องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 85

แววตาของจ้าวจีเอ๋อร์ปรากฎความสงสัยขึ้นมา เวลาแบบนี้เขากลับยังคิดจะซื้อข้าวเนี่ยนะ ที่เขาคิดอะไรอยู่กันแน่นะ ช่างเป็นคนเซ้าซี้จริงๆ

ฉินเหยียนหยิบสายบังเหียนของรถม้าขึ้นมาแล้วชี้ไปที่จ้าวจีเอ๋อร์ “ครั้งนี้จะผูกไว้ตรงไหนดีนะ?”

จ้าวจีเอ๋อร์มองฉินเหยียนอย่างเย็นชา เจ้าบ้านี่คงไม่ได้คิดจะผูกนางแล้วไปเดินซื้อข้าวหรอกนะ?

“ผูกตรงคอดูเย้ายวนที่สุด มาเถอะนางทาสของข้า ข้าจะผูกให้เจ้าเอง”

เป็นตามที่จ้าวจีเอ๋อร์คิดไว้ ฉินเหยียนเดินถือเชือกมาหานางด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย

จ้าวจีเอ๋อร์ถูกปิดปากเอาไว้จึงทำได้เพียงร้องอู้อี้ ร่างกายที่ถูกมัดไว้แน่นก็ดิ้นราวกับดักแด้ แต่ก็ยังคงไม่มีประโยชน์เช่นเคย ยังคงต้องถูกเจ้าบ้าฉินเหยียนนำเชือกมาผูกตรงคอต่อหน้าต่อตา

ฉินเหยียนชื่นชมผลงานชิ้นเอกของเขาด้วยความพึงพอใจ และได้จงใจหยอกนางโดยจับคางของนางแล้วพูดว่า “ชอบเชือกที่ข้าผูกให้ไหมล่ะนางทาส?”

“อืออือ!”

“ว่าอย่างไร? โอ้จริงสิ เจ้าถูกปิดปากไว้เลยพูดไม่ได้สินะ จุ๊ ต้องโทษทหารหัวกะทิของข้าที่ไม่เบามือเลย มานี่สิ ข้าจะเอาออกให้นะ”

ฉินเหยียนผ้าขี้ริ้วออกมาจากปากของจ้าวจีเอ๋อร์อย่างได้ใจ และแสร้งทำเป็นพูดอย่างเจ็บปวดใจว่า “โธ่ ดูสิปากใหญ่ไปหมดแล้วเนี่ย เห็นแล้วปวดใจจริงๆ”

เมื่อพูดดังนั้นแล้วเขาก็ใช้มือถูใบหน้าของจ้าวจีเอ๋อร์อย่างอ่อนโยน

จ้าวจีเอ๋อร์หันหน้าหนีด้วยความรังเกียจ เมื่อไม่มีสิ่งใดมาปิดปากแล้วจึงจะด่าทอเขา แต่เหมือนกรามของนางจะเคล็ด นางเจ็บจนสะดุ้งโหยง จากนั้นก็ค่อยๆปิดปาก

ฉินเหยียนกลั้นหัวเราะแล้วแก้มัดจ้าวจีเอ๋อร์ “เหตุใดเจ้าจึงไม่ว่าง่ายหน่อยล่ะ ดูท่าข้าคงต้องสั่งสอนเจ้าด้วยตนเองเสียแล้ว ไปกันเถอะ ไปซื้อข้าวสองจินที่ย่านการค้าให้เจ้ากัน”

จ้าวจีเอ๋อร์นั่งบนพื้นและยืดกล้ามเนื้อบริเวณที่เชือกมัด ทั้งเมื่อยทั้งบวม นางพูดอย่างโกรธเกรี้ยวว่า

“สมองเจ้ามีปัญหารึเปล่า? ข้าคือองค์หญิงสามแห่งอาณาจักรจ้าวเชียวนะ เจ้าจะผูกเชือกข้าเยี่ยงสุนัขแล้วไปเดินย่านการค้าเนี่ยนะ หากผู้คนอาณาจักรจ้าวเห็นเข้าจะต้องฆ่าเจ้าแน่!”

ฉินเหยียนหลุดหัวเราะ “เจ้ายังฝันเป็นองค์หญิงอีกรึ เจ้าคิดว่าทำไมข้าถึงกล้าพาเจ้าไปย่านการค้ากัน? เพียงแค่หน่วยกล้าตายอาณาจักรจ้าวปรากฎตัวออกมา ข้าก็จะจับกุมพวกมันทันที!”

จ้าวจีเอ๋อร์อึ้งไป ฉินเหยียนจะใช้นางเป็นเหยื่ออีกครั้ง นางจึงพูดว่า “ไม่มีทาง!!”

ทหารหัวกะทิที่ปลอมตัวเป็นคนควบคุมรถม้าพูดขึ้นจากด้านนอกว่า “อ๋องเหยียน ถึงย่านการค้าแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“จอดเลย”

“พ่ะย่ะค่ะ!” รถม้าของทหารหัวกะทิหยุดลงที่หัวมุมย่านการค้า

ฉินเหยียนดึงเชือกที่ผูกคอของจ้าวจีเอ๋อร์แล้วพูดอย่างชั่วร้ายว่า “จะอยากลงหรือไม่อยากลงเจ้าก็ไม่มีสิทธิ์เลือก”

จ้าวจีเอ๋อร์ขัดขืนไม่หยุด นางปฏิเสธ “ปล่อยข้า เจ้าชั่ว......อึก......”

ในขณะที่จ้าวจีเอ๋อร์กำลังอ้าปากด่าทอ เขาก็ได้นำผ้าขี้ริ้วมาอุดปากนางอีกครั้ง และได้ส่ายหน้าอย่างจนปัญญาพร้อมพูดว่า “เจ้านี่ปากเก่งจริงๆ เจ้าเลิกก้าวร้าวเมื่อไร ข้าก็จะเอาผ้ารีวิวออกจากปากเจ้าเมื่อนั้น หากไม่ยอมเปลี่ยนนิสัยก็ยัดมันไว้ตลอดไปเลย!”

เมื่อพูดดังนั้นแล้วก็ลงจากรถม้าทันที เขาออกแรงดึงจนทำให้จ้าวจีเอ๋อร์ลงจากรถม้าอย่างโซเซ บนย่านการค้ามีผู้คนเดินไปเดินมามากมาย เหล่าผู้ค้าต่างก็ตะโกนไม่หยุด

“ลูกพลับจากซินจวงมาแล้ว ไม่ฝาดเลย ถ้าฝาดก็มีเปลี่ยนให้!”

“คลื่นน้ำฉางเจียงโหมกระหน่ำ หลายพันครัวเรือนต้องการมัน คลื่นแม่น้ำฉางเจียงทำให้เกิดคลื่นตามๆกัน ซื้อหวีของร้านข้าไม่มีทางถูกหลอก แม่นาง ซื้อหวีสิ!”

“เดินผ่านไปผ่านมาอย่าพลาดไปล่ะ ปวดเอวปวดขาเป็นตะคริว ใช้แผ่นแปะสารพัดปวดของข้ากัน ท่าน ข้าว่าเท้าของท่านดูเจ็บรึเปล่า ลองแผ่นแปะสองแผ่นหน่อยไหม? ไม่แพงเลย เพียงแค่สองอีแปะหนึ่งแผ่นเท่านั้น! อ้าวอย่าเพิ่งไปสิ มีฤทธิ์ดีมากเลยนะ!”

ฉินเหยียนเอามือไขว้หลังแล้วดึงจ้าวจีเอ๋อร์ และเดินวางมาดอยู่บนย่านการค้า เพลิดเพลินกับความตื่นเต้นและความเร่งรีบของชีวิตในย่านการค้า

จ้าวจีเอ๋อร์ที่อยู่ด้านหลังหันมองผู้คนที่เดินไปเดินมา บางคนก็กลั้นหัวเราะ บางคนก็ใช้สายตาที่มองตัวประหลาดมองมา ต่างพากันชี้นิ้ววิพากษ์วิจารณ์นาง

นางแทบอยากจะมุดดินหนีไป นางเป็นถึงองค์หญิงสามแห่งอาณาจักรจ้าวผู้ล้ำค่าเชียวนะ แต่ตอนนี้กลับมีชีวิตไม่ต่างกับทาส

ถูกหยามเกียรติไม่พอ แถมยังถูกพามาสถานที่สกปรกแล้วโดนมองค้อนอีก สายตาของพวกเขามองมาด้วยความเกลียดชัง นางเดินไปตรงหน้าของฉินเหยียน อยากจะฆ่าเขาให้ตายตอนนี้เลย!

ฉินเหยียนไม่ได้สนใจสายตาประหลาดของคนรอบข้างเลย เขาพาจ้าวจีเอ๋อร์มายังร้านขายข้าวอย่างรวดเร็ว

แม้บริกรในร้านจะเคยเจอลูกค้าที่ประหลาดมาไม่น้อย แต่นี่เป็นครั้งแรกเจอคนแปลกมากขนาดนี้ แต่ด้วยความเป็นมืออาชีพ เขาจึงต้อนรับอย่างกระตือรือร้น

“ลูกค้าทั้งสองท่าน ต้องการข้าวเท่าไรรึ เดี๋ยวข้าชั่งให้”

“เอาข้าวให้ข้าสองจินก่อน”

บริกรในร้านขานรับ “ได้เลย รอสักเดี๋ยวนะ”

คนขายข้าวถือตาชั่งแล้วพูดว่า “นี่นะขอรับ ใส่ให้เยอะๆเลย สี่อีแปะขอรับ”

ฉินเหยียนจ่ายหนัก เขาหยิบเงินหนึ่งตำลึงออกมาวางบนโต๊ะ

บริกรเห็นดังนั้นแล้วก็อึ้งไป เขาพูดอย่างติดอ่างว่า “ลูกค้าขอรับ เงินใหญ่ขนาดนี้ร้านเล็กๆของเราไม่มีทอน......”

ฉินเหยียนพูดอย่างใจเย็นว่า “ส่วนที่เหลือ เปลี่ยนเป็นขนข้าวขึ้นรถม้าให้ข้า”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์