องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 66

มือใหญ่ของฉินเหยียนจับไปที่หน้าอกของซิวฮวา การกระทำเช่นนี้ทำให้จ้าวจือหย่าสับสนมากยิ่งขึ้น

ใครจะไปรู้ว่าในวินาทีต่อมา

ฉินเหยียนหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมา แสดงให้คนอื่นดูและพูดว่า

“ดูสิ ข้าพูดถูก! นางมีกระดาษกับตัวจริงๆ ด้วย”

เขายื่นกระดาษไปให้จ้าวจือหย่าที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ

เมื่อจ้าวจือหย่าเห็นคำที่เขียนในกระดาษนั้น นางอ้าปากค้างออกมาโดยไม่รู้ตัว ยิ่งอึ้งมากขึ้นไปอีก

“นี่ นี่มันข้อความลับ...”

ซิวฮวาที่กำลังตื่นตระหนก รีบอธิบายออกไปว่า

“นายท่าน นี่ไม่ใช่ของข้า ข้าไม่รู้ว่ามันคือข้อความลับ มันมาอยู่บนตัวข้าได้อย่างไร!”

จ้าวจีเอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้าง ดวงตาทั้งสองเบิกกว้างพร้อมกับกำหมัดแน่น

ฉินเหยียนยังไงพูดด้วยท่าทีเรียบเฉย

“โอ้ พูดเช่นนี้เจ้าหาว่าข้าใส่ร้ายเจ้าหรือ?”

ซิวฮวารีบคุกเข่าไปที่พื้น จับขาของฉินเหยียนแล้วพูดว่า

“นายท่าน ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นเจ้าค่ะ เห็นได้ชัดว่ามีคนจ้องจะใส่ร้ายข้า นายท่านต้องช่วยข้านะเจ้าคะ!”

ขณะที่นางพูด นางจงใจใช้หน้าอกที่ขาวใสนั้นถูไปกับขาของฉินเหยียนเพื่อหลีกเลียงการโดนถาม

ฉินเหยียนพยักหน้าอย่างครุ่นคิด จากนั้นสีหน้าเขาพลันเปลี่ยนไป จึงออกคำสั่งทหารชั้นดีที่อยู่ในห้องว่า

“คุมตัวพวกนางให้ข้าก่อน”

“รับทราบขอรับ!”

ทหารชั้นดีชักดาบออกมาและควบคุมหญิงสาวทั้งสี่โดยทันที

บรรดาหญิงสาวที่ถูกคุมตัวนั้นต่างแสร้งทำสีหน้าอ่อนแอและขอความเมตตา

“นายท่าน ท่านทำอะไรเจ้าคะ พวกเรากลัวหมดแล้วนะเจ้าคะ!”

“ใช่เจ้าค่ะนายท่าน พวกเราปรนนิบัติท่านไม่ดีหรือเจ้าคะ?”

ฉินเหยียนพูดเสียงเย็น

“พวกเจ้าแสดงละครกันเก่งมาก จนถึงตอนนี้ยังดื้อดึงแสดงละครต่อหน้าข้าอยู่!”

“ไปพาตัวแม่เล้ามา!”

ผ่านไปแค่ครู่หนึ่ง ทหารชั้นดีได้นำตัวแม่เล้าซ่งมาหาฉินเหยียน

เมื่อแม่เล้าซ่งเห็นเหตุการณ์นี้ นางพลันคุกเข่าลงทันที แสร้งทำเป็นงุนงงและพูดขึ้นมาว่า

“ไอหย่า นายท่าน! สาวๆ ของข้าปรนนิบัติท่านไม่ดีหรือเจ้าคะ เช่นนั้นท่านเพียงแค่บอกข้า ข้าจะเปลี่ยนใหม่ให้ ไม่ต้องให้ถึงขั้นชักดาบออกมาขู่พวกนางเลย สาวๆ พวกนี้ขี้กลัวจะตายไป อย่าทำให้ตกใจกันเลยเจ้าค่ะ!”

ฉินเหยียนมองไปที่แม่เล้าซ่งด้วยสายตาเย็นชา

“โอ้? ขี้อายอย่างนั้นหรือ?”

แม่เล้าซ่งยืนยัยหนักแน่ว่า

“ใช่น่ะสิเจ้าคะ!”

รอยยิ้มที่อ่านไม่ออกปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฉินเหยียน

“ข้าขอถามเจ้า เสื้อผ้าที่ใช้เนื้อผ้าของอาณาจักรจ้าวมาทำนั้นชุดละเท่าไหร่?”

แม่เล้าซ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง

“ไม่ ไม่ใช่อย่างนั้นเจ้าค่ะ นายท่านกำลังล้อข้าเล่นเป็นแน่ เนื้อผ้าชนิดนี้หออี๋หงของพวกเราจะมีได้อย่างไร!”

ฉินเหยียนพูดอย่างเคร่งขรึมว่า

“ถ้าอย่างนั้นเจ้าอธิบายให้ข้าเข้าใจเสียหน่อยว่าเสื้อผ้าเหล่านี้มาจากที่ใด แล้วเจ้าซื้อพวกนางมาจากที่ใดกันแน่ หากผิดแม้แต่ประโยคเดียวระวังหัวของเจ้าไว้ให้ดี!”

แม่เล้าซ่งตัวสั่นไปทั้งตัว

“นี่ นาง จริงๆ แล้วพวกนางถูกข้าเลือกเข้ามาเมื่อสามสี่เดือนที่แล้วเจ้าค่ะ นายท่านข้าผิดไปแล้ว ได้โปรดท่านอย่าฟ้องร้องต่อเจ้าหน้าที่เลยนะเจ้าคะ ข้าเพียงแค่เห็นว่าพวกนางยังสามารถนำมาขายให้บรรดาผู้ชายได้ แต่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับอาณาจักรจ้าวแน่นอนเจ้าค่ะ!”

การซื้อขายหญิงสาวเข้ามายังหอโคมเขียวนั้นพิถีพิถันเป็นอย่างมาก หากไม่ผ่านการตรวจสอบจากทางการ คนที่จัดหาคนนั้นจะเป็นฝ่ายถูกลงโทษ

จ้าวจือหย่าพูดขู่ว่า

“คำพูดของแม่เล้าซ่งนั้นไม่น่าเชื่อถือ พวกนางต้องมีความเกี่ยวข้องกับอาณาจักรจ้าว ข้าจะรายงานทางการให้จับพวกนางไปลงโทษ”

ฉินเหยียนโบกมือปัดแล้วพูดว่า

“รายงานทางการอะไรเล่า ข้าเองก็เป็นคนของทางการเช่นกัน!”

“ทหาร ถอดเสื้อผ้าของพวกนางออกให้หมด!”

“รับทราบ!”

ทหารชั้นดีก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

บรรดาหญิงสาวต่างพากันกรีดร้อง

“ไม่ อย่านะเจ้าคะ!”

จ้าวจีเอ๋อร์ที่ยืนกัดฟันอยู่ด้านข้าง เมื่อซืออวี๋ส่งสัญญาณลับ นางจึงพยายามระงับความโกรธเอาไว้

สัญญาณท่าทางเพียงเล็กน้อยนี้ ก็ไม่อาจรอดพ้นสายตาของฉินเหยียนไปได้

จากการสังเกตหลายต่อหลายครั้งพบว่าอาณาจักรจ้าวใช้วิธีการสื่อสารคล้ายกับรหัสมอร์สเพื่อส่งข้อความถึงกัน การส่งสัญญาณที่ซืออวี๋เพิ่งทำไปเมื่อครู่มีความหมายประมาณว่า

แผนการยังไม่เปลี่ยน รอสัญญาณแก้วแตก!”

บรรดาหญิงสาวในหอโคมเขียวต่างถูกเปลื้องผ้า

พวกนางยื่นมือออกไปเผื่อปกปิดส่วนสำคัญของร่างกาย ก้มหัวลงด้วยความอับอายและความโกรธ แต่เพื่อให้แผนการช่วยเหลือองค์หญิงสามดำเนินไปอย่างราบรื่นในคืนนี้ พวกนางทำได้เพียงแค่อดทนเท่านั้น

ฉินเหยียนจับสายรัดตู้โตวสีแดง

แล้วกระชากมันออกจนเสียงดัง”แควก”

กระดาษด้านในตู้โตวเผยให้เห็นกับตา

จ้าวจือหย่าถามด้วยความประหลาดใจ

“ที่แท้ก็เย็บจดหมายลับไว้ด้านในตู้โตวจริงๆ ท่านรู้ได้อย่างไรกัน?”

ฉินเหยียนค่อยๆ ยิ้มออกมา วิธีเก็บซ่อนข้อความง่ายๆ เช่นนี้ มีเพียงคนสมัยก่อนเท่านั้นที่ใช้วิธีนี้

ถ้าวิธีการซ่อนข้อความนี้ยังถูกใช้ในสมัยปัจจุบัน เช่นนั้นคงถูกศัตรูค้นพบไปนานแล้ว ป่านนี้คงนอนตายบนตะแกรงแน่ๆ!

ไม่ต้องอธิบายให้มากความ เขาหยิบชุดกระโปรงนั้นขึ้นมาแล้วส่งให้จ้าวจือหย่า

“เจ้าเปลี่ยนเป็นใส่ชุดนี้แทน”

จ้าวจือหย่ารับชุดกระโปรงทันทีแล้วถามอย่างประหลาดใจว่า

“ให้ข้าสวมชุดนี้หรือ?”

ฉินเหยียนพยักหน้า

“เจ้าสวมชุดนี้สามารถเป็นหูเป็นตาให้ข้าได้ ไปตรวจสอบภายในหออี๋หงให้ข้าว่ามีประตูลับ ช่องลับที่พวกเรายังค้นไม่พบหรือไม่”

จ้าวจือหย่าพูดด้วยสีหน้าต่อต้านว่า

“ทำเช่นนี้ไม่ได้ อาณาจักรจ้าวไม่ใช่คนโง่ หากถูกพบเข้าจะทำเช่นไร ไม่ได้ ข้าทำไม่ได้”

ฉินเหยียนพูดอย่างจริงจังว่า

“เจ้าฟังข้านะ อีกสักครู่เจ้าต้องออกไป ไม่ว่าเจ้าจะเจอใคร หรือมีใครเข้ามาพูดกับเจ้า เจ้าตอบไปเขาไปแค่ว่า รอสัญญาณแก้วแตก พูดแค่ประโยคนี้คนอื่นไม่มีทางจับสังเกตเราได้แน่นอน”

แม้ว่าจ้าวจือหย่ายังคงสับสน แต่เนื่องจากฉินเหยียนพูดว่าไม่เกิดปัญหาอะไรแน่นอน เช่นนั้นก็ต้องไม่มีปัญหาอะไรตามที่เขาว่า นางจึงรีบเปลี่ยนเป็นสวมชุดของพวกนางโลมทันที

สูดหายใจเข้าลึกๆ สงบสติอารมณ์เรียบร้อยแล้วจึงเดินไปยังชั้นหนึ่ง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์