของจ้าวจือหย่าเบิกกว้าง มองท่าทีอันรวดเร็วของต้าหย่ง ตอนนี้ถอดเสื้อหรูฮวาจนเหลือตู้โตวแค่ชิ้นเดียวแล้ว!

ในใจรู้สึกตกใจไม่หยุด ว่านางมาทำอะไรที่นี่กันแน่ หรือว่ามาที่นี่เพื่อทำเรื่องอย่างว่ากัน?

หรูฮวาใช้มือปกปิดร่างกายของนางอย่างเขินอาย ในตอนที่นางคิดว่าคงต้องเสียสละตัวเอง ต้าหย่งกลับหยิบชุดที่อยู่บนพื้นส่งให้ฉินเหยียน

ฉินเหยียนมองไปยังชุดกระโปรงที่อยู่ตรงหน้าเขา เป็นไปตามที่เขาคาดไว้ เขาโบกมือเรียกจ้าวจือหย่า

“เจ้ามาดูนี่สิ”

จ้าวจือหย่าก้าวไปข้างหน้าด้วยความสับสน เสื้อผ้าจะมีอะไรให้ดูกัน

แต่เมื่อมองไปยังเสื้อผ้าเหล่านั้นเพียงแค่แวบเดียว กลับถูกเนื้อผ้าและการตัดเย็บดึงความสนใจไว้ในทันที

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าทำมาจากวัสดุอะไร?” ฉินเหยียนถาม

จ้าวจือหย่าลูบชุดแล้วกล่าวว่า

“แน่นอน นี่เป็นเนื้อผ้าที่ดีที่สุดในอาณาจักรจ้าว การตัดเย็บที่ประณีต และเห็นรูปแบบลายปักที่เป็นของอาณาจักรจ้าวได้อย่างชัดเจน”

“เจ้าชอบผ้าชนิดนี้หรือไม่?”

“ชอบ แต่การปักเย็บของอาณาจักรจ้าว ถึงแม้ว่าจะมีเงินก็ไม่อาจซื้อได้”

เมื่อพูดถึงประโยคนี้ จ้าวจือหย่าก็ตระหนักได้ทันทีว่า หรือว่าหญิงสาวเหล่านี้คือไส้ศึกที่มาจากอาณาจักรจ้าว?

เมื่อคิดได้ดังนั้น นางมองไปที่ฉินเหยียนด้วยสายตาตกใจ

ฉินเหยียนหัวเราะเบาๆ และพูดว่า

“เมฆาดุจอาภรณ์บุปผาดั่งหญิงงาม ลมวสันต์พัดผ่านรั้ว เม็ดน้ำค้างปรากฏกาย”

“ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าเป็นผู้หญิงของข้า เพียงแค่นิดเดียวเจ้าก็มองออก มองออกได้อย่างทะลุปรุโปร่ง!”

หน้าของจ้าวจือหย่าพลันแดงก่ำ เขาใช้บทกวีที่สวยงามเช่นนี้เปรียบเทียบกับตัวนาง อดไม่ได้ที่พึมพำออกมาว่า

“ช่างเป็นบทกวีที่ยอดเยี่ยมจริงๆ”

ฉินเหยียนพูดอย่างภาคภูมิใจว่า

“ในเมื่อเป็นบทกวีที่ดี ทำไมเจ้าถึงไม่คัดลอกเล่า?”

จ้าวจือหย่าพลันแสดงสีหน้ามีความสุข

“ใช่ ข้าไปหากระดาษกับพู่กันก่อน”

“ไม่จำเป็น พวกนางมีกระดาษ!”

ขณะที่ฉินเหยียนพูด มือเขาพลางควานไปที่หน้าท้องของซิวฮวา เอื้อมมือหาสิ่งที่อยู่ด้านใน

ซิวฮวาหน้าซีดด้วยความหวาดกลัว พลันดึงคอเสื้อของตัวเอง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงยั่วยวนว่า

“นายท่าน ท่านทำอะไรเจ้าคะ!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์