องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 84

ฉินเหยียนแสร้งทำเป็นกังวลและพยายามโน้มน้าวเขา “พี่ใหญ่ ใจเย็นๆก่อนนะ ล้วนเป็นพี่น้องกัน อย่าโกรธไปเลยไม่จำเป็นหรอก มา น้องขอให้เกียรติพี่ด้วยการดื่มหมดจอก!”

ฉินเหยียนยกจอกขึ้นดื่มจนหมด

องค์ชายใหญ่ฉินชงเองก็ดื่มตามอีก จากนั้นก็พูดอย่างฉะฉานว่า “พี่น้องอะไรกัน ความทะเยอทะยานของเขาชัดเจนมากแล้ว คิดว่าข้ามองไม่ออกจริงๆงั้นรึ เพื่อขึ้นครองบัลลังก์ ทำเรื่องสกปรกมาตั้งเท่าไร เจ้าสิบสี่ พี่ไม่อยากจะว่าเจ้าเลย เจ้าน่ะจิตใจดีเกินไป!”

เมื่อพูดดังนั้นแล้วเขาก็ถอนหายใจเบาๆ “ในบรรดาพี่น้องทั้งหมดก็มีแต่เจ้าที่จริงใจต่อข้า ก่อนหน้านี้พี่กระทำผิดไป เหล้าจอกนี้ถือว่าพี่ไถ่โทษกับเจ้าละกัน พี่ขอยก!”

ฉินเหยียนมององค์ชายใหญ่ดื่มจนหมด เขาจึงจิบเหล้าคำหนึ่งแล้วพูดว่า “พี่ใหญ่ พูดห่างเหินเกินไปแล้ว ข้ายังมีเรื่องอยากขอให้พี่ช่วยอยู่เลย”

องค์ชายใหญ่ฉินชงตอบตกลงโดยที่ไม่รอให้ฉินเหยียนบอกว่าเรื่องอะไรทันที “น้องสิบสี่ว่ามาได้เลย ตราบใดที่พี่ทำได้ ต่อให้พี่ต้องบุกน้ำลุยไฟก็ไม่หวั่น!”

“ดูพูดเข้าสิ ข้าเป็นน้องจะยอมให้พี่สละชีวิตได้อย่างไร ข้าเพียงแค่อยากขอยืมเหล่าหญิงสาว หอเจี้ยวฟางซือมาใช้งานเสียหน่อย อยากขอให้พี่ใหญ่ช่วยเป็นธุระให้ข้าที”

องค์ชายใหญ่ฉินชงถามอย่างสงสัยว่า “ไม่เป็นปัญหา ข้าสามารถไปหอเจี้ยวฟางซือได้ทุกเมื่อ ต้องการให้ข้าทำอะไรล่ะ?”

ฉินเหยียนมองไปรอบๆอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็พูดอย่างมีลับลมคมในว่า “ให้เหล่าหญิงสาวหอเจี้ยวฟางซือเปลี่ยนตัวกับไส้ศึกหญิงของอาณาจักรจ้าว หญิงสาวหอเจี้ยวฟางซือปลอมตัวเป็นหญิงโคมเขียว และทำหน้าที่เป็นไส้ศึกอาณาจักรจ้าวแทนเพื่อเก็บจดหมายลับต่อไป เพื่อที่จะจับไส้ศึกอาณาจักรจ้าวที่ซ่อนตัวในเมืองได้มากยิ่งขึ้น”

“จากนั้นก็ขังไส้ศึกหญิงอาณาจักรจ้าวไปยัง หอเจี้ยวฟางซือให้หมด เพื่อป้องกันหากมีคนคิดไม่ซื่อ จะได้สะดวกต่อการควบคุม”

องค์ชายใหญ่ฉินชงรู้สึกตามไม่ค่อยทัน “น้องสิบสี่ แต่จะว่าไปแล้ว เก็บตัวไส้ศึกหญิงอาณาจักรจ้าวเอาไว้ก็ไม่เป็นประโยชน์นี่ สู้นำไปขังไว้ที่คุมขังกรมอาญายังจะสบายใจกว่า”

ฉินเหยียนมีแผนในใจอยู่แล้ว เขาพูดว่า “ไม่ๆๆ พวกนางยังมีประโยชน์อยู่มาก เพียงแต่จะต้องทำให้พวกนางภักดีจริงๆก่อน ดังนั้นเมื่อไส้ศึกหญิงอาณาจักรจ้าวถูกส่งไปยังหอเจี้ยวฟางซือแล้ว ข้าอยากให้พี่ช่วยเฝ้าระวังหอเจี้ยวฟางซือแทนข้า อย่างไรเรื่องนี้ข้าก็ไม่ไว้ใจให้ผู้อื่นมารับหน้าที่แทน มีเพียงพี่ใหญ่เท่านั้นที่น้องไว้ใจ”

องค์ชายใหญ่ฉินชงได้ยินดังนั้นก็รู้สึกตื้นตันอย่างมาก ในพระราชวังนี้เจ้าสิบสี่ดีที่สุดจริงๆ เขาตบอกแล้วรับรองว่า “วางใจเถิดน้องสิบสี่ ข้าจะช่วยเฝ้าระวังพวกไส้ศึกอาณาจักรจ้าวเอง หากมีใครที่กล้าคิดไม่ซื่อ ข้าจะสังหารมันซะ!”

ฉินเหยียนส่ายหน้าแล้วพูดว่า “สังหารมิได้ เมื่อพี่ไปยังหอเจี้ยวฟางซือแล้ว ไม่เพียงแต่ห้ามทำการสังหารพวกนาง แต่ยังต้องคอยทำดีและให้อาหารดีๆกับพวกนางด้วย ทำให้พวกนางรู้สึกว่าได้รับความอบอุ่นจากครอบครัว และได้สัมผัสถึงความรักที่แท้จริงในโลกนี้”

องค์ชายใหญ่ฉินชงไม่ถามมากความอีกต่อไป ในเมื่อน้องสิบสี่อยากให้ดูแลเป็นอย่างดี งั้นก็ทำตามนั้น

“ไม่มีปัญหา สุดแล้วแต่น้องสิบสี่เห็นว่าดี”

ฉินเหยียนยิ้มแล้วยกเหล้าขึ้นเคารพองค์ชายใหญ่ “ขอรบกวนด้วยพี่ใหญ่!”

หลังจากได้ดื่มเหล้าและทานอาหารแล้ว

มื้อนี้ทั้งคู่ได้กินดื่มกันอย่างผ่อนคลายและมีความสุข องค์ชายใหญ่ฉินชงได้มุ่งหน้าไปเตรียมการยังหอเจี้ยวฟางซือ

ทางด้านหออี๋หง ฉินเหยียนได้สั่งให้ต้าหย่งจัดหารถม้าหลายสิบคัน และมุ่งหน้ามายังด้านหลังหออี๋หงเป็นรอบๆ เพื่อคุมตัวไส้ศึกหญิงอาณาจักรจ้าวหลายร้อยคนขึ้นไป

ภายในรถม้า เหล่าไส้ศึกหญิงอาณาจักรจ้าวไม่รู้ว่ากำลังมุ่งหน้าไปที่ไหน ต่างก็พากันหวาดผวา ไม่กล้าทำอะไรเลย กลัวว่าเจ้าบ้าฉินเหยียนจะเอาชีวิตของพวกนางไป

จ้าวจือหย่าถามอย่างสงสัยว่า “เจ้าบอกว่าไส้ศึกอาณาจักรจ้าวได้เชื่อฟังเจ้าแล้วไม่ใช่รึ แล้วเหตุใดยังต้องเปลี่ยนตัวกับหญิงสาวหอเจี้ยวฟางซือ ให้มาปลอมตัวเป็นหญิงโคมเขียวล่ะ?”

ฉินเหยียนยิ้มแล้วอธิบายว่า “คนเหล่านี้ล้วนเป็นคนยากจนที่โชคร้าย แบกรับอารมณ์ของผู้คนมามากมาย หากในตอนนี้เราให้ความเมตตา พวกนางจะต้องรู้สึกซาบซึ้ง และตอบแทนบุญคุณอย่างล้นหลามแน่นอน”

“อีกอย่างพวกนางได้รับการฝึกฝนให้เป็นหน่วยกล้าตายมาก่อน หากยอมเชื่อฟังเราด้วยความจริงใจ งั้นก็คงช่วยให้หายเหนื่อยไปเยอะเลย ผลลัพธ์จากการลงทุนลงแรงน้อย แต่ผลตอบแทนมากเป็นทวีคูณ”

จ้าวจือหย่าเข้าใจในทันที ฉินเหยียนกำลังจะพิชิตใจคนด้วยคุณธรรม ทำให้ไส้ศึกอาณาจักรจ้าวเชื่อฟังเขาอย่างสิ้นเชิง

ฉินเหยียนย้ำเตือนให้จ้าวจือหย่ารอเขาอยู่ที่นี่ เดี๋ยวจะมีภารกิจสำคัญให้นางปฏิบัติ จากนั้นก็ขึ้นรถม้าไปด้วย ผู้ควบคุมรถม้าแต่ละคันล้วนเป็นทหารหัวกะทิของฉินเหยียน นอกจากนี้ยังมีทหารหัวกะทิที่ปลอมตัวเป็นชาวเมืองแฝงตัวไว้รอบๆของรถม้า เพื่อป้องกันตลอดเวลา

รถม้าหลายสิบคันได้ไปถึงยังหอเจี้ยวฟางซือในตอนกลางวัน โดนไม่มีใครรับรู้เลย

องค์ชายใหญ่ฉินชงได้รออยู่ที่หอเจี้ยวฟางซือนานแล้ว เมื่อเห็นฉินเหยียนลงมาจากรถม้า จึงรีบเข้าไปต้อนรับ “ทุกอย่างได้จัดเตรียมเรียบร้อยแล้ว รถม้าที่เหล่าหญิงสาวหอเจี้ยวฟางซือนั่งอยู่ได้เตรียมพร้อมแล้ว สามารถออกเดินทางได้ตลอดเวลา”

ฉินเหยียนตบบ่าขององค์ชายใหญ่อย่างพอใจ “ไส้ศึกหญิงอาณาจักรจ้าวอยู่ที่นี่กันหมดแล้ว หลายวันมานี้เหนื่อยหน่อยนะพี่ใหญ่”

ฉินชงโบกมือแล้วพูดอย่างไม่เดือดร้อนว่า “เรื่องแค่นี้ไม่มีค่าควรแก่การเอ่ยถึงหรอก”

ฉินเหยียนเปลี่ยนรถม้า เตรียมจะพาเหล่าหญิงสาวหอเจี้ยวฟางซือกลับไปยังหออี๋หง ก่อนจะเดินทางเขาได้ย้ำอีกทีว่า

“พี่ใหญ่ จำไว้ให้ดีด้วยล่ะว่าต้องทำดีและให้อาหารดีๆกับพวกนาง อย่าทำให้พวกนางต้องทุกข์”

“น้องสิบสี่วางใจเถิด ด้านหอเจี้ยวฟางซือให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง”

ฉินเหยียนทำมือคารวะแล้วขึ้นรถม้าไป เขามองไปยังจ้าวจีเอ๋อร์ที่ถูกมัดไว้ราวกับบ๊ะจ่าง

“ไปกันเถอะหญิงงาม ข้าจะพาเจ้าไปซื้อข้าวส่วนของวันนี้เอง”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์