องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 97

“แผนนี้ของข้าเรียกว่าแผนลูกโซ่ แหวกหญ้าให้งูตื่นเพื่อล่องูออกจากถ้ำ ลงมือพร้อมกันทั้งสองวิธีการเพื่อจับกุมให้หมด อันดับแรกให้คนของข้าไปนำแผนที่ป้องกันเมืองมา ทำให้เกิดความโกลาหลขึ้นในเมือง เพื่อให้หน่วยกล้าตายของอาณาจักรจ้าวเคลื่อนไหว แล้วปล่อยข่าวต่อว่ามีนักสู้พเนจรขโมยแผนที่ป้องกันเมืองไปเพื่อจะเปิดประมูล”

“เพื่อที่จะโจมตีอาณาจักรฉินแล้ว พวกอาณาจักรจ้าวจะต้องต่อสู้เพื่อมันไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม แล้วตอนนี้เราก็ทำการจับพวกเขาให้หมด เป็นอย่างไรบ้าง?”

“เจ้า เจ้าไม่ใช่คน เจ้าคือปีศาจ!” จ้าวจีเอ๋อร์อึ้งไปทันที คิดแผนแบบนี้ออกมาได้ยังไง เชื่อมต่อกันเป็นทอดๆ เหลือเชื่อมาก

“ฮ่าๆๆ......” ฉินเหยียนหัวเราะเสียงดัง “ที่จริงยังไม่จบเลยนะ ในเมื่อเป็นแผนลูกโซ่ แน่นอนว่าต้องมีแผนรับมืออีกมากมาย เจ้าดูเองละกัน”

เมื่อสิ้นเสียง ฉินเหยียนก็เดินออกจากห้องไป

เรื่องการจับกุมไส้ศึกอาณาจักรจ้าวในที่สุดก็สิ้นสุดลงแล้ว คิดว่าคงถึงเวลากลับเมืองหลวงแล้วล่ะ

ที่จริงยังมีอีกเรื่องที่ฉินเหยียนไม่ได้พูดถึง เพื่อให้ภารกิจจับกุมสำเร็จลุล่วง จุดประสงค์หลักในการมาที่ศาลพักม้า คือการหลีกเลี่ยงการแย่งชิงอำนาจในราชสำนัก ตั้งอกตั้งใจในการสร้างเรื่อง แบบนี้จึงจะสามารถทุ่มแรงทุ่มใจได้อย่างสุดกำลัง เพียงแต่ฉินเหยียนเองก็คิดไม่ถึงว่าจะมาพบคนมีความสามารถที่ศาลพักม้า

ฉินเหยียนเดินมาที่ร้านแผงขายน้ำชาของหลิวเชียนเชียนอย่างสบายใจ เขาสั่งน้ำชาแก้วหนึ่ง อยากจะจีบหญิงงามน่ารักคนนี้อีกครั้ง

“มาแล้วรึท่าน” หลิวเชียนเชียนมาต้อนรับอย่างมีความสุข นางวางน้ำชาลงแล้วยื่นกระดาษใบหนึ่งให้ฉินเหยียน จากนั้นก็มองไปรอบๆอย่างมีลับลมคมใน

“ข้าสงสัยว่าใกล้จะเกิดสงครามแล้วล่ะท่าน”

ฉินเหยียนรู้สึกสนใจขึ้นมา “หมายความว่าอย่างไรรึ?”

หลิวเชียนเชียนมานั่งข้างฉินเหยียนแล้วพูดอย่างระมัดระวังว่า “ผู้คุ้มกันขนส่งที่ไปๆมาๆบอกว่าราคาเสบียงอาณาจักรจ้าวขึ้นอย่างมากเลย แล้วยังมีบอกว่า ครึ่งปีที่แล้วมีการรับสมัครทหารอย่างแข็งขันที่ประตูชายแดนของอาณาจักรจ้าวด้วย อีกทั้งทหารทั้งหมดยังอยู่ส่งไปประจำการที่ประตูเจียอวี้ นั่นคือพรมแดนระหว่างอาณาจักรฉิน”

“แล้วก็นะข้าได้ยินพวกคนในเมืองบอกว่าองค์ชายลากดีอาณาจักรฉินของเรา ก็องค์ชายสิบสี่ที่เสียสติไปแล้ว ได้ทำยั่วยุองค์หญิงสามแห่งอาณาจักรจ้าว แถมยังสังหารคณะทูตอาณาจักรจ้าวด้วย”

“ปกติแล้วการทำสงครามระหว่างอาณาจักรจะไม่สังหารคณะทูต แล้วอาณาจักรจ้าวจะกลั้นความเดือดดาลนี้ไว้ได้รึ ใช่ไหมล่ะท่าน นี่ ทำไมสีหน้าของท่านไม่ดีเลยล่ะ”

ฉินเหยียนจะพูดยังไงได้ ให้เผยตัวตนงั้นรึ บอกว่าเขาคือองค์ชายสิบสี่ที่เสียสติคนนั้นรึ

“หึหึ ข้าไม่เป็นไร แล้วเหตุใดเจ้าถึงบอกว่าสองวันนี้จะเกิดสงครามขึ้นกันล่ะ?” ฉินเหยียนเปลี่ยนเรื่อง ถามทั้งที่รู้อยู่แล้ว

หลิวเชียนเชียนพูดด้วยสีหน้าที่ได้ใจว่า “ท่านโง่รึไง ด้วยระยะทางแล้ว การส่งข่าวสารจากประตูเจียอวี้ไปยังเมืองหลวงอาณาจักรฉินก็คงใช้เวลาแค่สองวันเท่านั้น เชื่อข้าไม่ผิดแน่ จะต้องเกิดสงครามแน่นอน”

ฉินเหยียนว่าแล้ว หลิวเชียนเชียนเป็นคนมีความสามารถจริงๆ ด้วยเบาะแสน้อยๆแค่นี้ นางก็สามารถวิเคราะห์ได้ชัดเจน สมแล้วที่ อาณาจักรมีผู้มีความสามารถกำเนิดขึ้นทุกยุคสมัย ผู้มีฝีมือล้วนอยู่พื้นที่ในเมือง

ในขณะที่ฉินเหยียนกำลังภูมิใจอยู่นั้นก็มีม้าวิ่งมาจากระยะไกล ทหารม้าคนหนึ่งเสียบธงที่เขียนว่าเรื่องด่วน แล้ววิ่งมาทางศาลพักม้าอย่างรวดเร็ว

“เรื่องด่วน! ข่าวด่วน! ข่าวด่วน!”

พื้นที่ทหารม้าผ่านไปนั้นมีฝุ่นฟุ้งกระจาย เขาควบม้าไปถึงยังหน้าประตูศาลพักม้าอย่างรวดเร็ว

ร่างนั้นผ่านตาไปรวดเร็ว ทหารม้าก็ได้ลงจากหลังม้าแล้วตะโกนเสียงดังว่า “เรื่องด่วน!”

ศาลพักม้าได้เตรียมการไว้ก่อนแล้ว ได้เตรียมม้าเร็ว ทหารม้ารีบเปลี่ยนม้าแล้วมุ่งหน้าไปยังเมืองหลวงทันที ฉินเหยียนและหลิวเชียนเชียนเห็นภาพดังกล่าวทั้งหมด

หลิวเชียนเชียนพูดว่า “เห็นไหมข้าบอกแล้ว!” สีหน้าของนางได้ใจมาก

ฉินเหยียนยิ้มออกมาแล้วพูดช้าๆแล้ว “เจ้าพูดถูกแล้ว จะเกิดสงครามแล้วจริงๆ” เมื่อพูดดังนั้นแล้วก็ลุกขึ้นเดินไปทันที

หลิวเชียนเชียนถามขึ้นด้วยสีหน้ามึนงงว่า “จะไปไหนรึ?”

ฉินเหยียนวิ่งไปยังโรงเหล้า เขาวิ่งไปพูดไปว่า “ไว้ข้าจะบอกเจ้า!”

หลิวเชียนเชียนอยู่ในแผงขายน้ำชา นางมองแผ่นหลังรีบร้อนของฉินเหยียนแล้วทำแก้มตุ่ย ส่ายหน้าอย่างจนปัญญา

“ช่างเป็นคนประหลาดเสียจริง”

......

เมื่อฉินเหยียนกลับมาถึงโรงเหล้าแล้วก็ได้ออกคำสั่งต่อทหารหัวกะทิว่า “เตรียมม้าให้ข้า เร็วที่สุด! ข้าจะกลับเมืองหลวง คนอื่นๆให้เตรียมรถม้าแล้วกลับเมืองตาม”

“พ่ะย่ะค่ะ!” เหล่าทหารหัวกะทิไม่ได้ถามอะไรมากมาย พวกเขารีบไปจูงม้ามาให้ฉินเหยียนทันที

จ้าวจีเอ๋อร์มองฉินเหยียนกลับมาห้องด้วยความรีบร้อน จากนั้นก็ถือแผนที่ป้องกันเมืองออกไปอย่างรวดเร็ว นางจึงคาดเดาว่า อาณาจักรจ้าวกำลังจะส่งทหารมาโจมตีอาณาจักรฉินแล้วงั้นรึ?

ดูท่าแล้วฉินเหยียนจะไม่มีเวลามาสนใจนางแล้ว ทันใดนั้นไฟแห่งความหวังของจ้าวจีเอ๋อร์ก็ลุกโชนอีกครั้ง นางออกแรงถูเชือกหนาบนมือ เพื่อที่จะแก้มัดตรงมือและเท้าออก

“คิดจะหนีรึ?” เสียงเย็นชาของฉินเหยียนดังขึ้นตรงหน้าประตู ทำให้จ้าวจีเอ๋อร์เกิดตกใจสะดุ้งขึ้นมา

นางรีบหยุดการกระทำทันที แล้วยิ้มอย่างเก้อเขินพร้อมพูดว่า “ปะ เปล่า ข้าแค่คันมือเท่านั้น”

ทักษะการโกหกเช่นนี้หลอกเด็กยังไม่ได้เลย ฉินเหยียนเองก็ไม่ได้เปิดเผยมันเช่นกัน เขาออกคำสั่งต่อทหารหัวกะทิว่า

“นางทาสของข้าฉลาดมาก ตอนที่พวกเจ้าจะพาตัวนางไปให้ระวังมากๆล่ะ”

ทหารหัวกะทิคุกเข่าข้างหนึ่งลงแล้วพูดอย่างจริงจังว่า “พ่ะย่ะค่ะ”

เมื่อได้ยินว่าฉินเหยียนจะพาตัวนางไปอีก จ้าวจีเอ๋อร์ก็เกิดสลดในพริบตา นางมองแผ่นหลังของฉินเหยียนที่กำลังจากไปอย่างไร้เรี่ยวแรง

ฉินเหยียนไม่ทันได้เปลี่ยนชุด เขารีบขี่ม้าเร็วแล้วมุ่งหน้าไปเมืองหลวงทันที

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์