เช้าวันรุ่งขึ้น หยุนหว่านหนิงก็ถูกเต๋อเฟยเชิญเข้าวัง
น้ำค้างยามเช้าในฤดูร้อน กำลังเหมาะต่อการเก็บเอาบางส่วนมาใช้ชงชา หรือนำมาผสมเป็นยาพอดี เดิมทีนางกำลังเก็บน้ำค้างอยู่ในสวนหลังบ้าน ก็ถูกหลี่หมัวมัวเข้ามาเชิญออกไปเสียก่อน
ระหว่างทาง หลี่หมัวมัวพูดเตือนนางไม่หยุด
หยุนหว่านหนิงก็รู้ดีว่า ยังไงก็เกี่ยวกับเรื่องของสิ่งที่นางเรียกว่า "ไอ้หนุ่มหน้าขาว" แน่นอน เต๋อเฟยไม่ยอมปล่อยนางไปง่าย ๆ
นางนึกเย้ยหยันในใจ
นางกับโม่เยว่ เคยร่วมมือกันฉีกทึ้งหนังหน้าของนางมาแล้วครั้งหนึ่ง
มาตอนนี้โม่เยว่เองก็รู้ว่า นางไม่ได้เป็นลูกพลับนิ่มอย่างที่นางเคยเป็น ที่จะยอมให้ใครต่อใครมาบีบคั้น หรือเหยียบย่ำได้ตามอำเภอใจอีกต่อไปแล้ว ไอ้ผู้ชายนิสัยหมาคนนั้นพออยู่ต่อหน้านาง บรรดานิสัยแย่ ๆ ทั้งหลายก็ยังเปลี่ยนไปมากทีเดียว
แต่เต๋อเฟยคนนี้ ยังคงทำให้นางลำบากใจไม่เปลี่ยน.....
แล้วนางเองก็ไม่ใช่แม่พระที่ไม่ตอบโต้คนซะด้วย!
นางก้มหัวอ่อนน้อมมาให้กว่าครึ่งปีแล้ว จนตอนนี้นางไม่อยากทนอีกต่อไปแล้ว!
เกิดมาเป็นคนเหมือนกันแท้ ๆ อาศัยอะไรถึงให้นางต้องเป็นฝ่ายทนรับความน้อยเนื้อต่ำใจทุกที?
หลังจากเข้ามาในตำหนักหย่งโซ่ว เต๋อเฟยกลับไม่ได้ชักสีหน้า แต่กล่าวทักทายพลางเชิญให้นางนั่งลงด้วยท่าทางที่ไม่ได้ถึงกับเย็นชา แต่ก็ไม่ถึงกับกระตือรือร้นนัก
หลังจากเซี่ยอิ่วยกชาขึ้นโต๊ะเสร็จ เต๋อเฟยก็พูดด้วยท่าทางไม่รีบไม่ร้อนว่า "ได้ยินมาว่าแม่ทัพถง ติดตามแม่ทัพโจวเดินทางไปชายแดนพร้อมกัน เห็นว่าไปครั้งนี้ต้องใช้เวลาหลายเดือนเลยทีเดียว"
“เมื่อไม่กี่วันก่อน ฮูหยินถงได้เลี้ยงดูคณิกาชายไว้ในจวน เจ้าพอจะเคยได้ยินเรื่องนี้มาบ้างหรือไม่?”
นางหันหน้าไปมองหยุนหว่านหนิง สายตามีแววคล้ายหยั่งเชิง
เพราะมีคำเตือนล่วงหน้าของหลี่หมัวมัวที่บอกกล่าวกันไว้ก่อน อีกทั้งเจตนาในการหยั่งเชิงของเต๋อเฟยก็ชัดเจนมากขนาดนี้ ทำไมหยุนหว่านหนิงจะเดาความตั้งใจของนางไม่ออก?
“ท่านแม่พูดเรื่องพวกนี้กับข้าทำไมรึ?”
นางถามกลับ
“เจ้าอย่าได้กังวลไป ที่ข้าเรียกเจ้ามาวันนี้ ก็เพราะแค่อยากจะคุยเรื่องสัพเพเหระกับเจ้าเท่านั้นเอง”
เต๋อเฟยยกยิ้มเล็กน้อย “ถึงอย่างไรข้ากับเจ้าก็เป็นแม่ผัวลูกสะใภ้กัน แล้วความสัมพันธ์ระหว่างแม่ผัวลูกสะใภ้ของพวกเรา ก็สู้ความสัมพันธ์ระหว่างแม่ผัวลูกสะใภ้สามคนของทางฝั่งฮองเฮาไม่ได้ ดังนั้นข้าจึงคิดว่า ควรจะปรับปรุงความสัมพันธ์ที่มีต่อเจ้าให้มันดีขึ้นกว่านี้"
"เพื่อป้องกันไม่ให้เยว่เอ๋อร์ต้องลำบากใจ เพราะต้องกลายเป็นคนที่ถูกหนีบไว้ตรงกลาง"
เรื่องสัพเพเหระ?
นี่คิดว่านางโง่มากจริง ๆ สินะ?
หยุนหว่านหนิงเยาะเย้ยอยู่ในใจ แต่สีหน้ายังคงสงบนิ่งดูไม่แยแส "ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง!"
“เมื่อครู่ท่านแม่ถามว่า ข้าพอจะรู้เรื่องนี้หรือไม่สินะเจ้าคะ?”
"อื้ม"
“ข้าไม่รู้หรอกเจ้าค่ะ”
หยุนหว่านหนิงตอบอย่างตรงไปตรงมา "ท่านแม่คงจะไม่ค่อยรู้จักนิสัยของข้านัก แต่ไหนแต่ไรมาข้าไม่เคยเป็นคนที่ชอบซุบซุบนินทาเรื่องชาวบ้าน เรื่องในจวนของคนอื่นประเภทนี้ ข้าไม่อยากไปสอดรู้สอดเห็นนักหรอก"
“เพื่อไม่ให้ลงเอยด้วยการถูกใครต่อใครขนานนามว่า เป็นพวกปากยื่นปากยาวชอบซุบซิบนินทา!”
สีหน้าของเต๋อเฟยถึงกับแข็งค้าง
นังผู้หญิงปากหมานี่ ตีวัวกระทบคราดด้วยการด่านางว่าเป็นพวกปากยื่นปากยาว ชอบซุบซิบนินทาเรื่องชาวบ้านอย่างนั้นรึ?!
นางต้องใจเย็นเข้าไว้!
แต่นังผู้หญิงปากหมานี่มันแค่พูดลอย ๆ ไม่ได้เอ่ยชื่อเสียงเรียงนามออกมา นางจะกินปูนร้อนท้องออกตัวรับไม่ได้เด็ดขาด
เต๋อเฟยแสร้งทำเป็นสงบนิ่ง แต่ปลายนิ้วที่สั่นเทิ้มไม่หยุด กลับทรยศต่อความพยายามฝืนอดกลั้นไฟโทสะที่อัดแน่นจนเต็มหัวใจของนาง "สิ่งที่เจ้าพูดมามันก็มีเหตุผล! แต่เรื่องนี้มันแพร่กระจายออกไปจนทั่วเมืองหลวงแล้ว ตอนนี้ใครต่อใครต่างก็รู้กันหมด"
“ต่อให้เจ้าไม่คิดจะถามไถ่ให้รู้ความ ก็ยังได้ยินอยู่บ้างไม่มากก็น้อย”
“ช่วงหลายวันมานี้ข้ายุ่งมากจริง ๆ ไม่มีเวลาฟังเรื่องซุบซิบนินทาหรอกเจ้าค่ะ”
หยุนหว่านหนิงเหมือนตั้งใจจะกวนโมโหอีกฝ่าย ให้โกรธจนสำลักกระอักไออยู่หลายส่วน
วันนี้นางเป็นเหมือนเม่นตัวหนึ่งก็ไม่ปาน
พอเห็นเต๋อเฟยที่ดูยังไงก็ขัดนัยน์ตาไปหมด เลยจงใจสะบัดหนามแทงใส่นางสักแผลสองแผล
เต๋อเฟยวางถ้วยชาลง "ไม่ใช่ว่าข้าก็บอกเจ้าอยู่นี่หรอกรึ? เจ้าคิดอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องที่ฮูหยินถงเลี้ยงดูคณิกาชายไว้? เจ้ามีความคิดเห็นอะไรบ้างหรือไม่?"
"ไม่มีเจ้าค่ะ"
หยุนหว่านหนิงส่ายหน้า
เต๋อเฟย: "......เจ้าไม่รู้สึกว่า นางไม่ประพฤติตัวตามกรอบจริยธรรมอันดี เป็นผู้หญิงสำส่อนใจง่าย หรือทำตัวน่าละอายบ้างเลยรึ?"
"ไม่รู้สึกเจ้าค่ะ"
หยุนหว่านหนิงยังคงส่ายหน้าต่อรัว ๆ
เต๋อเฟยโกรธจนขนชี้ชันแล้วตอนนี้ "หยุนหว่านหนิง! นี่เจ้าทำท่าทางอะไรใส่ข้ากัน?!"
“เจ้าพูดจาบัดสีบัดเถลิงอะไรออกมา?! เป็นผู้หญิงแท้ ๆ แต่กลับไม่รู้จักรักเดียวใจเดียวต่อสามี แบบนี้มันสมควรถูกจับโยนไปขังไว้ในคอกหมู! เจ้ายังถึงกับเห็นดีเห็นงามกับสิ่งที่ฮูหยินถงทำอีก หรือเจ้าเองก็มีความคิดแบบเดียวกับนางใช่หรือไม่?!"
เมื่อเห็นว่านางโกรธจนตบโต๊ะผาง ๆ หยุนหว่านหนิงก็ไม่แสดงอาการขลาดกลัวแต่อย่างใด
“ท่านแม่จะตื่นเต้นอะไรเจ้าคะ?”
นางมองเต๋อเฟยเหมือนยิ้มเหมือนไม่ยิ้ม "อะไรคือเลี้ยงดูคณิกาชาย?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์
นิยายสนุก แต่ช่วยมาลงต่อให้จบได้ไหมคะ...
อัพใหม่เถอะค่ะ...
เมื่อไรจะอัพเพิ่มคะ ฮือ รอนานมากแล้วววว...
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 353 - 430 หายไปไหน หายยาววววมากกกก...
รอตอนต่อไปจ้า...
สนุกดีอ่านแล้วขำ 555...