วันต่อมา
เสียงนกร้อง ฟ้าเริ่มสาง
กองทัพทั้งสองที่เผชิญหน้ากันที่เขตชายแดนทั้งสิบหกเขตแห่งเยี่ยนหยุนเต็มไปด้วยความตึงเครียด บรรยากาศเต็มไปด้วยความมาคุ
ทั้งจิ่วโจวให้ความสนใจกับเขตชายแดนเป็นอย่างมาก ไม่เพียงแต่ชาวอาณาจักรฉินเท่านั้น แต่รวมไปถึงฮ่องเต้และรัฐบรรณาการอื่นๆ ด้วย พวกเขาต่างส่งสายลับเข้ามาให้ความสนใจกับเขตชายแดนตลอดเวลา
หนึ่งในสิบหกเขตแห่งเยี่ยนหยุน ฮ่องเต้หลู่และคนอื่นๆ ได้มารออยู่ที่นี่ก่อนแล้ว พวกเขายืนอยู่บนภูเขาสูง มองจากระยะไกล เมื่อเห็นว่าการเผชิญหน้าระหว่างกองทัพทหารสองล้านคนจากอาณาจักรฉิน ฮ่องเต้หลู่ถอนหายใจออกมาโดยไม่รู้ตัว
“เป็นภาพแห่งประวัติศาสตร์เลยทีเดียว ไม่เคยมีใครเห็นภาพเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน หากเป็นสงครามจะต้องเป็นสงครามระดับโลกอย่างแน่นอน!”
ซือหม่าจี๋สงสัยเป็นอย่างมาก
“ใช่น่ะสิ ท่านผู้อาวุโสมองการณ์ไกลมาก ขนาดอ๋องเหยียนแห่งอาณาจักรฉินเองยังไม่อาจคาดเดาได้ว่าอาณาจักรฉินที่รุ่งเรือง สามารถรวมทั้งเจ็ดแคว้นเข้าด้วยกันได้ จะมีความขัดแย้งกันภายใน เขื่อนยาวที่สร้างมาหลายพันลี้กลับถูกทำลายด้วยรังมด นี่คือสิ่งที่ท่านอาวุโสเราล่วงรู้”
“น่าเสียดายสำหรับคนในใต้หล้า พวกเขามีชีวิตที่ดีขึ้นแล้ว กลับต้องเผชิญหน้ากับความวุ่นวายเช่นนี้อีก”
ฮ่องเต้หลู่พูดเสียงเย็น
“คนในใต้หล้าไม่เกี่ยวอะไรกับเราเลย นี่คือวิถีแห่งสวรรค์ที่พระเจ้าได้ทรงกำหนดเอาไว้แล้ว!”
ในเวลาเดียวกัน
กองทัพของฉินชงมาถึงเขตชายแดนอาณาจักรเยี่ยน
ทันทีที่ถึงเวลา ฉินชงสั่งให้คนของเขาออกไปและนำกล่องของที่บรรจุหัวของญาติฝ่ายแม่ไปยังค่ายทหารของฉินเหยียน เพื่อให้เขาดู
เมื่อมาถึงค่ายทหาร เขาก็คุกเข่าลงรายงานว่า
“กราบทูลรายงานต่ออ๋องเหยียน ได้โปรดชี้แนะพ่ะย่ะค่ะ!”
หลังจากพูดเช่นนี้ เขาขอให้ทหารเข้ามาเปิดกล่อง พบว่าด้านในเป็นหัวของญาติฝ่ายแม่ของฉินชง
ในเต็นท์ขนาดใหญ่
ฉินเหยียนกำลังหลับตา นั่งสมาธิเพื่อรวบรวมกำลัง
ฉีเยี่ยนเอ๋อร์และคนอื่นๆ ต่างตั้งหน้าตั้งตารอ เมื่อเห็นว่าเป็นหัวของญาติฝ่ายแม่ฉินชง ทุกคนถึงกับต้องอ้าปากค้างด้วยความตกใจ
ฉีเยี่ยนเอ๋อร์คุกเข่าลงด้วยความกลัว
“ท่านอ๋อง หม่อมฉันไม่ทราบเรื่องนี้จริงๆ เพคะ เรื่องนี้ต้องเกิดเมื่อไม่นานมานี้...”
ฉินเหยียนลืมตาขึ้นและถามออกไปว่า
“บอกข้ามา ในตระกูลฝั่งแม่ฉินอวี่ ใครเป็นคนที่มีอำนาจมากที่สุด?”
ฉีเยี่ยนเอ๋อร์พูดออกไปโดยไม่ต้องคิด
“ลุงของฉินอวี่ คังหย่งเหยียนเพคะ!”
ฉินเหยียนลุกขึ้นมา เดินออกไปด้วยความมุ่งมั่น
หูหนิวรีบห้ามเขาเอาไว้
“ทั้งสองกองทัพได้เผชิญหน้ากันแล้ว เจ้าออกไปไม่ได้ หากมีคนยิงทำร้ายเจ้าขึ้นมาล่ะ จะทำเช่นไร?”
“ไม่ต้องกังวล”
ฉินเหยียนเดินออกไปจากเต็นท์และพูดขึ้นมาว่า
“หากยังไม่มา คนของตำหนักอ๋องเหยียนอยู่หรือไม่!”
“พ่ะย่ะค่ะ!”
กองทหารหลายล้านคนที่อยู่เขตชายแดนตอบกลับพร้อมกัน
กองทัพที่แข็งแกร่งของฉินชงเองก็ตะโกนกลับมาเช่นเดียวกัน
แม้ว่าสองกองทัพมีเจ้านายเป็นของตัวเอง แต่พวกเขาภักดีต่ออ่องเหยียน นี่เป็นข้อเท็จจริงที่ไม่อาจมองข้ามได้
บนกำแพงเมือง แม้ว่าฉินอวี่จะไม่เห็นสีหน้าและท่าทางของฉินเหยียนได้อย่างชัดเจน แต่เขาสัมผัสได้ถึงความกดดัน ขาของฉินอวี่อ่อนแรงลงและพึมพำด้วยความสับสน
“ดูเหมือนน้องสิบสี่จะโมโหแล้ว ข้าควรรีบไป”
ในเวลานี้ คังหย่งเหนียนกัดฟันแน่น
“ฝ่าบาท ฉินชงกับฉินเหยียนอาจจะมีเล่เหลี่ยมมาหลอกท่าน ข้าเกรงว่าท่านไปคนเดียวจะไม่ปลอดภัย ข้าไปกับท่านเสียดีกว่า”
ฉินอวี่ไม่มีเวลาคิดแล้ว เขาเดินตรงไปที่กำแพงเมือง พร้อมกับตอบกลับ
“ได้”
เมื่อได้ยินคำตอบรับจากฉินอวี่ สายตาของคังหย่งเหยียนฉายประกายเจ้าเล่ห์ขึ้นมาทันที เขาโบกมือนำกลุ่มญาติฝั่งแม่และทหารเดินตามฉินอวี่ไป
อีกด้านหนึ่ง
ฉินชงเป็นคนแรกที่มาพร้อมด้วยองครักษ์
เป็นไปอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด สีหน้าของฉินชงเศร้าสร้อยมาก ไม่ว่าเขาจะไม่พอใจแค่ไหน อีกทั้งยังโดนทำร้าย แต่เขาก็ยังมาหาฉินเหยียน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
คนเขียนเก่งจริง ทำให้คนอ่านรู้สึกหงุดหงิดกับการตามหาลูกสาวของฉินเหยียน และจังหวะคาดที่จะได้เจอกันของเฝิงตู่กับฉินเหยียนจริงๆ ถ้าจะหากันจริงๆก็น่าจะทำง่ายป่ะ ประกาศหรือแจ้งข่าวไปว่าฮ๋องเหยียนต้องการพบปะเฝิ่งตู่นัดให้ไปเจอสักที่ตัวเองมีเครือข่ายทั่วอาณาจักรยังไงข่าวก็ต้องถึงหูอยู่แล้ว บัดเรื่องแบบนี้ไม่ฉลาดเอาเลยพระเอกฉัน...
จบแล้วเหรอคะ ..จบแบบงงๆ...
จะมีต่อ..หรือจบแล้วครับ...
มีต่อมั๊ยครับ สนุกมากขอบคุณครับ...
รออ่านอยูนะครับสนุกมาก...
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...