ซุนตายิ่งพักตำหนักซีเยว่
ยามนี้ ผิวเผินดูเหมือนว่านางจะได้รับความโปรดปราน แต่ตำหนักซีเยว่นับว่าเป็นสถานที่ห่างไกลของวังหลัง
ตำหนักที่หรูหรามากที่สุดคือตำหนักคุนหนิงและตำหนักหย่งโซ่ว
พวกซูเฟยคือคนเก่าที่อยู่มานาน ล้วนอยู่ละแวกตำหนักคุนหนิงและตำหนักหย่งโซ่ว อย่างเช่นตำหนักฉางชุน ตำหนักฉางเย่และอื่นๆ มีเพียงนางสนมที่เพิ่งเข้ามาใหม่ นางสนมที่มีฐานะต่ำต้อย สนมไม่เป็นที่โปรดจึงจะอยู่สถานที่ห่างไกล
และตำหนักซีเยว่ของซุนตายิ่งก็คือสถานที่ห่างไกลของสถานที่ห่างไกลนั่นเอง
ด้านนอกกำแพงด้านหลังของตำหนักซีเยว่ก็คือตำหนักเย็น
หยุนหว่านหนิงเดินจากตำหนักเว่ยหยางมาครึ่งชั่วยามเต็มๆ!
โม่เฟยเฟยร้องไห้จนดวงตาทั้งสองบวมเป่ง ทีแรกนางไม่อยากตามมาด้วย แต่เห็นหยุนหว่านหนิงโมโหพลุ่งพล่าน กลัวจะรื้อหลังคาของตำหนักซีเยว่จริงๆ ดังนั้นจึงได้แต่ตามมา
เนื่องจากสองสามวันก่อนเพิ่งมีพายุลูกหนึ่ง
อีกทั้งตำหนักซีเยว่ไม่ได้บูรณะมาหลายปี ขณะซุนตายิ่งเข้าวัง ฮองเฮาจ้าวก็แค่สั่งให้คนทำความสะอาดลวกๆ ให้นางเข้าพัก
วันนี้อากาศแจ่มใส
ดังนั้นจึงมีคนกำลังซ่อมแซมหลังคาของนาง รวมไปถึงทาสีกำแพงและทำอย่างอื่น
เมื่อเห็นหยุนหว่านหนิงและโม่เฟยเฟยเข้ามา เหล่าข้ารับใช้ก็รีบลงมาคำนับ
หยุนหว่านหนิงมองพวกเขาแวบหนึ่ง ในดวงตามีความหมายลุ่มลึกปราดผ่าน
ซุนตายิ่งอยู่ในตำหนัก นางกำนัลนางหนึ่งกำลังเย็บพื้นรองเท้าอยู่ตรงปากประตู
เมื่อเห็นหยุนหว่านหนิง นางกำนัลผู้นั้นก็รีบวางพื้นรองเท้า แล้วเข้าไปส่งข่าวข้างใน
หยุนหว่านหนิงส่งสายตา หรูเยียนที่อยู่ด้านหลังแวบตัวไปทันที จับนางกำนัลผู้นั้นด้วยความรวดเร็วดุจสายฟ้า ด้วยสถานการณ์คับขัน นางกำนัลผู้นั้นจึงได้แต่ตะโกนเข้าข้างใน “พี่ชุ่ยจือ!”
จากนั้นนางก็ถูกหรูเยียนอุดปาก ลากไปอีกทางหนึ่ง
หยุนหว่านหนิงส่งสายตาแหลมคมไป แววตาเย็นชาทำให้นางกำนัลผู้นั้นตกใจตัวสั่นเทา ขาพับคุกเข่าลงกับพื้น
“มีอะไรหรือ”
เสียงผู้หญิงสายหนึ่งดังออกมาจากข้างใน
จากนั้นนางกำนัลร่างสูงโปร่งก็เดินออกมา
โม่ลี่รีบพูดขึ้น “พระชายา นางก็คือชุ่ยจือเจ้าค่ะ!”
เมื่อเห็นว่าคนที่อยู่ข้างนอกคือหยุนหว่านหนิงและโม่เฟยเฟย ชุ่ยจือก็ตกใจจนหน้าถอดสี หมุนตัวเดินเข้าไปรายงานกับซุนตายิ่งทันที
หรูเยียนแลที่ข้างเท้า เตะเศษกระเบื้องที่คนซ่อมแซมหลังคาที่ตกลงมาออกไป
เศษกระเบื้องปักเข้าที่เข่าของชุ่ยจืออย่างแม่นยำฉับไว นางคุกเข่าลงกับพื้น ‘ตุบ’ หัวเข่าเสียดสีถลอก
เห็นได้ว่าฝีมือของหรูเยียนไม่ธรรมดา!
ชุ่ยจือสีหน้าทรมาน ร้องครางเบาๆ
หยุนหว่านหนิงเดินเข้าไปใกล้ แลนางจากที่สูง “เจ้าก็คือชุ่ยจือ?”
ชุ่ยจือไม่กล้าใช้เล่ห์อีก พลันผงกศีรษะ “เรียน เรียนพระชายา บ่าวคือชุ่ยจือเจ้าค่ะ”
“ดีมาก! เมื่อกี้ข้ายังไม่รู้เลยว่าใครคือชุ่ยจือ ที่แท้คือเจ้า ดีที่ได้ผู้รับใช้น้อยคนนี้ พอส่งเสียงก็เรียกเจ้าออกมาได้แล้ว ข้าก็เลยไม่ต้องเปลืองแรง”
สีหน้านางกลายเป็นขมึงตึงช้าๆ “เงยหน้าขึ้นมาให้ข้าดูหน่อยสิ”
ชุ่ยจือไม่กล้าปฏิเสธ รีบเงยหน้าขึ้น ทว่าไม่กล้าสบสายตากับหยุนหว่านหนิง
“ปากกว้าง ลิ้นยาวจริงๆ ด้วย”
หยุนหว่านหนิงยกยิ้ม “ในเมื่อปากของเจ้าพูดจาเพ้อเจ้อ เช่นนั้นจะเก็บเอาไว้ก็ไม่มีประโยชน์”
“หรูเยียน ตัดลิ้นของนางไปเลี้ยงสุนัข!”
“เจ้าค่ะ พระชายา”
ที่จวนอ๋อง หรูเยียนมีฐานะเท่าเทียมกับหรูโม่และหรูอวี้ นับเป็นตัวตนที่เหมือนกับองครักษ์ลับ จะต่างก็แต่เพียงนางเป็นผู้หญิง
แต่นางกลับลงมือโหดเหี้ยม กระทั่งยังรวดเร็วฉับไวยิ่งกว่าบุรุษ
นางจับหัวไล่ของชุ่ยจือหมับ ราวกับถูกกรงเล็บของเหยี่ยวจับเอาไว้
ชุ่ยจือร้องด้วยความเจ็บปวด รีบร้องของชีวิต “พระชายาหมิง ละเว้นชีวิตด้วยเจ้าค่ะ!”
หยุนหว่านหนิงไม่มีความอดทนฟังนางวิงวอนอย่างเห็นได้ชัด สายตาจริงจัง ชุ่ยจือถูกหรูเยียนลากออกไปแล้ว
ก่อนจะออกจากประตู ชุ่ยจือตะโกนร้องเรียกอย่างบ้าคลั่ง “นายหญิง นายหญิงช่วยบ่าวด้วยเจ้าค่ะ!”
อันที่จริงซุนตายิ่งที่อยู่ในตำหนักได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวด้านนอกแต่แรกแล้ว
แต่หยุนหว่านหนิงไม่ได้เข้ามา นางจึงทำเป็นเฉยไม่ออกไป ต่อหน้าองค์ฮ่องเต้นางยังไม่ไว้หน้านางสักนิด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าอยู่ลับหลัง
นางสั่งกับนางกำนัลที่อยู่ข้างตัวสองประโยค
นางกำนัลลังเลครู่หนึ่ง จากนั้นก็แอบหนีออกไปจากประตูหลัง
เมื่อนั้นซุนตายิ่งจึงเงยหน้าขึ้น เห็นหยุนหว่านหนิงกับโม่เฟยเฟยเข้ามาแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์
อัพใหม่เถอะค่ะ...
เมื่อไรจะอัพเพิ่มคะ ฮือ รอนานมากแล้วววว...
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 353 - 430 หายไปไหน หายยาววววมากกกก...
รอตอนต่อไปจ้า...
สนุกดีอ่านแล้วขำ 555...