หมอหลวงหยางตกตะลึง ไม่รู้ว่าเหตุใดหยุนหว่านหนิงถึงถามเยี่ยงนี้
แม้แต่ลุงเฉินที่กำลังตบหลังให้โม่เหว่ยเบาๆ ยังมองทางหยุนหว่านหนิงอย่างงุนงงเช่นกัน
มิใช่ว่านางมาดูอาการให้ท่านอ๋องของตนเองหรือ?
เหตุใดกลับถามเรื่องของคุณหนูรองหยุนขึ้นได้เล่า?
โม่เหว่ยที่ฝืนหยุดไอลง ได้ยินคำพูดนี้ก็เริ่มไอรุนแรงขึ้นมาอีก ร่างกายของเขาโค้งงอจนเหมือนกุ้งแห้งตัวหนึ่งแล้ว ยื่นคอยาวออกมาไอจนหน้าแดงไปหมด
เส้นเลือดบนคอนูนขึ้น......
ลุงเฉินอดพูดขัดจังหวะไม่ได้ “พระชายะหมิงพ่ะย่ะค่ะ ท่านมาดูท่านอ๋องของบ่าวก่อนหน่อยดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ!”
เห็นเขาขมวดคิ้วแน่นด้วยความกังวล หยุนหว่านหนิงถึงนั่งลงอยู่ข้างเตียง ตบบนหลังโม่เหว่ยโดยไม่ใสใจแต่อย่างใดไปพลาง มองทางหมอหลวงหยางไปพลาง
“ทำไม? ตอบยากมากนักหรือ?”
“ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ”
หมอหลวงหยางเพียงแค่ประหลาดใจพอสมควร ตอบไม่ได้เสียที่ไหนเล่า?
เขารีบตอบว่า “เกรงว่าพระชายาหมิงยังคงมิทราบกระมัง? เดิมทีคุณหนูรองหยุนไม่ได้แท้งลูกพ่ะย่ะค่ะ”
“เช่นนั้นคืออะไร?”
หยุนหว่านหนิงรู้อยู่แก่ใจแต่แสร้งถาม
“กระหม่อมก็มิทราบว่าเกิดอันใดขึ้นเหมือนกันพ่ะย่ะค่ะ คุณหนูรองหยุนไม่ได้ตั้งครรภ์อย่างแน่แท้ วันนี้ก็มิใช่ตกเลือด เพียงแค่ระดูมาตามปกติพ่ะย่ะค่ะ”
หมอหลวงหยางส่ายหน้าแล้ว “แต่หมอหลวงฝานกลับพูดหนักแน่นว่า ก่อนหน้านี้จับชีพจรให้คุณหนูรองหยุน คือตั้งครรภ์แล้วจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ”
“แม้แต่หมอหลายคนที่เคยตรวจดูให้คุณหนูรองหยุนก่อนหน้านี้ ล้วนมีชื่อเสียงโด่งดังจากเมืองหลวง......”
เขารู้สึกงงงวย สายตาสงสัย “และพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า อาการของคุณหนูรองหยุนก่อนหน้านี้ ตั้งครรภ์จริงพ่ะย่ะค่ะ”
“โดยเฉพาะยังแพ้ท้องด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
“และมิทราบว่าเป็นพวกเขาจับชีพจรผิดพลาด หรือว่ากระหม่อมอายุมากแล้วจนมีปัญหาในการจับชีพจรกันแน่พ่ะย่ะค่ะ!”
เพราะว่าปัญหาเรื่องนี้ หมอหลวงหยางและหมอหลวงฝานพวกเขา ยังโต้เถียงกันจนฉุนเฉียวอย่างยิ่ง
แต่สุดท้าย โต้เถียงไปก็มิได้คำตอบออกมาทั้งสิ้น
เห็นว่าหมอหลวงหยางไม่ยอมรับตัวเขาเอง หยุนหว่านหนิงหัวเราะแล้วถามว่า “เสด็จพ่อทรงตรัสว่าอย่างไร? ตอนที่พวกเจ้าสามสี่คนนี้ตอบไม่ตรงกัน หรือว่าเสด็จพ่อไม่ได้ทรงส่งหมอหลวงคนอื่นไปดูเสียหน่อย?”
“ทรงส่งไปพ่ะย่ะค่ะ!”
หมอหลวงหยางพยักหน้า “ทรงส่งหมอหลวงหูและคนอื่นไปตรวจดูด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
“แต่ว่าการวินิจฉัยของพวกเขาเหมือนกับกระหม่อม เดิมทีคุณหนูรองหยุนไม่ได้ตั้งครรภ์พ่ะย่ะค่ะ!”
ขณะกล่าวอยู่ หมอหลวงหยางมองหยุนหว่านหนิงอย่างระมัดระวังแวบหนึ่ง
พระชายาหมิงตรงหน้าท่านนี้คือแม่เสือ ด้านหลังมีฮ่องเต้สนับสนุน เรื่องนี้เขาย่อมรู้ดี
แต่หยุนธิงหลานเป็นน้องรองของหยุนหว่านหนิง......
ไม่รู้ว่าตอนนี้ พระชายาหมิงสอบถามเรื่องนี้คือเพื่อเป้าหมายอะไรกันแน่
ถ้าหากตอบไม่ถูก กลัวว่าเขาคงไม่ได้รับผลประโยชน์อันใด
หมอหลวงหยางประหม่าจนบนหน้าผากเหงื่อผุดขึ้นเต็ม
เห็นเขาประหม่า หยุนหว่านหนิงจึงหัวเราะเบาๆ “หมอหลวงหยางไม่ต้องประหม่า! ข้าเพียงแค่ถามไปเท่านั้นเอง หามีความหมายอื่นไม่”
เพิ่งพูดจบลง ได้ยินเพียงโม่เหว่ยร้องอย่างเจ็บปวดทีหนึ่ง
ตามมาด้วย เขาไอจนเสมหะเลือดขนาดใหญ่ก้อนหนึ่งหลุดออกมา
หลังจากไอจนเสมหะเลือดหลุดออก การหายใจของโม่เหว่ยราบรื่นแล้ว อาการไอจึงค่อยๆ หยุดลงมา
ลุงเฉินซึ่งอยู่ด้านข้าง จิตใจที่พะว้าพะวังถึงได้ผ่อนคลายลงมาเสียที
เมื่อสักครู่เห็นมือที่หยุนหว่านหนิงตบด้านหลังโม่เหว่ย ออกแรงไม่เบา......ตบจนท่านอ๋องตนเองขมวดคิ้วแน่น ทำท่าทางขุ่นเคืองแต่มิกล้าเอ่ยปาก
ท่านอ๋องตนเองยังมิกล้าหาเรื่องยัยปีศาจผู้นี้ ลุงเฉินจะกล้าที่ไหนเล่า?
เขากลัวว่าหากพูดไม่ถูกสักประโยคเดียว พระชายาหมิงคงจะไม่รักษาให้ท่านอ๋องตนเองแล้ว
ดังนั้นเขาหดหัวแบบอ่อนแอ กลืนคำพูดตรงริมฝีปากที่ว่า“พระชายาหมิงเบาหน่อยพ่ะย่ะค่ะ”กลับลงไปตามเดิม
ได้เพียงมองร่างกายซูบผอมและอ่อนแอนั้นของท่านอ๋องตนเอง โดนตบจนดันตัวไม่ขึ้น
บัดนี้ลุงเฉินถึงเข้าใจ เหตุผลที่หยุนหว่านหนิงตบด้านหลังของโม่เหว่ยอย่างแรง เป็นเพราะพบว่าเขาถูกเสมหะเลือดอุดลำคอไว้แล้ว
เห็นลุงเฉินถอนหายใจยาวๆ ทีหนึ่ง หยุนหว่านหนิงยักคิ้วแล้วถามว่า “ลุงเฉิน ทำไมเจ้าถึงมีท่าทางเหมือนยกภูเขาออกจากอกเล่า? เจ้ากำลังคิดอันใดอยู่?”
ถูกเรียกชื่อกะทันหัน ลุงเฉินรีบเช็ดเหงื่อบนหน้าผากลง “บ่าว บ่าว......”
“ตอบมาตามตรง ข้าไม่ชอบให้คนมาพูดโกหก”
“บ่าวยังคิดว่า พระชายาหมิงยังเคียดแค้นต่อท่านอ๋องของบ่าวพ่ะย่ะค่ะ ดังนั้นจึงจงใจอยากตบจนท่านอ๋องของบ่าวตาย......”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์
นิยายสนุก แต่ช่วยมาลงต่อให้จบได้ไหมคะ...
อัพใหม่เถอะค่ะ...
เมื่อไรจะอัพเพิ่มคะ ฮือ รอนานมากแล้วววว...
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 353 - 430 หายไปไหน หายยาววววมากกกก...
รอตอนต่อไปจ้า...
สนุกดีอ่านแล้วขำ 555...