อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ นิยาย บท 112

ในคืนนั้นเอง หยุนหว่านหนิงเพิ่งจะรับตัวเจ้าก้อนแป้งกลับมาถึงจวน ฉินซื่อเสวียก็มาที่จวนทันที

เต๋อเฟยคงจะเชื่อว่าโก่วต้านก็คือหยวนเป่า ดังนั้นย่อมจะไม่มาที่จวนอ๋องหมิงอีก หยุนหว่านหนิงจึงรู้สึกวางใจ รับตัวหยวนเป่ากลับมา

พอได้ยินว่าฉินซื่อเสวียมาแล้ว.....

นางรีบสั่งให้หรูเยียนดูแลหยวนเป่า จากนั้นก็ลุกขึ้นเดินตรงไปที่ห้องโถงใหญ่

แน่นอนว่าไม่ผิดไปจากที่คิดไว้ โม่เยว่ก็กลับมาแล้วเช่นกัน

เมื่อเห็นนางเข้ามา ฉินซื่อเสวียก็ลุกขึ้นยืนก่อน มองนางด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า "พระชายาหมิง เงื่อนไขที่เจ้าเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ ข้าทำมันได้สำเร็จแล้ว"

"เจ้าขโมยป้ายคำสั่งมาได้แล้วรึ?"

หยุนหว่านหนิงเดินเข้ามาใกล้

ขโมย?

คำนี้พอเอามาใช้แล้ว ฟังดูไม่สละสลวยเอาเสียเลย!

ฉินซื่อเสวียกระแอมเบา ๆ “ข้าได้รับป้ายคำสั่งมาแล้ว”

"รองแม่ทัพอู๋เป็นคนมอบให้เจ้ากับมือเลยรึ?"

"ไม่ใช่……"

“แล้วนั่นยังไม่เรียกว่าขโมยอีกรึ?”

หยุนหว่านหนิงเดินไปนั่งลงข้าง ๆ โม่เยว่ "ข้าล่ะสงสัยจริง ๆ ว่าพระชายาหยิงขโมยมันมาได้ยังไง? ไม่ใช่ใคร ๆ ก็บอกหรือ ว่ารองแม่ทัพอู๋คนนั้นเป็นคนที่ระแวดระวังเป็นที่สุดน่ะ?"

นางเอาแต่ย้ำซ้ำ ๆ ว่าป้ายคำสั่งนั้นถูกขโมยมา นี่ทำให้ฉินซื่อเสวียรู้สึกกระอักกระอ่วนใจอย่างมาก

"ในส่วนที่ว่าได้รับมันมาอย่างไรนั้น เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลหรอก"

นางกัดฟันกรามหลังดังกรอด ๆ วางป้ายคำสั่งลงบนโต๊ะ "เอาเป็นว่าพูดแบบสรุปสั้น ๆ คือ ข้าได้ป้ายคำสั่งมาแล้ว สิ่งที่เจ้าพูดไว้ก่อนหน้านี้ คงจะยังเชื่อถือได้ใช่ไหม?"

"ความจริงใจที่ข้ามีต่อท่านพี่เย่ว เจ้าคงจะไม่คิดสงสัยแล้วสินะ?"

โม่เยว่ชำเลืองมองไปทางหรูโม่แวบหนึ่ง

เขาก้าวขึ้นไปข้างหน้าเพื่อหยิบป้ายคำสั่งมา แล้วยื่นส่งให้กับโม่เยว่

หลังจากตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว พบว่าป้ายคำสั่งนี้เป็นของจริง จึงหันไปพยักหน้าให้หยุนหว่านหนิง

"ดูเหมือนว่าพระชายาหยิง จะมีความจริงใจต่อท่านอ๋องของข้าอย่างแท้จริง! แน่นอนว่าข้าย่อมไม่มีความสงสัยใด ๆ อีก"

หยุนหว่านหนิงยิ้มกว้าง หยิบป้ายคำสั่งจากมือของโม่เยว่มาลูบ ๆ คลำ ๆ "แต่ถึงอย่างไร ตอนนี้พระชายาหยิงก็ยังเป็นนายหญิงของจวนอ๋องหยิงอยู่ดี เจ้าขโมยป้ายคำสั่งมาแบบนี้ ถ้าอ๋องหยิงกลับมาแล้วเจ้าจะตอบคำถามเขาว่าอย่างไรล่ะ?"

"เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องเป็นกังวลไปหรอก"

ฉินซื่อเสวียเลิกคิ้วขึ้น "ข้าย่อมมีวิธีแก้ปัญหาของข้าเอง"

“มันจะไม่เป็นอันตรายต่อท่านอ๋องของข้าใช่ไหม?”

น้ำเสียงที่หยุนหว่านหนิงใช้บังคับถาม แฝงความยกตนข่มท่านอยู่ในที "เจ้าคงจะไม่หันหลังปุ๊บก็ตรงเข้าวัง ไปทูลฟ้องเสด็จพ่อว่าท่านอ๋องของข้าเป็นคนขโมยป้ายคำสั่งของอ๋องหยิงไปหรอกนะ?"

"เจ้า……"

ฉินซื่อเสวียโมโหจนหน้าดำหน้าแดง

ผ่านไปอึดใจใหญ่ ๆ นางค่อยเค้นเสียงพูดลอดไรฟันออกมาได้สองประโยคว่า "เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องให้เจ้านึกเคลือบแคลงสงสัย! ข้าไม่ใช่คนไร้ยางอายแบบนั้น!"

"ถ้าอย่างนั้นข้าก็สบายใจแล้วล่ะ"

หยุนหว่านหนิงยื่นป้ายคำสั่งไปให้โม่เยว่ "ท่านอ๋อง ในเมื่อพระชายาหยิงอุตสาห์ลำบากช่วยขโมยมันมาให้เจ้าทั้งที เจ้าก็เก็บมันไว้เถอะ ไม่เอาก็เสียไปเปล่า ๆ เลยนะ"

ฉินซื่อเสวีย : "..."

เล่นพูดแบบนี้ต่อหน้านางเลย มันดีแล้วจริง ๆ รึ? !

“พระชายาหยิง ความจริงใจของเจ้าพวกเราได้รับรู้แล้ว! เจ้าวางใจเถอะ”

หยุนหว่านหนิงยืนขึ้น เดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าของฉินซื่อเสวีย ตบที่ไหล่นางเบา ๆ แล้วพูดว่า "นับจากนี้ไป จวนอ๋องหมิงจะเป็นที่หลบภัยของเจ้า"

ใบหน้าของนางเคร่งเครียดจริงจัง "ต่อให้หยุนธิงหลานรังแกเจ้า ข้าก็จะไม่เอาแต่นิ่งดูดายอย่างเด็ดขาด"

ฉินซื่อเสวียค่อยรู้สึกวางใจได้ในที่สุด ถอนหายใจด้วยความโล่งอกชนิดที่ไม่ให้ใครได้เห็นร่องรอย

นางไม่ตอบอะไรกลับ แต่หันไปมองโม่เยว่ที่อยู่ข้างหลังนาง "ท่านพี่เยว่..."

“กลับไปก่อนเถอะ เพื่อไม่ให้คนอื่นนึกสงสัย”

โม่เยว่พูดด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก

แต่น้ำเสียงกลับค่อนข้างฟังดีกว่าเมื่อก่อนที่เคยเย็นชาไม่แยแสอะไร ซึ่งนี่ทำให้ในใจฉินซื่อเสวียรู้สึกดีขึ้นมาได้บ้าง

ขอแค่พวกเขายอมเชื่อก็ดีมากแล้ว!

ฉินซื่อเสวียจึงกลับออกไป

เมื่อเห็นสีหน้าอยากรู้อยากเห็นเต็มแก่ของหยุนหว่านหนิง โม่เยว่ค่อยเอ่ยปากขึ้นมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า "หรูโม่ไปสืบมาแล้ว เป็นจิ้งจอกเฒ่าฉินตงหลินนั่นยื่นมือเข้าช่วย จนได้ป้ายคำสั่งมา"

“เจ้าส่งคนไปตามสะกดรอยฉินซื่อเสวีย?”

หยุนหว่านหนิงเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ "ไม่ใช่ว่าเจ้าเอาแต่เรียกตัวเองว่าสุภาพบุรุษผู้อยู่ในทำนองคลองธรรมหรอกรึ? ทำไมถึงทำเรื่องแบบนี้ได้ล่ะเนี่ย?"

โม่เยว่ถึงกับเบื้อใบ้พูดอะไรไม่ออก

"ฉินตงหลิน? แล้วเขาทำยังไงถึงได้รับป้ายคำสั่งมาจากรองแม่ทัพอู๋ล่ะ?"

"มอมเหล้า"

โม่เยว่มองไปที่ป้ายคำสั่งในมือ มุมปากยกเป็นรอยยิ้มเย้ยหยัน "จิ้งจอกเฒ่าฉินตงหลินนี่แต่ไหนแต่ไรมาก็ใจคดมากเล่ห์ ครั้งนี้ถึงกับยอมช่วยฉินซื่อเสวียเอาป้ายคำสั่งมา ...... "

“เห็นได้ชัดว่าพวกเขาสองคนพ่อลูกสมรู้ร่วมคิดกัน”

เพียงไม่นาน หยุนหว่านหนิงก็รู้สึกตัวแล้วเช่นกัน

นางพยักหน้า “ถ้าเป็นแค่ฉินซื่อเสวียคนเดียว ก็อาจจะพูดได้ว่านางไม่มีสมอง แต่กระทั่งฉินตงหลินก็เข้ามามีส่วนข้องเกี่ยวด้วยแล้ว น่ากลัวว่าเรื่องนี้อาจไม่ง่ายดายอะไรขนาดนั้น”

"แล้วจากนี้เจ้าจะทำยังไงต่อไปล่ะ ? จะจัดการกับป้ายคำสั่งนี้ยังไงต่อไป?"

"แผนซ้อนแผน"

โม่เยว่เงยหน้าขึ้น รอยยิ้มมุมปากยิ่งกดลึกขึ้นมาอีกขั้น

รวมถึง มีท่าทางที่ดูออกจะหน้าเนื้อใจเสือขึ้นมาอีกหลายส่วน

หยุนหว่านหนิงก็หัวเราะร่าไม่ต่างกัน "ถ้าครั้งนี้ข้าช่วยเจ้า เจ้าคิดจะขอบคุณข้าอย่างไรรึ?"

นางรีบยื่นสองนิ้วออกมาแล้วถูมันเบา ๆ เพื่อสื่อเป็นนัยว่าโม่เยว่สมควรรีบเตรียมเงินให้นาง

ใครจะคิดว่า ครั้งนี้โม่เยว่กลับหงายไพ่ในมือแบบไม่ยึดตามหลักเหตุผลทั่วไปเสียอย่างนั้น

เขาหัวเราะด้วยน้ำเสียงแผ่วต่ำ "เฮอะ"

“ครั้งนี้เจ้าทำให้ท่านแม่โกรธจนล้มป่วย ข้ายังไม่ได้คิดบัญชีกับเจ้าเลย ยังมีท่านที่ตำหนักคุนหนิงท่านนั้นอีก ข้าก็ไปช่วยเจ้าไว้ได้ทันเวลา เจ้าก็ควรจะขอบคุณข้าได้แล้วใช่หรือไม่?”

หยุนหว่านหนิงรีบลดธงเงียบเสียงกลอง รีบชักเท้าถอยทัพทันที

นางมาก็เพื่อจะขอรางวัลตอบแทนจากเขานะ!

กลายเป็นว่าพอมาคำนวณกันใหม่ กลับเป็นนางที่ยังเป็นฝ่ายติดหนี้เขาอยู่อย่างนั้นรึ?!

เวรกรรม!

“แต่ข้าก็ไปโรงหมอหลวงเพื่อช่วยระบายความโกรธแค้นแทนท่านแม่ให้แล้วนี่ เรื่องนี้ก็ต้องนับว่าหายกันแล้วสิ”

นางพูดด้วยท่าทางที่ไม่ได้มั่นใจอะไรนัก

ส่วนเรื่องที่นางถูกสั่งลงโทษโบยตีด้วยไม้กระดานในตำหนักคุนหนิง ก็เป็นความจริงที่โม่เยว่มาช่วยนางเอาไว้ "ถ้าจะนับไปเรื่องที่ฮองเฮาคิดจะโบยตีข้า นั่นก็ไม่ใช่เพราะข้าไปโรงหมอหลวงเพื่อช่วยระบายความโกรธแค้นแทนท่านแม่หรอกรึ ? ดังนั้นเรื่องนี้จะโทษข้าไม่ได้นะ"

หยุนหว่านหนิงพูดด้วยท่าทางอ่อนแอ

"หน้าไม่อาย"

โม่เยว่ชำเลืองมองนางแวบหนึ่ง "ความหมายของเจ้าคือ เราสองคนต่างก็ไม่ติดค้างบุญคุณอะไรกันแล้วอย่างนั้นสินะ?"

"ใช่!"

หยุนหว่านหนิงยืดอกเชิดหน้า นางไม่รู้หรอก ว่าไอ้คำว่า "หน้าไม่อาย" ประโยคนี้มันเขียนยังไง!

"เจ้าให้หลานชายของแม่นมจาง แกล้งปลอมตัวเป็นหยวนเป่าเพื่อหลอกท่านแม่....."

โม่เยว่ก็ไม่ได้โกรธ แค่พูดออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบประโยคหนึ่ง

ประโยคนี้ ไม่แตกต่างอะไรกับระเบิดเวลาที่ยังไม่ได้ตั้งเวลาลูกหนึ่งเลยทีเดียว

เขารู้เรื่องนี้ได้ยังไงกัน? !

จะต้องเป็นหรูเยียนปากยื่นปากยาวไปฟ้องอีกแล้วแน่ ๆ !

แม่ตัวดีคนนี้นี่!

หยุนหว่านหนิงโกรธจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟันดังกรอด ๆ "โม่เยว่ เจ้าเอาเรื่องนี้มาข่มขู่ข้าอย่างนั้นรึ?!"

“ก็ไม่แน่หรอก ข้าสามารถช่วยเจ้าเก็บเป็นความลับได้ แต่มันก็ไม่แน่ว่าอาจมีวันใดวันหนึ่งที่อยู่ต่อหน้าท่านแม่ แล้วเผลอหลุดปากพูดอะไรออกไป.….จนเป็นการบอกเรื่องนี้ให้ท่านแม่รู้ก็เป็นได้นี่?”

โมเยว่หัวเราะเบา ๆ "หรือข้าอาจพาหยวนเป่าเข้าวังไปเยี่ยมท่านแม่โดยตรง ก็ได้อีกเหมือนกัน"

หยุนหว่านหนิง: "!!!"

นี่เขาข่มขู่นางจริง ๆ!

"โมเยว่! ข้าโกรธเจ้าแทบตายแล้ว!"

นางกรีดร้องเสียงแหลม ถลาเข้าไปบีบคอของโม่เยว่ "วันนี้ข้าจะบีบคอเจ้าให้ตายเลยคอยดู!"

แต่ใครจะรู้ว่าเท้านางดันเกิดลื่นพรืด จนล้มหน้าทิ่มลงไปในอ้อมแขนของโม่เยว่พอดิบพอดี

เดิมทีเขานั่งอยู่ พอหยุนหว่านหนิงล้มหน้าคะมำลงไปในลักษณะนี้... ร่างของนางจึงคร่อมทับอยู่บนหน้าอกของเขาตรง ๆ สองมือเกาะกุมอยู่บนตำแหน่งหัวใจของเขาอย่างเป็นธรรมชาติ

ดวงตาสองคู่สี่ข้างจ้องประสาน....

ดวงตาของโม่เยว่เป็นประกายวับวามคล้ายหยอกเย้า "หยุนหว่านหนิง นี่เจ้าตั้งใจเข้ามาอิงแอบแนบชิดซุกซบอยู่ในอ้อมอกของข้าอย่างนั้นรึ?"

“นี่พยายามจะติดสินบนข้า เพื่อให้ช่วยเจ้าปิดบังความลับสินะ?”

เขาไม่ได้ผลักนางออกไป กลับทำแค่เลิกคิ้วขึ้นมองนางนิ่ง ๆ

หยุนหว่านหนิงรีบกลืนคำว่า "แม่งเอ๊ย!" ที่แล่นฉิวขึ้นมาถึงปากของนางแล้วกลับลงไป

นางรู้ว่าทันทีที่นางเอ่ยปาก ผู้ชายคนนี้จะปากหมาได้ยิ่งกว่าตอนนี้ไม่รู้กี่เท่า!

"อิงแอบแนบชิด? ทำไมเจ้าไม่พูดออกมาซะเลยล่ะ ว่าข้าตั้งใจจะใช้แผนสาวงามมาหลอกล่อเจ้าน่ะ?"

นางแค่นเสียงในลำคอเบา ๆ รู้สึกแค่ว่าเรือนร่างของผู้ชายน่าตายที่อยู่ใต้ฝ่ามือของนางคนนี้ มันช่างน่าดึงดูดใจจริง ๆ นางกลอกตาไปมา จากนั้นก็ส่งเสียงหัวเราะดัง "ฮิ ๆ" ออกมาสองเสียง

“ในเมื่อเจ้าพูดมาขนาดนี้แล้ว งั้นข้าก็ไม่เกรงใจล่ะนะ!”

พูดพลาง นางก็เล็งเป้าไปที่ริมฝีปากบางของเขา แล้วกดจูบลงไปอย่างรุนแรง!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์