“แน่นอนขอรับ”
ชายวัยกลางคนคนนั้นยิ้มเล็กน้อย จากนั้นยื่นซองจดหมายให้
“ขอบพระทัยอ๋องเหยียน ขอบพระทัยอ๋องเหยียน”
ความจริงแล้วอ๋องเหยียนช่วยลงทุนโรงต่อเรือเสิ่นซื่อของเขาเป็นเงินจำนวนหนึ่งล้านเหรียญ เงินจำนวนนี้ถือว่าช่วยชีวิตเขาเอาไว้ได้มากเลยทีเดียว
“ไม่ต้องเกรงใจ อ๋องเหยียนได้ตรัสไว้แล้วว่าโรงต่อเรือเสิ่นซื่อเป็นสมบัติของอาณาจักรฉิน และท่านก็ถือว่าเป็นคนที่ทำงานให้อาณาจักรฉินเช่นเดียวกัน การช่วยเจ้าก็ถือว่าช่วยอาณาจักรฉินด้วยเช่นกัน ใต้เท้าเสิ่นไม่ต้องกังวลใจไป นอกจากนี้อ๋องเหยียนยังมอบรางวัลให้แก่ท่านด้วย ได้โปรดรับไว้ด้วยเถิด” ชายวัยกลางคนยิ้ม
เมื่อพูดเช่นนั้น เขาก็หยิบเงินออกมามอบให้เสิ่นเฟย
เสิ่นเฟยรับเงินจำนวนนั้นมาและมองไปที่มัน พบว่าเงินจำนวนนั้นเขียนเอาไว้ว่า หนึ่งแสน
ลงทุนโรงต่อเรือเสิ่นซื่อของเขาเป็นเงินจำนวนหนึ่งล้านเหรียญ จากนั้นมอบเงินรางวัลให้เขาเป็นการส่วนตัวอีกหนึ่งแสนเหรียญ เขาไม่รู้ว่าจะตอบแทนความเมตตานี้อย่างไร
แต่ว่าเขากลับระงับความดีใจในใจเอาไว้ พร้อมกับส่ายหน้าปฏิเสธ
“ไม่ได้ ข้ารับไว้ไม่ได้ ข้ายังไม่ได้ทำอะไรที่สำคัญเพื่ออาณาจักรฉินเลย จะให้ข้ารับเงินรางวัลจากอ๋องเหยียนได้อย่างไรกัน?”
ชายคนนั้นยืนกรานที่จะมอบเงินให้เขาแล้วพูดว่า
“ใต้เท้าเสิ่นได้โปรดอย่าปฏิเสธเลย ข้ายังมีอีกเรื่องหนึ่ง ข้าเป็นคนของอ๋องเหยียนที่ถูกส่งมาให้ช่วยท่านจัดการเรื่องต่างๆ นับจากวันนี้ไป หากท่านใต้เท้าไม่รังเกียจ ข้ายินดีช่วยท่านหากท่านพบเจอปัญหา”
เมื่อเสิ่นเฟยได้ยินเช่นนี้ เขารู้สึกสะเทือนใจ จากนั้นรับเงินมาแล้วพูดว่า
“ได้ กลับไปเจ้าอย่าลืมขอบพระทัยอ๋องเหยียนแทนข้าด้วย”
ไม่เพียงแต่มอบเงินให้เท่านั้น แต่ยังส่งคนมาช่วยเหลือเขาอีกด้วย เขาสามารถบอกได้ทันทีว่าชายวัยกลางคนตรงหน้าเขานี้ ช่วยเหลือเขาได้อย่างแน่นอน
แต่เมื่อลองคิดไปคิดมา ตอนนี้อาณาจักรฉินตั้งแต่บนลงล่าง คนที่ถูกเลือก ล้วนแต่เป็นคนที่มีความสามารถ
ใครก็ตามที่ขยายอาณาเขตแทบจะไม่สามารถบรรลุสิ่งต่างๆ ได้โดยลำพัง แม้ว่าเขาจะมีอาจารย์หลี่และคนอื่นๆ คอยให้ความช่วยเหลือ แต่พวกเขาเป็นแค่ช่างฝีมือ หาใช่พลทหารไม่
สิ่งที่ขาดแคลนมากที่สุดในตอนนี้คือที่ปรึกษาที่สามารถมองสถานการณ์โดยรวมได้อย่างทะลุปรุโปร่ง และช่วยประสานงานได้
หากมีคนเช่นนี้อยู่จริงๆ เขาคงไม่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ถูกโจมตีลับหลังอยู่ตลอดเวลาเช่นนี้
เห็นได้ชัดว่าอ๋องเหยียนเข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดี จึงทรงจัดเตรียมคนของเขาให้เข้ามาช่วย
เสิ่นเฟยชื่นชมและเคารพอ๋องเหยียนในใจมากขึ้น
“อ้อ ใช่แล้ว ว่าแต่เจ้าชื่ออะไรหรือ?”
จู่ๆ เสิ่นเฟยก็ถามขึ้นมา
“ข้าแซ่หลิน ชื่อไห่”
ชายวัยกลางคนคนนั้นยิ้มตอบ
“ใต้เท้าเสิ่น ไม่จำเป็นต้องสุภาพกันข้าขนาดนั้น เรียกข้าว่าไห่จื่อหรืออาหลินก็ได้”
เมื่อเสิ่นเฟยเห็นดังนั้น เขาก็ไม่ได้อวดตัวแต่อย่างใด อีกทั้งยังพูดว่า
“อาหลิน อ๋องเหยียนมายังอาณาจักรอู๋แล้วหรือ?”
หลินไห่ขมวดคิ้วและนึกถึงคำพูดของอ๋องเหยียน จากนั้นส่ายหน้าแล้วพูดว่า
“อ๋องเหยียนทรงมีธุระที่ยังต้องทำในอาณาจักรฉิน ดังนั้นจึงส่งข้ามาที่นี่ก่อน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...
หายไปนานเลยนะครับ..ถ้ามาลงให้ได้อ่านต่อจะขอบพระคุณมากครับกำลังสนุก...
ซื้ออ่านยังไงได้ครับ...
ขอบคุณที่ลงเพิ่มครับ เรื่องนี้สนุกครับ...
ขอบคุณที่มาต่อให้ได้อ่านนะครับขอบุคุณมากๆสนุกดี...
จาก 438 เริ่มขยับแล้วววว 😁😁😁...