อาณาจักรจ้าวได้วางแผนการครั้งนี้มายาวนานเป็นเวลาถึงห้าปี หออี๋หงที่อาณาจักรจ้าวใช้เวลาถึงสามปีกว่าจะครอบครองให้เป็นฐานทัพของอาณาจักรจ้าวได้อย่างสมบูรณ์
สามารถรองรับทหารหน่วยกล้าตายได้ถึงสามร้อยคน ซึ่งพวกเขาเป็นทั้งทหารชั้นดีและนายพล
นางไม่คาดคิดว่าแผนการที่นางวางแผนมาอย่างบากลำบากนี้จะถูกฉินเหยียนที่อวดดีคนนี้กำจัดจนหมดสิ้น ซึ่งทำให้นางถึงกับหมดแรง
ฉินเหยียนพูดต่อว่า
“อ้อ ยังไม่ยอมรับอย่างนั้นหรือ? เช่นนั้นข้าจะทำให้เจ้ายอมรับข้าทั้งกายและใจ!”
เวลานี้ จ้าวจือหย่าและต้าจ้วงรีบเข้ามารายงานว่า
“อ๋องเหยียน ลานด้านหลังเหมือนจะมีบางอย่างผิดปกติ ท่านไปตรวจเสียหน่อยเถิดขอรับ!”
“นำทางข้าไป”
หลังจากพูดเช่นนั้น เขาไม่ลืมที่จะดึงองค์ชายใหญ่ที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยไปด้วย
“พี่ใหญ่ ไปกันเถอะ พวกเราไปดูด้วยกัน อ้อ ท่านเสนาบดีกรมอาญา ท่านเองก็ไปกับเราด้วย มาสิ!”
ต้าจ้วงและจ้าวจือหย่านำทางไปข้างหน้า ฉินเหยียนโอบองค์ชายใหญ่ที่ไม่เต็มใจให้เดินตามไป เสนาบดีกรมอาญาก็เดินตามไปติดๆ
เมื่อมาถึงลานด้านหลังของหออี๋หง ทั้งลานนั้นเต็มไปด้วยทหารหน่วยกล้าตายของอาณาจักรที่ถูกควบคุมตัวเอาไว้
ทางเข้าห้องใต้ดินลานด้านหลังมีทหารหน่วยกล้าตายกว่าสิบชีวิตถูกควบคุมตัวอยู่
ต้าจ้วงพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“อ๋องเหยียน นี่ขอรับ”
ความจริงแล้วไม่จำเป็นต้องมอง ฉินเหยียนก็พอเดาทุกอย่างได้แล้ว เขาโบกมือปัดแล้วออกคำสั่งว่า
“เปิดมัน”
ทหารชั้นดีก้าวไปข้างหน้าทันทีและดึงที่เปิดช่องเข้าไปยังห้องใต้ดินพร้อมกัน
“หนึ่ง สอง สาม ดึง!”
ขณะที่ทหารชั้นดีช่วยกันเปิดช่องห้องใต้ดินด้วยกันนั้น มีเสียง”ครืน” ดังขึ้น และห้องก็ถูกเปิดออก
ทันทีที่ห้องใต้ดินถูกเปิดออก ทุกคนที่อยู่ที่นั่นก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่น
เขารู้สึกได้ถึงลมหายใจเย็นๆ ล้อมรอบไปทั่วร่างกายของเขาในทันที ผสมกับกลิ่นเหม็นเน่าเปื่อยของซากศพปะทะขึ้นมา
“อุบ”
ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ต่างพากกันอาเจียนออกมา กลิ่นเหม็นเน่านั้นทำให้พวกเขาถึงกับต้องปิดจมูกและปิดปากอย่างรวดเร็ว
องค์ชายใหญ่ฉินชงปิดจมูกและพูดด้วยความรังเกียจว่า
“นี่มันกลิ่นอะไรกัน เหตุใดถึงได้เหม็นขนาดนี้?”
ฉินเหยียนจงใจแกล้งทำเป็นไม่รู้ ส่ายหัวแล้วพูดว่า
“ข้าเองก็ไม่รู้เช่นกันพี่ใหญ่ ทำไมท่านถึงไม่ลองดูเล่า?”
องค์ชายใหญ่ฉินชงส่ายหัวและพูดซ้ำไปซ้ำมาว่า
“สถานที่สกปรกเช่นนี้ องค์ชายอย่างข้าจะตรวจสอบได้อย่างไร”
ฉินเหยียนแกล้งทำตัวลึกลับและกระซิบข้างหูองค์ชายใหญ่ว่า
“พี่ใหญ่ หากท่านพี่ไม่ตรวจสอบดูว่ามีอะไรอยู่ข้างใน พรุ่งนี้เช้าท่านพี่จะอธิบายเรื่องทั้งหมดในหออี๋หงให้เสด็จพ่อฟังได้อย่างไรล่ะ?”
เดิมทีองค์ชายฉินลงมีความลังเลใจอยู่เล็กน้อย เขาถูกเลี้ยงประคบประหงมมาอย่างดีตั้งแต่เล็กจนโต สถานที่สกปรกเช่นนี้เขาจะเคยมาได้อย่างไร
แต่และเมื่อคิดถึงสิ่งที่ฉินเหยียนพูดก็ดูสมเหตุสมผล หากในวันพรุ่งนี้เสด็จพ่อถามเกี่ยวกับรายละเอียดล่ะ เขาต้องอธิบายอะไรออกไปได้บ้าง
สามารถจับทหารหน่วยกล้าตายของอาณาจักรได้มากถึงขนาดนี้ ถือว่าประความสำเร็จครั้งใหญ่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจให้เจ้าสิบสี่ได้ความดีความชอบที่ยิ่งใหญ่นี้แต่เพียงผู้เดียวแน่
เขาจึงพูดว่า
“น้องสิบสี่ ในเมื่อข้าเป็นพี่ชายเจ้า ข้าจะต้องทำให้ดูเป็นตัวอย่าง ให้ข้าได้ตรวจสอบเสียก่อน เจ้ารอข้าที่นี่เถิด”
ฉินเหยียนพูดตอบรับทันที
“พี่ใหญ่ก็คือพี่ใหญ่ ข้าขอชื่นชมท่าน เชิญเข้าไปดูเถิด!”
แม้เขาจะพูดออกไปเช่นนี้ แต่ในใจคิดจะรอดูว่าองค์ชายใหญ่ทำเรื่องน่าอายเช่นนี้อยู่แล้ว!
องค์ชายใหญ่ฉินชงเดินปิดจมูกเดินไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญ ยิ่งเขาเข้าใกล้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งได้กลิ่นเนื้อที่เหม็นเน่ามากขึ้นเท่านั้น
เขาหยุดอยู่ปากทางเข้าห้องใต้ดินเพื่อระงับความปั่นป่วนในท้อง กลิ่นเหม็นเน่านั้นรุนแรงมากจนแสบตา
ในใจพูดกับตัวเองไม่หยุด
ไม่เหม็น กลับไปค่อยอาบน้ำก็ได้ เพื่อในวันพรุ่งนี้ข้าจะได้ความดีความชอบต่อหน้าเสด็จพ่อบ้าง!”
เขาหรี่ตา ก้มลงมองข้างในห้องใต้ดิน
แต่เมื่อองค์ชายใหญ่เห็นชัดเจนว่าในห้องใต้ดินนั้นมีอะไรอยู่ เขารู้สึกว่าหัวเขาแทบจะระเบิดออกมา เลือดไหลเวียนไปทั่วร่าง
ไม่สามารถระงับอาการคลื่นไส้ได้อีกต่อไป เขาโค้งตัวและอาเจียนออกมาในที่สุด
“โอ้ก โอ้ก...”
ฉินเหยียนกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้ เสนาบดีกรมอาญาถามอย่างเป็นกังวลว่า
“องค์ชายใหญ่ ท่านไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่ขอรับ! เห็นชัดหรือไม่ว่าด้านในเป็นอะไร?”
องค์ชายใหญ่ฉินชงไม่อยากจะพูดออกมาด้วยซ้ำ เขาต้องการอาเจียนออกมาให้หมดท้อง
ฉินเหยียนบีบจมูกและพูดกับเสนาบดีกรมอาญาว่า
“ใต้เท้า ในเมื่อท่านอยากรู้นักว่าด้านในมีสิ่งใด ทำไมท่านถึงไม่ไปดูเองเล่า”
เสนาบดีกรมอาญามองไปที่ฉินเหยียนด้วยสายตาเหยียดหยาม เขาที่เป็นเสนาบดีกรมอาญา เขาเคยเห็นเหตุการณ์รุนแรงมานักต่อนักแล้ว แค่เรื่องวุ่นวายในห้องใต้ดินนี้จะทำอะไรเขาได้ ขณะที่เขาเดินไปยังทางเข้าห้องใต้ดิน เขาพูดออกมาว่า
“ในเมื่อองค์ชายสิบสี่ขี้กลัวจนหัวหด เช่นนั้นข้าจะทำให้เจ้าดูเอง...”
ดังคำสุภาษิตที่ว่า อยากรู้อยากเห็นมากเกินไปจะทำร้ายตนเองได้
เสนาบดีกรมอาญายังพูดไม่ทันจบ ภาพตรงหน้าทำให้เขาสัมผัสได้ถึงลมเย็นที่พัดมาจากด้านหลัง ภายในท้องของเขาเกิดความปั่นป่วนขึ้นมาทันที
“โอ้ก! โอ้ก...”
สภาพไม่ต่างกับองค์ชายใหญ่ฉินชงเลยแม้แต่น้อย โค้งตัวและอาเจียนออกมาเสียงดัง
ฉินเหยียนคิดเอาไว้แล้วว่าเสนาบดีกรมอาญาจะต้องมีปฏิกิริยาเช่นนี้ พูดตอกย้ำด้านข้างว่า
“ไอหย่า ใครๆ ต่างพูดว่าเสนาบดีกรมอาญาต่างมีความรู้ความสามารถมาก ไม่คิดว่าท่านจะมีสภาพเช่นนี้”
เสนาบดีกรมอาญาพูดอย่างฝืนใจว่า
“เจ้าหยุดประชดข้าได้แล้ว ถ้าเจ้าได้เห็นว่ามีอะไรในห้องใต้ดิน เจ้าก็คงไม่ได้ดีไปกว่าข้านักหรอก!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์