องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 91

หลิวเชียนเชียนขมวดคิ้วแล้วถามด้วยความสงสัยว่า “เจ้าช่วยข้า? เหตุใดจึงต้องช่วยข้าด้วยล่ะ?”

ฉินเหยียนยิ้มแล้วพูดว่า “เจ้าดูสิ การที่เราได้รู้จักกันนั่นก็ถือเป็นพรหมลิขิต และยิ่งบังเอิญมากไปกว่านั้นคือเจ้าชอบฟังเรื่องซุบซิบ ส่วนข้าเองก็ชอบฟังเรื่องซุบซิบเช่นกัน”

“อย่างไรโลกกว้างใหญ่มากขนาดนี้ ส่วนชีวิตก็สั้นมาก อยากจะเดินทางสุดขอบโลกเพื่อมองดูทิวทัศน์ที่แตกต่างกัน แต่เพราะชีวิตบังคับให้ข้าอยู่แต่กับปัจจุบัน”

“ต่อให้จะไปไม่ถึง หากเจ้าเล่าให้ข้าฟัง มันก็จะเปิดโลกทัศน์ของข้ากว้างมากขึ้น การได้รับรู้ทุกสิ่งอย่างโดยไม่ต้องเดินทางไป ใครจะไม่ชอบเรื่องอย่างนั้นล่ะ?”

หลิวเชียนเชียนพยักหน้าอย่างเข้าใจ คิดไม่ถึงว่าความคิดของผู้คุ้มกันคนนี้จะสอดคล้องกับนางมากเพียงนี้ พูดถูกใจอย่างมาก

เขานั่งลงข้างฉินเหยียนทันที แล้วพูดอย่างฉะฉานว่า “ไม่มีปัญหา แล้วเราจะร่วมมือกันยังไงรึ?”

ฉินเหยียนพูดตรงๆว่า “เอาแบบนี้ ช่วงนี้ข้าอยู่ที่ศาลพักม้า เจ้าเขียนเนื้อหาซุบซิบที่เจ้าได้ยินทุกวันมาให้ข้าดูทั้งหมด ส่วนกิจการแผงขายน้ำชาข้าจะจัดการเอง ต่อไปเจ้ารับผิดชอบในการรับข่าวสารใหม่ๆ ที่น่าสนใจจากสถานที่ต่างๆ ทุกวันก็พอ เป็นอย่างไรบ้าง?”

พอคิดว่าจะได้รู้ข่าวซุบซิบและเรื่องราวที่น่าสนใจมากมายในอนาคตแล้ว นางจึงพยักหน้าอย่างมีความสุข

“ไม่มีปัญหา งั้นเอาแบบนี้เลยละกัน”

ฉินเหยียนยกแก้วน้ำชาขึ้นแล้วดื่มมันแทนเหล้า “ตกลง”

......

เมื่อฉินเหยียนออกจากร้านชาแล้วกลับมายังโรงเหล้าแล้ว เหล่าทหารหัวกะทิต่างก็กินดื่มกันอย่างหนำใจ และพุดคุยกับอย่างสนุกสนาน เมื่อเห็นว่าฉินเหยียนกลับมาแล้วจึงได้พากันลุกขึ้นแล้วถือจอกเหล้าทำความเคารพว่า

“ขอบพระคุณขอรับนาย!”

“เหนื่อยหน่อยนะสหาย กินดื่มกันให้พอใจเลย!”

ฉินเหยียนถือจอกเหล้าบนโต๊ะขึ้นมาแล้วดื่มมันจนหมด เหล่าทหารหัวกะทิเองก็ดื่มหมดตามเช่นกัน

ต้าหย่งรีบเดินเข้าไปแล้วรายงานเสียงเบาว่า “อ๋องเหยียน ข้าได้สั่งการเหล่าสหายไปหมดแล้วพ่ะย่ะค่ะ นี่คือสารนกพิราบจากหออี๋หง เชิญพ่ะย่ะค่ะ”

เมื่อพูดดังนั้นแล้วก็ได้หยิบจดหมายออกมาจากแขนเสื้อแล้วมอบให้ฉินเหยียน

เมื่อฉินเหยียนเปิดจดหมายแล้วอ่าน ดวงตาของเขาก็มีความเยือกเย็น ปรากฏว่าเช้านี้เมื่อฉินเหยียนสั่งให้ต้าหย่างตามบริกรไปยังคลังเก็บข้าวสาร ต้าหย่งสังเกตเห็นว่าคนงานที่ชั่งน้ำหนักข้าวในคลังข้าวมาเป็นเวลานาน หลบสายตาและททำตัวน่าสงสัย

พอออกจากคลังข้าวแล้วจึงได้ให้ลูกน้องของตนไปแอบดักซุ่มจับตาดูคนงานคนนี้อย่างใกล้ชิด เป็นไปตามคาด ในตอนที่ทำการช่วยยกข้าวสารให้แก่ลูกค้า เขาไม่ทันระวังจนเผยให้เห็นสัญลักษณ์ขององค์หญิงสามตรงปลอกแขน เขาคือไส้ศึกของอาณาจักรจ้าวแน่นอนอย่างไม่ต้องสงสัย

ฉินเหยียนยังไม่ได้ออกคำสั่ง เหล่าทหารหัวกะทิจึงไม่กล้าเคลื่อนไหวเองตามใจชอบ พวกเขาส่งข่าวออกไปแล้วยังคงซ่อนตัวเพื่อเฝ้าสังเกตคนงานต่อไป

ฉินเหยียนตบบ่าของต้าหย่ง “ทำได้ดี ให้พวกเขาจับตาดูคนงานคนนั้นต่อไป อย่าทำให้เขาตื่นตัว ไม่แน่อาจตกเหยื่อตัวใหญ่ได้”

“พ่ะย่ะค่ะ”

ฉินเหยียนมองรอบๆอย่างระมัดระวังปราดหนึ่ง เมื่อเห็นว่าเหล่าลูกค้าคนอื่นๆต่างก็เมากันมากแล้ว จึงได้กระซิบข้างหูของต้าหย่งว่า

“ข้ามีเรื่องจะมอบหมายให้เจ้าไปทำเสียหน่อย จำไว้ให้ดีว่าเรื่องนี้มีแค่เจ้ากับข้ารู้กันสองคนเท่านั้น คืนนี้ เจ้าไป......”

เมื่อต้าหย่งได้ยินดังนั้นดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความตะลึง เขามองฉินเหยียนอย่างตกตะลึง

“นี่มัน......”

ฉิเนหยียนพูดอย่างจริงจังว่า “ห้ามทำให้เรื่องรั่วไหลเด็ดขาด”

ต้าหย่งพยักหน้าอย่างแข็งทื่อ ต่อให้เขามีความกล้ามากมายแค่ไหนเขาก็ไม่กล้าทำให้มันรั่วไหลออกไปแน่นอน เขาตอบกลับเสียงเบาว่า “พ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยจะไม่ทำให้ผิดหวัง”

จากนั้นก็ได้ออกจากโรงเหล้าแล้วหายไปในความมืด

ฉินเหยียนถือไก่ย่างหนึ่งจานแล้วกลับไปที่ห้องบนชั้นสอง

ตอนนี้สีหน้าของจ้าวจีเอ๋อร์ทรุดโทรม นางหลับตาแล้วพิงอยู่ข้างข้าวสารสองจินอย่างไร้เรี่ยวแรง ฉินเหยียนถือไก่ย่างเดินไปตรงหน้านาง แล้วดึงน่องไก่ออกมาชิ้นหนึ่งมาส่ายอยู่ตรงจมูกของนาง

จ้าวจีเอ๋อร์ลืมตาขึ้นทันที นางไม่ได้ดื่มน้ำหรือทานอะไรเลยทั้งวัน เมื่อได้กลิ่นหอมของไก่ย่างแล้ว น้ำลายจึงไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว

ฉินเหยียนยิ้มอย่างชั่วร้ายแล้วพูดว่า “จุ๊ ไก่ย่างนี่มันหอมจริงๆ อยากกินรึเปล่าล่ะนางทาส?”

จ้าวจีเอ๋อร์กลืนน้ำลายแล้วพยักหน้าเบาๆ

ฉินเหยียนยิ้ม “อยากจะกินก็ได้อยู่หรอก ไหนเรียกว่านายท่านสิ!”

ต่อให้จ้าวจีเอ๋อร์จะหิวมากแค่ไหน เมื่อเห็นใบหน้าทะเล้นของฉินเหยียนแล้ว นางก็โมโหจนแทบจะหายหิว และได้พูดอย่างหัวแข็งว่า “ใครจะอยากกินของเจ้ากัน”

ฉินเหยียนใช้ปลายลิ้นแตะเพดานปาก “เจ้านี่เป็นคนหัวแข็งจริงๆ เจ้าไม่กิน งั้นข้าจะฝืนใจกินแทนเจ้าเองละกัน”

เมื่อพูดดังนั้นแล้วเขาก็กัดน่องไก่คำโตๆ แถมยังเลิกคิ้วใส่จ้าวจีเอ๋อร์ด้วย

“อืม! น่องไก่ชิ้นนี้มันหอมจริงๆ มากกว่าที่ได้กลิ่นอีกนะเนี่ย! มีคนบางคนไม่มีวาสนาจะได้กินซะแล้ว!”

จ้าวจีเอ๋อร์มองน่องไก่ที่ถูกฉินเหยียนกินคำแล้วคำเล่าจนหมด น้ำตาแห่งความไม่พอใจคลอเบ้า แม้แต่ท้องก็ยังร้องขึ้นด้วย

ฉินเหยียนยังคงแสดงสีหน้าได้ใจ เขากินไก่ย่างต่อหน้าจ้าวจีเอ๋อร์จนหมดอย่างมูมมาม

กลืนกินความอยากของจ้าวจีเอ๋อร์ไปจนหมด นางพูดอย่างอารมณ์เสียว่า “ช่างเป็นคนชั่วต่ำทรามนัก”

ฉินเหยียนดูดนิ้วมือแล้วยืนขึ้น “กินดื่มจนอิ่มเอมแล้ว ถึงเวลานอนหลับฝันดีแล้วสิ ฝันดีนะนางทาส”

จ้าวตีเอ๋อร์มองด้วยสายตาที่ไม่พอใจ นางนอนขดตัวอยู่ที่มุมห้อง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์