จ้าวจีเอ๋อร์ครุ่นคิดแล้วพูดว่า “หากมองในมุมของชาวเมืองธรรมดาๆแล้ว การซื้อขายที่หาได้ยากเช่นนี้ไม่อาจปล่อยให้หลุดมือไปได้เพคะ อย่างไรมูลค่าของแจกันแก้วก็สูงขึ้นในไม่กี่ปีมานี้ มีค่ามากกว่าเงินอีกเพคะ”
ฉินเหยียนยิ้มอย่างมั่นใจ “ก็เพราะเหตุนี้ เมื่อตระกูลผู้ร่ำรวยและเหล่าเจ้าของที่ตกลงทำสัญญาแล้ว อาณาจักรเยี่ยน อาณาจักรอู๋และอาณาจักรเยี่ยนไม่มีผลผลิตเข้าท้องพระคลังเลยแม้แต่น้อยในระยะเวลาสามปี ในสถานการณ์สงครามที่มีแต่การใช้ไม่มีการผลิต จะต้องเกิดความหิวโหยแน่นอน”
“ถึงตอนนั้น ผลผลิตที่ทางวิสาหกิจมีอยู่ก็จะราคาสูงขึ้นมาก ถึงตอนนั้นก็ต้องซื้อเมล็ดข้าวในราคาที่สูง จากที่เคยซื้อข้าวสารหนึ่งถังได้ในสิบอีแปะ ตอนนี้ต้องใช้สิบตำลึงจึงจะได้หนึ่งถัง ชาวเมืองธรรมดาไม่มีทางซื้อไหวแน่นอน และจะทำให้เศรษฐกิจของทั้งสามอาณาจักรเกิดวิกฤตอย่างสิ้นเชิง”
“เพื่อความอยู่รอดแล้ว ก็จะพากันยกแจกันแก้วที่มีอยู่ให้กับอาณาจักรจ้าว เราทำการขายออกและได้คืนเช่นนี้ ไม่ต้องเสียเงินเลยสักนิด แถมยังได้ผลประโยชน์มากมาย นี่คือแนวคิดหลักของสงครามเศรษฐกิจครั้งนี้”
ฉินเหยียนได้อธิบายเรื่องการซื้อล่วงหน้าให้แก่เหล่าคนสนิทฟังอย่างละเอียดตั้งแต่เริ่มจนจบ ทุกคนที่ดึงสติกลับมาได้ต่างก็ตกตะลึงและขนลุกตามๆกัน
จ้าวหรงจีเองก็ตกตะลึงอย่างมาก แต่มักรู้สึกว่าแผนการนี้ไม่ได้ไร้ที่ติ เขาถามสิ่งที่สงสัยออกมาตรงๆว่า
“หากเป็นเช่นนั้นจริง วิสาหกิจร่ำรวยอย่างมากในขณะที่แต่ละอาณาจักรเกิดวิกฤตเช่นนี้ ไม่กลัวว่าอาณาจักรจะทำการแย่งชิงเสบียงอาหารของวิสาหกิจ และทำการตรวจสอบยึดทรัพย์รึ?”
ฉินเหยียนพูดด้วยสีหน้าที่เจ้าเล่ห์ว่า “ข้าก็อยากให้พวกเขาลงมือกับวิสาหกิจ แต่พวกเขาไม่กล้า”
จ้าวหรงจีไม่ชอบท่าทีมั่นใจของเขา จึงได้เถียงกลับว่า “เหตุใดเจ้าจึงมั่นใจเช่นนั้น?”
ฉินเหยียนอธิบายต่อว่า “ตราบใดที่พวกเขาทั้งสามอาณาจักรกล้าลงมือกับวิสาหกิจ ก็จะเกิดความโกลาหลภายในแน่นอน มีประโยคหนึ่งกล่าวไว้ว่าภักดีกับคนที่มีผลประโยชน์ให้”
“เมื่อเกิดความหิวโหยขึ้นหลังสงครามแล้ว ราชวงศ์ไม่มีเสบียงอาหารที่สามารถช่วยเหลือชาวเมืองได้ แต่วิสาหกิจมีเสบียงอาหาร ตราบใดที่ตกลงจะให้ชาวเมืองอิ่มท้อง ชาวเมืองก็จะหันมาพึ่งพิงวิสาหกิจอย่างแน่นอน”
“หากพวกเขาเข้าใจ ก็ต้องเอาเงินมาซื้อข้าวสาร หากไม่เข้าใจแล้วกล้าใช้กำลัง เช่นนั้นข้าก็จะเอาเสบียงให้ชาวเมือง แล้วให้ชาวเมืองโจมตีพวกเขาแทน”
“กำลังทำสงครามกับอาณาจักรอื่นอยู่แล้ว สุดท้ายกลับเกิดความโกลาหลขึ้นภายในอีก กัดกันเองจนเสียหายเอง ถึงตอนนั้นเมื่อเหล่าทหารพ่ายแพ้ เราก็จะส่งทหารไปเก็บผลประโยชน์ และกวาดล้างทั้งสามอาณาจักรในคราวเดียว!”
เมื่อได้ยินดังนั้นแล้วทุกคนก็เสียวสันหลังขึ้นมาอีกครั้ง ช่างเป็นแผนการที่สมบูรณ์แบบยิ่งนัก
ฉินเหยียนพูดเองเออเองอีกว่า “วิถีการปกครองของฮ่องเต้ที่สำคัญที่สุดคือบันทึกเหยียนเถี่ยลุ่น แต่ความจริงแล้ว อาหารเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับชาวเมือง เหนือกว่าบันทึกเหยียนเถี่ยลุ่นนั้นคือเสบียงอาหาร นี่จังจะเป็นรากฐานของอาณาจักร”
ทุกคนต่างก็พยักหน้าเห็นด้วย พวกเขาต่างได้รับความรู้มากมายจากการอธิบายทุกๆครั้งของอ๋องเหยียน แต่จ้าวหรงจีกลับอยากทำให้ฉินเหยียนหน้าแตก ในเมื่อเอาชนะเขาไม่ได้ก็จะพูดยั่วโมโหเขา จึงได้ถามขึ้นอีกครั้งว่า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...
หายไปนานเลยนะครับ..ถ้ามาลงให้ได้อ่านต่อจะขอบพระคุณมากครับกำลังสนุก...
ซื้ออ่านยังไงได้ครับ...
ขอบคุณที่ลงเพิ่มครับ เรื่องนี้สนุกครับ...
ขอบคุณที่มาต่อให้ได้อ่านนะครับขอบุคุณมากๆสนุกดี...
จาก 438 เริ่มขยับแล้วววว 😁😁😁...