เมื่อได้ยินประโยคที่ฮ่องเต้หลู่พูด ซือหม่าจี๋พลันเข้าใจเหตุผล แต่สุดท้ายแล้วฮ่องเต้หลู่เองก็เป็นประมุขแห่งอาณาจักรหลู่ เป็นความหวังสุดท้ายของประชาชน
ซือหม่าจี๋น้ำตาคลอเบ้า เสียงเขาสั่นเล็กน้อย
“ฝ่าบาท กระหม่อมขอกราบทูลพระองค์ตรงๆ อาณาจักรไม่สามารถอยู่ต่อได้หากไร้คนปกครอง ตราบใดที่พระองค์ยังคงครองราชย์ เช่นนั้นพระองค์ต้องแบกความรับผิดชอบนี้ด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
“อาณาจักรเยี่ยนบุกเข้ามาอย่างกะทันหัน ชายแดนอาณาจักรหลู่ไม่อาจป้องกันได้ ประชาชนทำได้แค่ป้องกันด้วยอาวุธธรรมดาๆ เท่านั้น เลือดเนื้อของพวกเขาเป็นเกราะป้องกันอาณาจักรอยู่นะพ่ะย่ะค่ะ!”
“ประชาชนเหล่านั้นที่ใช้เลือดเนื้อของเขาป้องกันอาณาจักร ยังรอให้ทางราชสำนักส่งกองกำลังเข้าไปเสริม รอให้ฮ่องเต้ที่พวกเขาชื่นชมช่วยสนับสนุนพวกเขาให้รอดพ้นจากสงครามนี้!”
“ฝ่าบาท ข้าขอร้องท่านเห็นแก่ประชาชนด้วยพ่ะย่ะค่ะ ตายดีกว่ายอมจำนน ได้โปรดกลับไปยังอาณาจักรหลู่เพื่อควบคุมสถานการณ์ด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”
ในเวลานี้ซือหม่าจี๋น้ำตาไหลออกมา ในใจร้อนรนอยู่ไม่น้อย เมื่อนึกถึงประชาชนใช้เลือดเนื้อของเขาปกป้องบ้านเมือง และต้องตายอย่างน่าอนาถใจด้วยน้ำมือของอาณาจักรเยี่ยน เขารู้สึกเหมือนใจเขาถูกกรีดออก
เมื่อฮ่องเต้หลู่ได้ยินเช่นนั้น เขาถอนหายใจหนัก แต่แค่อยากหาความสงบ เหตุใดถึงได้ยากขนาดนี้?
แต่สิ่งทีซือหม่าจี๋พูดมานั้นก็มีเหตุผล เพราะเขายังเป็นฮ่องเต้แห่งอาณาจักรหลู่ ไม่ว่าสุดท้ายแล้วจะตัดสินใจอย่างไร แต่เขาไม่อาจละเลยได้
เมื่อเห็นว่าฮ่องเต้หลู่ยังนิ่งเงียบ ซือหม่าจี๋ก้มหัวลงพร้อมกับขอร้องว่า
“ฝ่าบาท เห็นแก่ประชาชนและอาณาจักร ได้โปรดกลับไปเถิด ข้าขอร้องท่านพ่ะย่ะค่ะ!”
ขันทีหลี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ เห็นซือหม่าจี๋ร้องขอเพื่อประชาชนเช่นนี้ เขาเองก็รู้สึกเจ็บปวดใจ เขาคุกเข่าลงและขอร้องว่า
“ฝ่าบาท ได้โปรดกลับไปช่วยประชาชนด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”
ฮ่องเต้หลู่มองไปยังคนสนิททั้งสอง คุกเข่าร้องขอแทบเท้าเขาด้วยน้ำตา ใจเขาสั่นเล็กน้อย หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เขายอมใจอ่อนและลุกขึ้นยืนแล้วพูดว่า
“เตรียมม้า กลับวังพวกเรากัน”
เมื่อซือหม่าจึ๋ได้ยินฮ่องเต้หลู่ยอมกลับไป เขาถึงกับหลั่งน้ำตาและก้มคำนับ
“รถม้ารออยู่ด้านนอกแล้วพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทได้โปรดทรงตามมา!”
หลังจากฮ่องเต้หลู่ก้าวขาขึ้นรถม้ากลับไปยังอาณาจักรหลู่ ตามด้วยซือหม่าจี๋และขันทีหลี่ รีบขึ้นรถม้ากลับไปยังอาณาจักรหลู่
ทันทีที่รถม้าของอาณาจักรหลู่ออกไป ฟางเจาจวินก็ขับรถไปยังหมู่บ้านซิ่งฮวา รายงานเรื่องนี้ให้แก่ฉีเยี่ยนเอ๋อร์
“รายงานฉีกุ้ยเหริน ฮ่องเต้หลู่กลับอาณาจักรหลู่แล้ว”
ฉีเยี่ยนเอ๋อร์มองที่ไปอีกฝ่าย โดยมือหนึ่งถือกาน้ำชา มือหนึ่งถือฝากาน้ำชา เทใบชาลงไป จากนั้นจิบแล้วพูดเสียงเบาว่า
“บรรดาขุนนางคนสนิทต่างคุกเข่าขอร้องขนาดนั้น หากไม่กลับไป เขาคงทำให้ประชาชนเสียกำลังใจ”
แม้ว่าฉีเยี่ยนเอ๋อร์จะไม่เคยออกจากหมู่บ้านซิ่งฮวามาก่อน แต่นางรับรู้เหตุการณ์สำคัญและเหตุการณ์อื่นๆ ในมืองจิ่วโจวทั้งหมด
แม้ว่าฮ่องเต้หลู่จะหมกมุ่นอยู่กับการเรียนรู้ของลัทธิเต๋า แต่ฉีเยี่ยนเอ๋อร์เป็นคนคอยเติมเชื้อไฟนั้น ยิ่งทำให้ฮ่องเต้หลู่ไม่สนใจกิจการในอาณาจักรของตนอีกเลย
ฉีเยี่ยนเอ๋อร์ถามขึ้นอีกครั้ง
“ตอนนี้เรื่องทั้งหมดให้จิ่วโจวให้เจ้าเป็นคนจัดการ เจ้าทำได้หรือไม่?”
ฟางเจาจวินตอบกลับตามความจริง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...
หายไปนานเลยนะครับ..ถ้ามาลงให้ได้อ่านต่อจะขอบพระคุณมากครับกำลังสนุก...
ซื้ออ่านยังไงได้ครับ...
ขอบคุณที่ลงเพิ่มครับ เรื่องนี้สนุกครับ...
ขอบคุณที่มาต่อให้ได้อ่านนะครับขอบุคุณมากๆสนุกดี...
จาก 438 เริ่มขยับแล้วววว 😁😁😁...