องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 92

วันต่อมา ท้องฟ้าค่อยๆสว่าง

เหล่าทหารหัวกะทิกำลังรีบมุ่งหน้าไปตรวจสอบร่องรอยของไส้ศึกอาณาจักรจ้าว ที่ร้านตีดาบที่อยู่ใกล้ๆ

วันนี้ฉินเหยียนเองก็ตื่นเช้ามากกว่าปกติ เขาไปเอาข้าวสารสี่จินจากรถม้าแล้วโยนไว้ข้างๆจ้าวจีเอ๋อร์

“ลองถือดูนะ ข้าวสารสี่จิน มีแต่เกิน ไม่มีน้อยไปแน่นอน”

จ้าวจีเอ๋อร์ลืมตาขึ้นอย่างอ่อนล้า มือเท้าของนางถูกมัดเอาไว้ การรักษาท่าทางนี้ตลอดทั้งคืนทำให้นางไม่สามารถนอนหลับอย่างสบายใจเลย ใบหน้าเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง

“เจ้าจะเอายังไงกันแน่?”

ฉินเหยียนปัดฝุ่นในมือแล้วพูดอย่างสบายใจว่า “หมายความว่ายังไงกัน นี่คือสินสอดที่เจ้าต้องการไม่ใช่รึ ข้าไม่ได้ขาดเลยสักวันนะ”

“เจ้า!”

จ้าวจีเอ๋อร์โกรธจนกัดฟัน หากไม่ใช่เพราะหิวจนไม่มีแรง เขาอยากจะพุ่งเข้าไปตบหน้าเจ้าสารเลวคนนี้จริงๆ

และทันใดนั้นเองก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น “เข้ามา”

ต้าหย่งเข้ามารายงานว่า “อ๋องเหยียน ได้ของแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

ดวงตาของฉินเหยียนปรากฏความดีใจ “ไหนขอข้าดู”

ต้าหย่งมองจ้าวจีเอ๋อร์อย่างระมัดระวัง ฉินเหยียนพูดอย่างไม่แยแสว่า “ตอนนี้นางเป็นลูกไก่กำมือแล้ว หนีไม่พ้นหรอก”

จ้าวจีเอ๋อร์โกรธจนไอออกมา เจ้าฉินเหยียน กล้าเทียบนางเป็นคนสารเลวได้นะ ช่างบังอ่านจริงๆ แต่เมื่อนางเห็นของในมือของฉินเหยียนแล้วก็ตกตะลึงอย่างมาก

“นี่มัน......”

ฉินเหยียนดูสิ่งที่ต้าหย่งนำมาให้อย่างระมัดระวัง แล้วมุมปากของเขาก็ยกขึ้นเล็กน้อย

“ทำได้ดี มีเรื่องสนุกๆในพระราชสำนักในเช้านี้แล้วสิ!”

......

ตำหนักจินหลวน

เมื่อองค์ชายแปดฉินอู่เดินเข้าไปข้างในแล้ว ก็ได้ทำการฟ้องร้ององค์ชายใหญ่ทันที

“ท่านพ่อโปรดตรวจสอบอีกครั้งด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ พี่ใหญ่ใช้เรื่องการจับกุมไส้ศึกอาณาจักรจ้าวเป็นข้ออ้าง และไปหอเจี้ยวฟางซือทุกวัน เป็นการละเลยเรื่องการจับกุมอย่างเห็นได้ชัด เพิกเฉยและไม่ทำอะไรเลยเพื่อรับใช้อาณาจักรฉินพ่ะย่ะค่ะ!”

องค์ชายใหญ่เองก็มีสีหน้าไม่พอใจ “ท่านพ่อ น้องแปดกำลังพูดเท็จ ลูกทำการตรวจสอบเพื่อจับกุมไส้ศึกอาณาจักรจ้าวอยู่ทุกวันพ่ะย่ะค่ะ”

ฉินอู่ยังคงโต้กลับว่า “ท่านพ่อ ลูกไม่ได้พูดไปมั่วพ่ะย่ะค่ะ พี่ใหญ่หลอกลวงเลยปิดบังเพื่อเรื่องส่วนตัว เพื่อสนองความต้องการของตนเองพ่ะย่ะค่ะ!”

เมื่อพูดดังนั้นแล้วขุนนางฝ่ายบู๊และฝ่ายบุ๋นในพระราชสำนักก็พากันถกเถียงกันขึ้นมา

“องค์ชายใหญ่สุภาพและมีกิริยางาม ไม่เหมือนผู้ที่จะมัวเมาอยู่กับหอเจี้ยวฟางซือนี่”

“นั่นน่ะสิ จู่ๆทำไมถึงเปลี่ยนไปได้?”

“เมื่อวานข้าเองก็เห็นองค์ชายใหญ่มุ่งหน้าไปยังหอเจี้ยวฟางซือทันทีที่ออกจากพระราชสำนัก”

“หา ไม่หรอกนะ?”

พรรคขององค์ชายใหญ่เมื่อได้ยินการถกเถียงที่ใส่ร้ายองค์ชายใหญ่ก็ทำการโต้กลับทันทีว่า

“พูดไร้สาระจริงๆ องค์ชายใหญ่อุทิศตนเพื่อรับใช้อาณาจักรฉินยังถูกใส่ร้ายอีก มันไร้สาระจริงๆ”

“พวกเจ้ากล้าดียังไงมาพาดพิงองค์ชายใหญ่เช่นนี้ บังอ่าน!”

ฝ่ายขององค์ชายแปดเองก็ไม่ยอม และได้ตอบกลับด้วยความโกรธ

“หึ องค์ชายแปดเป็นคนเที่ยงตรง แข็งแกร่งซื่อตรงไม่ประจบสอพลอ และภักดีต่ออาณาจักรฉินของเราอย่างมาก”

“ไม่เหมือนใครบางคน ใช้เรื่องการจับไส้ศึกอาณาจักรจ้าว ไปเล่นสนุกสำมะเลเทเมา”

“ใครภักดีต่ออาณาจักรฉิน ใครสร้างเรื่องตบตา มันแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนมากแล้ว!”

ทั้งสองฝ่ายทะเลาะกันในพระราชสำนักอย่างดุเดือด ถกเถียงกันไปมาไม่หยุด องค์ชายใหญ่ฉินชงและองค์ชายแปดฉินอู่ต่างจ้องกันตาต่อตาฟันต่อฟัน บรรยากาศเดือดดาลอย่างมาก วันนี้จะต้องแพ้กันไปข้าง

“พอ! เงียบให้หมด!” สีหน้าของฮ่องเต้ฉินไม่พอใจอย่างมาก เขากวาดตามองพรรคขององค์ชายทั้งสอง พวกเขาล้วนเป็นขุนนางเก่าแก่ในราชสำนัก เพื่อปกป้องและสนับสนุนองค์ชายของพวกเขา บังอ่านปั้นเรื่องใส่ร้ายกันต่อหน้าเขาเช่นนี้

ฮ่องเต้ฉินใช้มือจับหน้าผากอย่างจนปัญญา สองสามวันนี้เจ้าลูกชายทั้งสองเอาแต่สู้กันเอง ไม่มีใครทำให้เขาสบายใจได้เลย และทันใดนั้นเองขันทีที่อยู่นอกตำหนักก็ได้ทำการมารายงานอย่างรวดเร็ว

“รายงานด่วนกรมป้องกันเมืองพ่ะย่ะค่ะ!”

เมื่อสิ้นเสียง ทหารป้องกันเมืองก็รีบเข้ามาในตำหนักจินหลวนอย่างทุลักทุเล เขาคุกเข่าอยู่ตรงหน้าตำหนัก

เมื่อองค์ชายแปดฉินอู่เห็นลูกน้องมาที่นี่จึงได้ขมวดคิ้วถามขึ้น “เจ้ามาทำอะไร?”

ทหารป้องกันเมืองตัวสั่น ร่างกายของเขามีเหงื่อออกจนเปียกเสื้อไปหมด แล้วพูดด้วยเสียงสั่นเทาว่า

“ระ รายงานพ่ะย่ะค่ะชินหวาง แผน แผนที่ป้องกันเมืองถูกขโมยไปเมื่อคืนนี้พ่ะย่ะค่ะ!”

“โครม!” ทุกคนราวกับโดนฟ้าผ่า ทุกวันต่างเบิกตากว้างและมีสีหน้าที่เหลือเชื่อ

“พูดไร้สาระอะไรของเจ้า!” ผู้ที่มีปฏิกิริยารุนแรงที่สุดคือองค์ชายแปดฉินอู่ กรมป้องกันเมืองเป็นส่วนที่เขารับผิดชอบ หากแผนที่ป้องกันเมืองสูญหาย เขาก็จะมีความผิดเต็มๆ

ฉินอู่พุ่งเข้าไปแล้วจับคอเสื้อของผู้บังคับทหารรักษาพระราชวัง และคำรามด้วยดวงตาสีแดงก่ำว่า

“แผนที่ป้องกันเมืองหายไปได้อย่างไร พูดมาให้ชัด”

ผู้บังคับทหารรักษาพระราชวังตกใจกลัวจนขวัญหาย เขาพูดเสียงสั่นว่า “วันนี้ตอนเช้าที่ไปตรวจตรา บังเอิญพบว่ามีคนร้ายแอบลักลอบเข้ามาในกรมป้องกันเมือง เมื่อได้ตรวจสอบแล้วก็พบว่าแผนที่ป้องกันเมืองสูญหายไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

ฉินอู่ตกใจจนใบหน้าซีดเซียวและไร้เรี่ยวแรงไปทันที เขาทรุดลงไปกับพื้น จบแล้ว! กรมป้องกันเมืองคือกรมที่เขาได้รับผิดชอบโดยตรง การที่แผนที่ป้องกันเมืองสูญหายเช่นนี้ เป็นโทษร้ายแรงที่ไม่อาจให้อภัยได้!

“ทะ.....ท่านพ่อ......”

“น่าอัปยศอดสูยิ่งนัก ลากตัวมันลงไปตัดหัวซะ!” ฮ่องเต้ฉินเดือดดาลอย่างมาก เขาชี้ไปยังผู้บังคับทหารรักษาพระราชวังแล้วออกคำสั่ง

“ฝ่าบาทไว้ชีวิตด้วยเถิด!”

ขุนนางทุกคนในราชสักนักต่างหวาดกลัวจนร่างกายสั่นสะท้าน ฮ่องเต้ฉินเองก็เดือดดาลอย่างมาก การที่แผนที่ป้องกันเมืองสูญหายไป จะต้องเป็นฝีมือของไส้ศึกอาณาจักรจ้าวแน่นอน สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการค้นหาหัวขโมยไปทั่วเมือง จะให้แผนที่ป้องกันเมืองไปตกสู่เงื้อมมือของอาณาจักรจ้าวไม่ได้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์