หลังจากที่ดื่มไปสามแก้ว อาหารมาส่งถึงห้าครั้งแล้วนั้น
ฉินเหยียนมองไปที่ต้าจ้วงและต้าหย่งที่อยู่ชั้นหนึ่งจากทางหน้าต่าง
ทั้งสองพยักหน้าเล็กน้อยไปทางฉินเหยียน
สีหน้าฉินเหยียนเต็มไปด้วยความสนใจ และพูดกับจ้าวจีเอ๋อร์ว่า
“ไปกับข้าเถอะนางทาส วันนี้เจ้าเป็นตัวหลักเชียวนะ”
หลังจากพูดประโยคนี้ เขาก็เดินไปข้างหน้าโดยมีจ้าวจือหย่าในอ้อมแขน ตามด้วยทหารชั้นดีสี่คนที่คอยคุมจ้าวจีเอ๋อร์ที่ไม่พอใจอยู่ด้านหลัง
หลังจากมาถึงชั้นหนึ่ง ฉินเหยียนปรบมือเสียงดังและประกาศว่า
“ทุกคน ได้โปรดเงียบ! วันนี้ข้ามีของเล่นใหม่มาให้พวกเจ้าได้เล่นกัน!”
พูดได้ว่าเสียงนี้ดึงดูดความสนใจของทุกคน ทำให้เสียงแขกที่อยู่ชั้นหนึ่งและชั้นสองเงียบลงในทันที ทุกคนต่างมองไปยังห้องโถง
ฉินเหยียนมีรอยยิ้มชั่วร้ายบนใบหน้า ลากจ้าวจีเอ๋อร์มาที่กลางห้องโถง
จ้าวจีเอ๋อร์มองไปที่เขา
“เจ้าคิดจะทำอะไร?”
“แน่นอนว่าให้ทุกคนในที่นี้ได้ชื่นชมความงามขององค์หญิงแห่งอาณาจักรจ้าวน่ะสิ!”
ฉินเหยียนเชยคางนางขึ้นมา
“อย่ามาแตะต้องข้า!”
จ้าวจีเอ๋อร์พยายามต่อต้าน
เมื่อทุกคนในหออี๋หงเห็นฉากนี้ ม่านตาของเขาหดเล็กลงในทันที สีหน้าพลันเคร่งขรึมขึ้น
จ้าวจีเอ๋อร์พยายามดิ้นรนเพื่อหนีเอาตัวรอด จ้องไปที่ฉินเหยียนด้วยสายตาโกรธจัดและพูดสาปแช่งว่า
“ไอ้สารเลว เจ้ามันเสียสติไปแล้ว!”
ฉินเหยียนไม่สนใจคำพูดดูถูกของนาง แต่กลับพูดเสียงดังว่า
“ใครที่ผ่านมาทางนี้อย่าพลาดล่ะ ลำดับต่อไปจะขอเชิญองค์หญิงสามแห่งอาณาจักรจ้าว หญิงที่งดงามดุจนางฟ้าและสวยสง่าที่สุดในใต้หล้า จ้าวจีเอ๋อร์! ขึ้นมาเต้นรำให้พวกเราได้ชมกันสักหนึ่งบทเพลง! ขอเสียงปรบมือต้อนรับด้วย!”
ทันทีที่พูดประโยคนี้ออกไป สีหน้าของเจ้าหน้าที่รับแขก หญิงรับใช้ และนางโลมในหออี๋หงพากันทำสีหน้าไม่พอใจ และขยับตัวเข้ามาใกล้มากขึ้น
จ้าวจีเอ๋อร์หลายใจหนักขึ้นเรื่อยๆ ในใจเต็มไปด้วยความโกรธและละอายใจ
ไอ้สารเลวฉินเหยียน ให้ข้าที่เป็นถึงองค์หญิงสามแห่งอาณาจักรจ้าวขึ้นไปเต้นรำต่อหน้าคนจำนวนมากในหอโคมเขียว นี่ตั้งใจทำให้ข้าอับอายชัดๆ!
…
ภาพเหตุการณ์นี้องค์ชายใหญ่ฉินชงและเสนาบดีกรมอาญาที่อยู่ในห้องท้องฟ้าหมายเลขหนึ่งก็เห็นด้วยเช่นกัน
องค์ชายใหญ่ฉินชงขยี้ตาเพื่อเป็นการยืนยันว่าเขาเห็นถูกต้อง และถามอย่างสงสัยว่า
“เหตุใดเจ้าสิบสี่ถึงได้พาตัวองค์หญิงสามแห่งอาณาจักรจ้าวมาที่แบบนี้ได้?”
เสนาบดีกรมอาญาเองก็ไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อย ฉินเหยียนมีแผนการอะไรอยู่ เขาได้แต่คิดและขมวดคิ้วแน่น
“กระหม่อมเองก็ไม่เข้าใจเช่นกันขอรับ แต่ถ้าองค์ชายสิบสี่ทำให้องค์หญิงจ้าวต้องอับอายต่อหน้าผู้คน เช่นนี้จะไม่เป็นการทำลายภาพลักษณ์ของราชวงศ์หรือ?”
หลังจากได้ยินคำเตือนของเสนาบดีกรมอาญาแล้ว สายตาของฉินชงพลันเป็นประกาย
“เพียงแค่ล้มตัวลงนอน ก็มีคนส่งหมอนเข้ามาให้มิใช่หรือ?”
ในขณะที่กำลังคิดวิธีว่าจะจัดการเขาอย่างไรอยู่นั้น ผลกลับเป็นการฆ่าตัวเขาเอง
“ข้าดูแล้ววันนี้คงเป็นวันตายของเจ้าสิบสี่!”
“ไป พวกเราลงไปจับเขากันเถิด!”
...
แขกให้ห้องพื้นดินหมายเลขสองที่อยู่ชั้นสองต่างมองลงมา เมื่อเห็นว่าจ้าวจีเอ๋อร์ถูกทำให้อับอายเช่นนี้ ต่างโกรธแค้นจนกำหมัดแน่น
องค์หญิงสามที่เป็นดั่งสมบัติของอาณาจักรกำลังถูกองค์ชายฉินรังแก ทำให้อับอายเช่นนี้ เป็นเรื่องที่ไม่อาจทนได้!
“ปรบมือ ปรบมือสิ!”
ฉินเหยียนตะโกนเสียงดัง ทำให้แขกทั้งหมดต่างพากับปรบมือ
ทนไม่ไหวแล้วจริงๆ!
“ปรบมือ ปรบมือให้จบๆ ไปก่อนเถอะ”
หลังจากส่งสัญญาณกันแล้ว ทุกคนต่างพากันปรบมือ
แต่ส่วนใหญ่ต่างสื่อสารกันด้วยวิธีการส่งสัญญาณลับ
“รอสัญญาณแก้วแตก ภักดีต่ออาณาจักรจ้าวตลอดไป!”
“รับทราบ!”
บริกรย่องเข้าไปในห้องหมายเลขสาม หมุนแจกันที่อยู่ข้างเตียงทั้งซ้ายและขวา ปรากฎว่ามีอาวุธมากมายซ่อนอยู่ในช่องลับนั้น
บริกรรีบเก็บอาวุธไว้กับตัวอย่างรวดเร็ว และกำลังนำอาวุธเหล่านั้นออกไปแจกจ่ายให้กับบรรดาทหารหน่วยกล้าตายอีกหลายชีวิตที่อยู่ด้านนอก
แต่กลับไม่รู้ตัว ตอนที่จะก้าวออกไปข้างนอกนั้น
“พลั่ก”
บริกรคนนั้นถูกกระแทกลงไปกับพื้น
ต้าจ้วงมองไปรอบๆ และทหารชั้นดีก็ลากตัวบริกรคนนั้นกลับเข้าไปในห้องส่วนตัว จากนั้นปิดประตู
...
ห้องโถงชั้นหนึ่ง
ทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุม
ฉินเหยียนตะโกนออกมาอย่างอวดดีว่า
“ทุกท่าน วันนี้ทุกท่านจะได้เห็นเป็นบุญตา ท่านนี้คือองค์หญิงสามที่งดงามดุจนางฟ้าแห่งอาณาจักรจ้าวตามที่เล่าขานกันมา ได้ชื่อว่าเป็นหญิงที่สวยที่สุดในใต้หล้านี้!”
ในขณะที่พูด เขาบีบคางของนางและพูดว่า
“ตอนนี้ องค์หญิงสามแห่งอาณาจักรจ้าวที่งดงามที่สุดในใต้หล้าผู้นี้ พ่ายแพ้ให้กับข้า ทำให้ต้องกลายเป็นนางทาสของข้าแทน!”
“ถุย!”
จ้าวจีเอ๋อร์ถมน้ำลายใส่หน้าฉินเหยียน
“ไอหย่า ข้าชอบที่เจ้าไม่ยอมรับความพ่ายแพ้เสียจริงๆ!”
ฉินเหยียนเช็ดหน้าเขา พูดอย่างเมินเฉยว่า
“เหตุใดถึงต้องโกรธมากขนาดนี้เล่า เป็นแค่นางทาสของข้าก็แค่เรียนรู้ที่จะเชื่อฟังข้า ทำไมเจ้าถึงไม่เข้าใจเรื่องนี้ล่ะ?”
จ้าวจีเอ๋อร์โกรธจนต้องกัดฟันพูดว่า
“ให้ข้ายอมรับและเชื่อฟังเจ้า ฝันไปเถอะ!”
ฉินเหยียนหัวเราะ
“ในเมื่อเจ้าไม่เชื่อฟังข้า ข้าทำได้เพียงแค่ใช้วิธีการบางอย่างเท่านั้น!”
ขณะที่เขาพูด เขาก็เพิ่มแรงในมือของเขามากขึ้น
ในเวลานี้
“ฉินเหยียน เจ้าบังอาจมาก!”
องค์ชายใหญ่ฉินชงและเสนาบดีกรมอาญามุดตัวเข้าไปในฝูงชน เมื่อเห็นฉินเหยียนทำให้องค์หญิงสามแห่งอาณาจักรจ้าวต้องอับอาย เขาก็เบียดตัวและผลักคนแถวนั้นออกไปให้พ้นทางในทันที และชี้นิ้วไปที่ฉินเหยียนและด่าว่าเสียงดัง
ฉินเหยียนมองไปตามทางของเวียง เห็นองค์ชายใหญ่ฉินชงพร้อมกับเสนาบดีกรมอาญาที่อยู่ด้านข้าง เขาแสร้งทำเป็นแปลกใจและพูดว่า
“โอ้ พี่ใหญ่ พี่อยู่ที่นี่ด้วยหรือ บังเอิญเสียจริง? มาที่นี่เพื่อดื่มด่ำความสนุกในหอโคมเขียวใช่หรือไม่?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์