อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ นิยาย บท 231

“ข้าสงสัยว่าเป็นโม่หุยเฟิง”

หยุนหว่านหนิงมองด้านนอกอย่างลึกลับซับซ้อนแวบหนึ่ง พูดแบบกดเสียงต่ำลง “เขาต้องอยากแย่งค่ายห้ากองพลกลับไปเป็นแน่ ถึงได้จงใจก่อเรื่อง”

จุดนี้ ไม่ใช่ว่าโม่เยว่ไม่เคยคิดมาก่อน

แต่ว่าเขาส่ายหน้าแล้ว “ข้าคิดว่า เรื่องนี้เป็นไปได้น้อยมาก”

“ทำไม?”

หยุนหว่านหนิงขมวดคิ้ว “หยุนธิงหลานเพิ่งแท้งลูกไปวันนี้ ก่อนหน้าวันนี้ ฮองเฮาทำตัวหยิ่งยโส ไม่เห็นผู้ใดอยู่ในสายตา”

“พวกเขาคิดกันหมดว่า หยุนธิงหลานตั้งครรภ์พระนัดดาองค์ โตแล้ว”

“ดังนั้นถึงกำเริบเสิบสานเยี่ยงนี้! โม่หุยเฟิงมีไพ่ตายแล้ว มีหลักประกันแล้ว จึงอยากแย่งค่ายห้ากองพลกลับไป”

เห็นโม่เยว่มองนางด้วยอารมณ์สนุกสนาน หยุนหว่านหนิงเท้าคางไว้ “หรือว่าข้าวิเคราะห์ไม่ถูก?”

“เจ้าวิเคราะห์ถูกต้องมาก”

โม่เยว่พยักหน้า “แต่ข้าสั่งให้คนแอบเฝ้าดูพี่สามมาโดยตลอด”

เขายิ้ม “ถ้าหากจวนอ๋องหยิงมีการเคลื่อนไหวใดๆ ข้าจะรู้ข่าวในทันที น่าเสียดายว่า ครานี้พี่สามไม่มีการเคลื่อนไหวแต่อย่างใด”

และหมายความว่า ไม่ใช่สิ่งที่โม่หุยเฟิงกระทำจริงๆ

ความคิดอันละเอียดรอบคอบของชายปากหมาผู้นี้ ยังทำให้หยุนหว่านหนิงตกตะลึงนิดหน่อยเช่นกัน

นางไม่เคยคิดมาก่อนว่า เขาจะส่งคนเฝ้าจับตามองโม่หุยเฟิงมาโดยตลอด

“ยังเป็นท่านที่รอบคอบ”

นางยกหัวแม่มือขึ้นให้โม่เยว่

นางคิดมาตลอดว่า โม่เยว่เป็นพวกอ่อนแอที่ความสามารถย่ำแย่

ไม่ว่านางจะคิดแผนการออกมาอย่างไร แม้กระทั่งให้เงินเขาเพื่อไป“สร้างผลงาน” พัฒนาค่ายเสินจีจนนับวันยิ่งดีขึ้น ก็เหมือนว่าเขาไม่ได้สร้างผลงานเชิดหน้าชูตาอะไรออกมาทั้งสิ้น

แต่บัดนี้ดูแล้ว เหมือนจะไม่ได้เป็นเช่นนั้น

ผู้ชายคนนี้ยังมีส่วนที่ชวนให้ค้นหาอยู่มาก รอให้นางเปิดเผยทีละนิด......

“ขอบใจพระชายาที่ชม”

โม่เยว่ยอมรับคำพูดที่ว่า“ยังเป็นท่านที่รอบคอบ”ประโยคนั้นของนางไว้แบบไร้ยางอาย

เขามองดวงอาทิตย์ที่ใกล้จะลับขอบฟ้าไปแวบหนึ่ง จากนั้นจึงลุกขึ้นยืนจัดเสื้อผ้าสักหน่อย “ควรไปรับหยวนเป่ากลับมาแล้วหรือเปล่า?”

ช่างเป็นบิดาผู้มีความรับผิดชอบที่ใส่ใจต่อบุตรชายเสียจริง

ทั้งสองไปรับหยวนเป่าที่ตระกูลกู้พร้อมกัน

ระหว่างทางกลับจวนอ๋อง หยวนเป่าเล่าว่าวันนี้เขาเรียนอะไรมาบ้างด้วยเสียงเจื้อยแจ้ว

โม่เยว่กำลังเหม่อลอย หยวนเป่ากระโจนเข้าไปในอ้อมอกเขา จับแก้มทั้งสองข้างของเขาเอาไว้ “พ่อเก๊ ท่านกำลังคิดอะไรอยู่? เมื่อครู่เรื่องที่ข้าเล่าไปท่านได้ฟังหรือเปล่า?”

กล้าจับแก้มของโม่เยว่เยี่ยงนี้......

นอกจากหยวนเป่าแล้ว เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดอีกแล้ว

ทว่าโม่เยว่กลับทำหน้าตารักและเมตตา “ขอโทษทีหยวนเป่า เมื่อครู่ข้าเหม่อลอยแล้ว”

“เจ้าเล่าเรื่องอะไร? เล่าใหม่อีกหนสิ รับรองว่าข้าจะตั้งใจฟัง”

“ข้าก็รู้ว่าท่านไม่ได้ฟัง!”

หยวนเป่าถลึงตาใส่เขาอย่างโมโห

เห็นภาพบรรยากาศอันอบอุ่นของสองพ่อลูกที่อยู่ด้วยกัน หยุนหว่านหนิงย้ายสายตาด้วยความปลื้มใจ นางเกลียดโม่เยว่ แต่มิอาจนำความเกลียดอันนี้ ยัดเยียดลงบนตัวหยวนเป่า

ไม่อาจช่วงชิงสิทธิ์ปฏิบัติหน้าที่บิดาของโม่เยว่ และยิ่งไม่อาจช่วงชิงความต้องการของหยวนเป่าที่มีต่อบิดาไปได้ด้วย

นางหันหน้ากลับ แหวกม่านออกแล้วมองทางถนน

ขณะนี้ ดวงอาทิตย์ยามสายัณห์สาดส่องบนถนน แสงสว่างอ่อนละมุน

ผู้คนบนถนนเดินไปมา สีหน้าเร่งรีบ ล้วนรีบร้อนกลับบ้านกันทั้งนั้น

ข้างหูมีเสียงของโม่เยว่ลอยมา “ในเมื่อตาทวดชมว่าเจ้าฉลาด เช่นนั้นข้าจะทดสอบเจ้าหน่อย”

“ข้าคิดจะทำดินปืน เจ้ามีความคิดดีๆ อะไรหรือไม่?”

ถูกบทสนทนาของพวกเขาดึงดูดเข้า หยุนหว่านหนิงจึงปล่อยม่านลงแล้วหันหน้าไปมองทางโม่เยว่ ขมวดคิ้วเบาๆ “ท่านพูดเรื่องนี้กับลูกทำไม?”

“ไม่เป็นไร ข้าเพียงแค่พูดเรื่อยเปื่อย”

โม่เยว่หัวเราะแล้ว

เห็นชัดว่าหยวนเป่าไม่เข้าใจว่า อะไรคือ“ดินปืน”

เขาเพียงรู้ว่า บางครั้งที่ท่านแม่ขุ่นเคือง พี่หรูอวี้จะบอกว่าท่านแม่กิน“ดินปืน”แล้ว

“ดินปืนกินได้ไหม?”

เขาถามอย่างจริงจัง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์