องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 69

ทันทีที่ฉินเหยียนพูดคำนี้ออกไป องค์ชายใหญ่ฉินชงโกรธมาก หากไม่ใช่เพราะต้องการนัดประชุมลับกับเสนาบดีกรมอาญาแล้วล่ะก็ เขาไม่มีวันเข้ามาสถานที่เช่นนี้แน่

ไอ้เจ้าสิบสี่ที่ชอบแกว่งเท้าหาเสี้ยนกลับกล้าใส่ร้ายเรื่องที่เขามาหอโคมเขียวเพื่อความสนุก ในตอนแรกเขาตั้งใจที่จะใช้อุบายนี้ในการใส่ร้ายเขา ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็อย่าโทษว่าเขาไม่เห็นความเป็นพี่เป็นน้องก็แล้วกัน!

เขาชี้นิ้วไปที่ฉินเหยียนแล้วด่าว่า

“เจ้ายังกล้าท้าทายข้า ทำไมเจ้าถึงพาองค์หญิงสามมายังสถานที่เช่นนี้ได้?”

“อย่างไรก็ตามนางก็ยังเป็นองค์หญิงแห่งอาณาจักรจ้าวอยู่ เจ้าทำร้ายและดูถูกนางต่อหน้าคนอื่นเช่นนี้ เจ้ากำลังทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างอาณาจักรฉินและอาณาจักรจ้าวอยู่!”

“เจ้ามันคนไร้มโนธรรม ไร้ศีลธรรม ไม่รู้จัดกฎหมายบ้านเมือง อีกทั้งยังอวดดีทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างอาณาจักรฉินและอาณาจักรจ้าวตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้าย”

“เจ้ามันเป็นคนชั่วช้าที่สุดในอาณาจักรฉิน สมควรโดนลงโทษ!”

องค์ชายใหญ่ฉินชงพูดตอบโต้ออกมามากมาย

สีหน้าของจ้าวจีเอ๋อร์อึ้งไป นางไม่คาดคิดว่าสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเมื่อครู่จะมีคนเข้ามาแทรกแซงจนวุ่นวายถึงเพียงนี้?

กองกำลังที่ซ่อนตัวอยู่พร้อมที่จะเคลื่อนตัวกลับมองหน้ากันด้วยความงุนงง การปรากฏตัวขององค์ชายใหญ่นั้นเหนือความคาดหมายของพวกเขาไปมาก

แต่เนื่องจากพวกเขาทั้งสองเป็นองค์ชายแห่งอาณาจักรฉิน อีกทั้งยังมีสายเลือดเดียวกัน จะฆ่าหนึ่งคนหรือสองคนก็ถือว่าฆ่าเช่นกัน!

ดังนั้นพวกเขาจึงสื่อสารกันด้วยรหัส

“รอดูสถานการณ์ก่อน อย่าเพิ่งทำอะไรบุ่มบ่ามออกไป”

“เพื่อช่วยองค์หญิงสามให้ปลอดภัยจากพวกอาณาจักรฉิน ยอมฆ่าคนดีกว่าพันคนดีกว่ายอมปล่อยให้รอด”

“ทุกอย่างเป็นไปตามแผนเดิม หากพบความผิดปกติใดๆ คนอาณาจักรฉินต้องตาย!”

“รับทราบ!”

...

ฉินเหยียนแคะหูอย่างหมดความอดทน องค์ชายใหญ่คนนี้ช่างใจร้อน อยากรีบที่จะฆ่าเขาเสียจริง เขาตอบกลับเบาๆ ว่า

“พี่ใหญ่ เจ้ามาเที่ยวหอโคมเขียว เสด็จพ่อรู้หรือไม่?”

“เจ้า!”

องค์ชายใหญ่ฉินชงไม่คิดว่าฉินเหยียนจะพูดประโยคนี้ออกมา ทำให้เขาพูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง เขาไม่สามารถพูดออกไปได้ตรงๆ ว่า เขามาที่นี่เพื่อวางแผนจับกุมฉินเหยียน!

เสนาบดีกรมอาญาโต้กลับอย่างชาญฉลาดทันทีว่า

“องค์ชายสิบสี่ ท่านทำให้องค์หญิงสามแห่งอาณาจักรจ้าวต้องอับอายต่อหน้าสาธารณะชนเช่นนี้ นี่เป็นการทำให้อาณาจักรฉินและอาณาจักรจ้าวเกิดความขัดแย้งกัน ความคิดชั่วร้าย มีเจตนาชั่วแอบแฝงเช่นนี้ พรุ่งนี้ข้าจะเข้าไปยังท้องพระโรง รายงานเรื่องนี้ต่อฝ่าบาท ให้ฝ่าบาทรงลงโทษผู้กระทำความผิดต่อราชวงศ์แห่งสวรรค์นี้!”

ฉินเหยียนยิ้มเยาะทันที

“เสนาบดีกรมอาญา ท่านกำลังสั่งสอนองค์ชายอย่างข้าอยู่หรือ?”

“พูดอีกอย่างจ้าวจีเอ๋อร์เป็นนางทาสของข้าเพราะข้าชนะการเดิมพันกับนาง งานเลี้ยงเมื่อคืนท่านเองก็อยู่ที่นั่นด้วย ท่านลืมไปหมดแล้วหรือ?”

คำพูดของฉินเหยียนฟังดูสมเหตุสมผล แต่เสนาบดีกรมอาญายังดื้อรั้นและพูดต่อว่า

“ข้า ข้าถือว่าเรื่องที่ส่งผลต่ออาณาจักรเป็นเรื่องใหญ่ อย่างไรก็ตามนางเป็นถึงองค์หญิงแห่งอาณาจักรจ้าว องค์ชายสิบสี่อวดดีเกินไปแล้ว วันพรุ่งนี้ข้าต้องรายงานในท้องพระโรง!”

ฉินเหยียนไม่สนใจพลางพูดออกมาว่า

“ข้าคิดว่าความจำของคนสมัยโบราณนี่คงสั้นมากเกินไปแล้วล่ะ สมัยโบราณมีหลักความคิดที่ว่าสามีภรรยาถือว่าเป็นคนคนเดียวกัน”

“อีกอย่างองค์หญิงสามแห่งอาณาจักรจ้าวยังเป็นนางทาสที่ถ่อมตนที่สุดเท่าที่ข้าเคยเจอมา เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่ต้องเชื่อฟังในสิ่งที่ข้าจัดการ มีอะไรไม่เหมาะสมอีกหรือ?”

คำถามทั้งสามข้อที่พูดออกไปทำให้เสนาบดีกรมอาญาถึงกับตื่นตระหนก ดวงตาเขากระตุกสองสามครั้ง ทำทีว่าจะพูดออกมาแต่กลับพูดอะไรไม่ออก

องค์ชายใหญ่ฉินชงพูดออกมาอย่างมั่นใจ

“เจ้าสิบสี่ เจ้ากระทำผิดแต่กลับไม่รู้จักกลับใจ ในเมื่อเสนาบดีกรมอาญาไม่อาจพูดกับเจ้าได้ เช่นนั้นข้าที่เป็นพี่ใหญ่พูดกับเจ้า เจ้ายังจะกล้าไม่ฟังข้าอีกหรือ?”

องค์ชายใหญ่ก็ดื้อรั้น ยังคงกัดไม่ปล่อย พูดเรื่องเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า

“ข้าจะไม่กล้าฟังพี่ใหญ่ได้อย่างไร พูดอีกอย่างข้าก็ไม่ได้ทำอะไรผิดนี่ ข้าไม่ได้รังแกผู้หญิง ไม่ได้ทำลายบ้านเมือง ไม่ได้ทำร้ายประชาชน ไม่ได้อวดดีหรือกระทำลามกอนาจารใดๆ เลย ข้าก็แค่พานางทาสหญิงของข้าออกมาเล่นสนุกด้วยกัน หรือว่านี่ถือเป็นความผิดร้ายแรง?”

“เจ้ายังกล้ายอกย้อนข้า!”

มือขององค์ชายใหญ่สั่นด้วยความโกรธ

ฉินเหยียนแกล้งทำเป็นไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ตอบกลับว่า

“พี่ใหญ่ ดูท่านสิ กระทำวู่วามขนาดนี้ พวกเราต่างก็เป็นผู้ชายด้วยกัน จะมีความสุขเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ไม่ได้เลยหรือ!”

พูดจบยังตบไปที่อกองค์ชายใหญ่ และพูดด้วยรอยยิ้มชั่วร้ายว่า

“เราก็เป็นผู้ชายด้วยกัน ท่านพี่เข้าใจข้า!”

เมื่อเห็นฉินเหยียนตบมาที่อกเขา องค์ชายใหญ่ฉินชงโกรธมากเขาปัดมือฉินเหยียนออกและพูดด้วยสีหน้ารังเกียจว่า

“เจ้าหยุดเปรียบเทียบข้ากับเจ้าเสียที พวกเราไม่ใช่คนๆ เดียวกัน!”

ในที่สุดจ้าวจีเอ๋อร์ก็เข้าใจทันทีว่าองค์ชายใหญ่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับฉินเหยียน

ศัตรูของศัตรูก็คือสหาย หากให้โอกาสนี้ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนแย่ลงไปอีก ปล่อยให้นกปากส้อมกับหอยสู้กัน ชาวประมงอย่างนางมีแต่ได้ประโยชน์ไปเต็มๆ

นางพลันกลอกตาและร้องไห้ขอความเมตตาจากองค์ชายใหญ่ทันที

“องค์ชายใหญ่ ท่านต้องช่วยหม่อมฉันนะเพคะ! องค์ชายสิบสี่ใช้วิธีสารพัดทำให้หม่อมฉันอับอาย ต้องการแทรกแซงให้เกิดความขัดแย้งระหว่างอาณาจักรฉินและอาณาจักรจ้าวเจ้าค่ะ!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์