“เสด็จพ่อเชิญตรัสเพคะ”
หยุนหว่านหนิง ‘ไสหัว’ กลับมาด้วยความเคารพนอบน้อม
เมื่อเห็นนางเชื่อฟังเช่นนี้ โม่จงหรานกลับมิค่อยคุ้นเคย เขาแค่นฮึอย่างปากไม่ตรงกับใจทีหนึ่ง “เจ้าซ่งจื่ออวี๋นั่น เมื่อไรจะกลับเมืองหลวงสักที”
“เขาโอ้อวดใหญ่โตต่อหน้าข้า ว่าไม่ต้องใช้เวลาหนึ่งเดือน ครึ่งเดือนเขาก็ขจัดวิกฤตการณ์ได้แล้ว”
“ตอนนี้ผ่านไปตั้งหลายวันแล้ว! คงมิใช่ว่าหนีไปแล้วกระมัง”
“เสด็จพ่อโปรดวางพระทัย หากพรุ่งนี้เจ้าซ่งจื่ออวี๋นั่นยังไม่กลับมา หม่อมฉันจะหิ้วตัวเขากลับมาถวายเสด็จพ่อด้วยตัวเองเลยเพคะ”
หยุนหว่านหนิงยิ้มประจบ “ขอเพียงเสด็จพ่อทรงรับปาก ว่าจะทวงความยุติธรรมเรื่องในวันนี้ให้ลูก ทุกอย่างก็พูดกันได้เพคะ”
โม่จงหรานพิจารณาถ้อยคำนี้ของนางโดยละเอียด “เจ้ากล้าขู่ข้าหรือ”
หากเขาไม่ทวงความเป็นธรรมให้ นางก็จะไม่ให้ซ่งจื่ออวี๋กลับมาหรือ
“เสด็จพ่อ ดูทรงตรัสเข้าสิเพคะ! ทรงทราบอยู่ในพระทัยก็พอแล้ว ไยต้องตรัสออกมาให้ลูกเขินด้วย!”
หยุนหว่านหนิงโบกมือ หน้าไม่อาย
โม่จงหรานคิดไม่ถึงว่านางจะยอมรับโดยตรงเช่นนี้ ยังอึ้งอยู่พักหนึ่ง
สุดท้ายก็ถูกทำให้โมโหจนหัวเราะ “เจ้านังเด็กหน้าเหม็น อาศัยที่ข้ายอมเจ้า!”
ดังนั้นถึงกล้ากระทำผิดอย่างโจ่งแจ้งต่อหน้าเขา
คำที่มีความหมายคล้ายกับกระทำผิดอย่างโจ่งแจ้ง ก็คือทำอย่างที่ใจอยากทำ
หยุนหว่านหนิงตอบรับอย่างหน้าหนาไร้ยางอาย “ขอบพระทัยเสร็จพ่อที่ทรงเมตตาเพคะ! จริงสิ ลูกเล่าเรื่องขำขันให้พระองค์ฟังดีหรือไม่”
“พูด!”
“พระองค์ทราบหรือไม่เพคะ ว่าสุภาษิตที่ว่า ‘ทำอย่างที่ใจอยากทำ’ นี้ สามารถเล่นคำต่อสุภาษิตให้สนุกอย่างไรได้”
โม่จงหรานมองโม่เยว่แวบหนึ่ง เห็นเขาทำหน้าประหลาดใจอยู่ตรงปากประตู เห็นชัดว่าไม่เคยได้ยินเรื่องน่าขันเรื่องนี้ ดังนั้นจึงส่ายหน้า “เจ้าว่ามา”
“ทำอย่างที่ใจอยากทำ!”
หยุนหว่านหนิงยิ้มพลางเล่นตา
โม่จงหรานยังคิดไม่ได้ชั่วขณะ กลับเป็นโม่เยว่กลั้นหัวเราะอยู่ที่ปากประตู
“มีอะไรน่าขันหรือ”
โม่จงหรานขมวดคิ้ว
จุดชวนขันจะตื้นเขินไปแล้ว!
“เจ้าดูถูกข้าหรือ”
หยุนหว่านหนิงเห็นว่าเขายังคิดไม่ออกอย่างชัดเจน จึงหัวเราะไปพลาง ไขข้อฉงนใจของเขาไปพลาง ทำอย่างที่ใจอยากทำ ทำ ทำอย่างที่ใจอยากทำ ทำ ทำอย่างที่ใจอยากทำ”
โม่จงหรานคิดขึ้นมาได้ “...รีบไสหัวออกไปเลย!”
“เสด็จพ่อ ความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ของพระองค์ไม่ไหวเลยนะเพคะ สงสัยว่าจะมีอายุแล้วกระมัง”
หยุนหว่านหนิงส่ายหน้า “เอาไว้วันหลังลูกจะเข้าวังมาใหม่ ขยายความคิดเป็นเพื่อนพระองค์สักหน่อย!”
นางเคยคิดว่าจะพาหยวนเป่าเข้าวังไป ‘แหย่’ โม่จงหรานให้สนุกๆ สักหน่อย
เพราะหากเทียบกับเต๋อเฟยผู้เป็นเสด็จย่าผู้นี้...
นางอยากให้โม่จงหรานรู้มาก ว่าเขามีหลานชายตัวน้อยตั้งนานแล้ว
เพียงแต่สถานการณ์ในตอนนี้ยังไม่มั่นคง เร็วเกินไปที่จะพูดเรื่องนี้ นางอยากให้เรื่องราวทุกอย่างเรียบร้อยก่อน ค่อยให้หยวนเป่าปรากฏตัวต่อหน้าผู้คน
มิเช่นนั้น กลัวแต่จะมีอันตราย
แม้ว่านางกับโม่เยว่ต้องปกป้องบุตรชายสุดความสามารถอยู่แล้ว แต่ก็ยังแผนร้ายนับไม่ถ้วนของศัตรูในที่ลับ...
หยุนหว่านหนิงออกจากวังหลวงด้วยหัวใจอันหนักอึ้ง
ม่านราตรีจวนจะมาถึง
หลังจากนางเข้านอนเป็นเพื่อนบุตรชาย มองใบหน้าสงบของหยวนเป่า นึกถึงท่าทางของเขาที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นในตอนกลางวัน
หยุนธิงหลาน…
ระยะนี้หยุนหว่านหนิงยุ่งงวดจนไม่ได้อยู่เฉย กลับลืมบุคคลหนึ่งไปเสียสนิท
นางไม่หาเรื่องหยุนธิงหลาน แต่หยุนธิงหลานกลับไม่รู้ดีชั่ว หันมาก่อกวนหยวนเป่า...
“หยุนธิงหลานหนอหยุนธิงหลาน เจ้าพันไม่ควรหมื่นไม่ควร ไม่ควรทำกับลูกชายข้า!”
หยุนหว่านหนิงกำผ้าห่มแน่น ในดวงตาวาบความชั่วร้ายเสี้ยวหนึ่ง
นางมองหยวนเป่าที่กำลังหลับทีหนึ่ง จากนั้นก็ลงจากเตียงอย่างเงียบเชียบ
“หรูเยียน”
“พระชายา”
บัดนี้หรูเยียนและหรูอวี้เคารพนางมากกว่าโม่เยว่เสียอีก เมื่อเห็นนางออกมา หรูเยียนก็พลันปรากฏตัว “พระชายา มีเรื่องอันใดจะสั่งเจ้าคะ”
“อื่ม”
หยุนหว่านหนิงพยักหน้า “เจ้าไปสักรอบเดี๋ยวนี้...”
นางกวักมือกับหรูเยียน เป็นการบอกให้นางเงี่ยหูมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์
อัพใหม่เถอะค่ะ...
เมื่อไรจะอัพเพิ่มคะ ฮือ รอนานมากแล้วววว...
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 353 - 430 หายไปไหน หายยาววววมากกกก...
รอตอนต่อไปจ้า...
สนุกดีอ่านแล้วขำ 555...