อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ นิยาย บท 195

ผู้ที่เปิดประตูคือซูปิ่งซ่าน

ครั้นเห็นว่าผู้ที่อยู่นอกประตูคือซุนตายิ่งที่คลุมผ้าบาง เขาก็ตะลึงงันนิ่งไป ยังนึกว่าตนเองตื่นเช้าเกินไป ตาฝากฟางมองผิด!

เขารีบขยี้ตา...

ซุนตายิ่งขวยเขิน “ซูกงกง ฝ่าบาททรงตื่นบรรทมแล้วหรือ”

“ยัง ยังพ่ะย่ะค่ะ”

ตรงหน้าซูปิ่งซ่าน มีเพียงร่อง ‘เนินเขาอวบอึ๋ม’ นั้น...เขาเบนสายตาออกอย่างอีหลักอีเหลื่อ สายตาล่องลอย “ซุนตายิ่ง เช้าเช่นนี้ ไม่ทราบมีเรื่องอันใดหรือพ่ะย่ะค่ะ”

เขารับใช้โม่จงหรานหลายปีแล้ว

ยังเป็นครั้งแรกที่เจอกับเรื่องอย่างนี้

แต่คนที่ตรงไปตรงมาขนาดนี้อย่างซุนตายิ่ง ก็เป็นครั้งแรกเหมือนกัน!

“ซูกงกง รู้แล้วยังจะถามอีก”

ซุนตายิ่งหัวเราะเบาๆ “บิดเอวบางขอด ราวกับปีศาจกระดูกขาวที่เพิ่งออกจากถ้ำ “ฝ่าบาททรงงานราชกิจทุกวัน ข้าจึงมาขจัดความอ่อนล้าให้พระองค์”

ซูปิ่งซ่าน “...”

ยังจะขจัดความอ่อนล้าอีกแน่ะ

นี้จะมารีดฝ่าบาทให้แห้งชัดๆ!

เขายิ้มแห้ง “ซุนตายิ่ง เชิญกลับไปเถอะ! ฝ่าบาทยังไม่ทรงตื่นบรรทมเลย! อีกประเดี๋ยวก็ประชุมเช้าแล้ว ซุนตายิ่งเช่นนี้ หากให้คนเห็นเข้า...”

ซูปิ่งซ่านเตือนด้วยความหวังดี

ไหนเลยจะรู้ วันนี้ซุนตายิ่งมาด้วยจิตใจมุ่งมั่นที่จะต้องสำเร็จ

ถ้าวันนี้ไม่ได้เป็นผู้หญิงของโม่จงหรานที่แท้จริง นางจะไม่รามือเด็ดขาด!

ด้วยเหตุนี้ นางจึงผลักซูปิ่งซ่าน “ซูกงกง อย่ามัวแต่ชักช้าอยู่เลย! หากให้ฝ่าบาทเข้าประชุมสาย เจ้าจะรับผิดชอบไหวหรือไม่!”

ซูปิ่งซ่านอยากขวางนาง

แต่พอเขายื่นมือออกไป ก็แตะถูกผิวเนียนละเอียดของนาง...

ซูปิ่งซ่านลำบากใจอย่างยิ่ง ไม่รู้จะทำอย่างไรดี

แต่ยามนี้ในตำหนักฉินเจิ้งไม่มีนางกำนัล จะโหวกเหวกเสียงดังจนโม่จงหรานตื่นก็ไม่ได้

ด้วยที่ลังเลไปมา ซุนตายิ่งก็เข้าตำหนักไปแล้ว

เมื่อคืนโม่จงหรานตรวจอ่านฎีกาจนถึงค่อนคืนหลังจึงจะเข้านอน ตอนนี้ยังหลับสนิทอยู่ ราวกับไม่ถูกเสียงของทั้งสองปลุกจนตื่น

ซุนตายิ่งเข้าไปในตำหนัก ทิ้งผ้าบางที่คลุมอยู่ตรงบ่าทิ้ง สวมแต่ตู้โตว(*ชุดชั้นในสมัยโบราณ) ปีนขึ้นไปบนเตียง มือเล็กนุ่มไร้กระดูกล้วงเข้าไปในผ้าห่มอย่างไม่อยู่สุข “ฝ่าบาท...”

โม่จงหรานถูกปลุกตื่นแล้ว

สบตากับดวงตาหวานเยิ้มของซุนตายิ่ง รู้สึกถึงมือที่ไม่อยู่สุขของนาง

โม่จงหรานหน้าตึง เหวี่ยงนางออก “ใครให้เจ้าเข้ามา!”

“ซูปิ่งซ่าน! ไสหัวเข้ามา!”

ซุนตายิ่งคิดไม่ถึงว่าจู่ๆ โม่จงหรานจะโกรธ ถึงกับเหวี่ยงนางทันที

ทีแรกนางนั่งอยู่หัวเตียง ตอนนี้ล้มลงพื้นแล้ว

“โอ๊ย”

นางร้องเจ็บ เห็นซูปิ่งซ่านวิ่งเข้ามาด้วยสีหน้าซับซ้อน ค้อมเอวแล้ว “ฝ่าบาท ฝ่าบาททรงอะไรไหมพ่ะย่ะค่ะ!”

“เจ้าสุนัขตาบอดหรือ! ทำงานอย่างไร! ใครก็ปล่อยให้เข้าตำหนักบรรทมของข้าได้อย่างนั้นหรือ”

โม่จงหรานโพล่งตำหนิทันใด “ดูสิว่านี่มันอะไร นี่คือนางคณิการ์หอโคมเขียว หรือว่านางโลมในหอนางโลม!”

ถ้อยคำนี้ไม่ไว้ไมตรี ราวกับฝ่ามือที่ตกอยู่บนใบหน้าซุนตายิ่ง

ตบจนนางหน้าแดงหูแดง อายจนอยากแทรกแผ่นดินหนี!

ซูปิ่งซ่านมองนางด้วยความลังเล “ฝ่าบาท บ่าวขวางไม่อยู่พ่ะย่ะค่ะ!”

“ขวางไม่อยู่? ข้ามีเจ้าไว้ทำไม! ไสหัวออกไป ไปรับการโบยยี่สิบทีเอง!”

โม่จงหรานเดือดพลุ ซูปิ่งซ่านได้แต่ออกไปอย่างน้อยอกน้อยใจ

ซุนตายิ่งนอนอยู่กับพื้น บนตัวมีกลิ่นหอมประหลาด ด้วยประสิทธิภาพของเครื่องหอม ไม่นานก็ส่งกลิ่นออกมา ทั้งตำหนักราวกับอบอวลไปด้วยกลิ่นประหลาด

คล้ายกลิ่นดอกไม้ แต่ก็คล้ายกลิ่นไม้จันทน์

โม่จงหรานพยายามสูดดม ไม่นานก็รู้สึกความผิดปกติ

แต่เขายังไม่ทันส่งเสียง ดวงตาก็มีความปรารถนาปกคลุมชั้นหนึ่ง...

เมื่อเห็นดังนั้น ซุนตายิ่งจึงลุกขึ้นมา เดินยุรยาตรไปทางเขา “ฝ่าบาท...หม่อมฉันรักแต่พระองค์ เหตุใดฝ่าบาทไม่ทรงทอดพระเนตรหม่อมฉันอีกหน่อย...”

นางเอื้อมมือลูบแก้มของโม่จงหราน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์