ความละอายวาบผ่านดวงตาของโม่จงหรานอย่างรวดเร็ว
“นี่เจ้าพูดอะไร”
เขาเลิกคิ้ว “ข้าออกจากวังยังจะมีจุดประสงค์อะไรได้อีก จวนอ๋องหมิงยังมีความลับอะไรได้ ข้าแค่กลัวว่านิสัยของเจ้าจะทำให้หยุนหว่านหนิงโกรธจนเป็นลมไปจริงๆ เท่านั้น”
“ตอนนี้นางกำลังป่วยอยู่ ต้องผักผ่อนให้ดี หมอหลวงหยางก็บอกแล้วมิใช่หรือ!”
เขายังมีความลับอะไรได้...
เขาก็แค่คิดถึงหลานชายคนโตสุดที่รักของเขา อยากพบหยวนเป่าสุดที่รักมากเหลือเกินก็เท่านั้น!
หลายวันนี้ที่กลับวังมา สวรรค์ยังรู้ว่าเขาคิดถึงหยวนเป่าสุดที่รักขนาดไหน!
ในเมื่อรับปากหว่านหนิงว่าจะไม่แพร่งพรายฐานะของหยวนเป่าออกไป เขาจึงได้แต่อดทนอดกลั้นต่อความคิดถึง
วันนี้ยากนักจะมีโอกาส แต่ก็กลัวว่าพอเขาออกจากวังไป เต๋อเฟยก็จะตามมา เช่นนั้นฐานะของหยวนเป่าก็ต้องถูกคนทั้งโลกรู้
ด้วยเหตุนี้ โม่จงหรานจึงเจาะจงมาอธิบายให้ชัดเจนที่หยุนหว่านหนิง ว่าเขาจะไปเยี่ยมหยุนหว่านหนิง
ไม่ให้เต๋อเฟยตามไป แม่สามีลูกสะใภ้จะได้ไม่ทะเลาะวิวาทกัน
เขากล่าวอย่างสง่าผ่าเผยจริงจัง
ไหนเลยจะรู้ วันนี้เต๋อเฟยก็เตรียมตัวออกวังไปจวนอ๋องหมิงเหมือนกัน จะไปยั่วโมโหหยุนหว่านหนิงอย่างที่คิด
โม่จงหรานร้อนใจจนเหงื่อท่วมหัว
จากนั้นทั้งสองก็มีปากเสียงกันขึ้นมา...
“ดำรัสของฝ่าบาท หม่อมฉันจะไม่เชื่อได้อย่างไรเพคะ”
เต๋อเฟยแค่นเสียงฮึ “ฝ่าบาท ตอนแรกที่พระองค์จะให้หม่อมฉันเข้าวัง เคยตรัสว่าพระองค์จะเห็นหม่อมฉันเป็นภรรยา จะไม่ปิดบังหม่อมฉันสักเรื่องอย่างไรล่ะเพคะ!”
“แล้วยังให้หม่อมฉันเห็นพระองค์เป็นสามี พวกเราอยู่กันฉันสามีภรรยาธรรมดาทั่วไป ไม่ใช่ฮ่องเต้กับนางสนม”
“ทำไมวันนี้หม่อมฉันถึงรู้สึกว่าฝ่าบาททรงแปลกๆ ล่ะเพคะ”
นางเดินอ้อมโม่จงหรานรอบหนึ่ง เอ่ยราวกับมีความคิด “หรือว่าฝ่าบาทมีผู้หญิงอยู่ข้างนอก”
“วันนี้ที่เสด็จออกจากวังไม่ใช่ไปเยี่ยมหนิงเอ๋อร์ แต่จะไปพบผู้หญิงคนนั้นกระมัง”
โม่จงหราน “...จินตนาการของเจ้าล้ำเลิศจริงๆ!”
“หม่อมฉันไม่สนใจด้วยล่ะ ถึงอย่างไรวันนี้หม่อมฉันก็จะออกจากวัง! หากฝ่าบาทมิทรงอนุญาต เช่นนั้นหม่อมฉันก็จะตามเสด็จออกไปด้วย! ทรงเสด็จพระบังคน หม่อมฉันก็จะตามเสด็จไปด้วยเพคะ!”
เต๋อเฟยทำท่าไม่พูดด้วยเหตุผล
ถึงอย่างไรตลอดหลายปีที่ผ่านมา นางก็ ‘วางก้าม’ ต่อหน้าโม่จงหรานจนเคยชินแล้ว
“หม่อมฉันก็อยากดูสิว่า เป็นนางจิ้งจอกตัวไหนที่ลวงพระวิญญาณฝ่าบาทได้!”
โม่จงหรานขมวดคิ้วมุ่น
เขาก็แค่ออกวังไปพบหลานชายสุดที่รักเท่านั้น...
‘นางจิ้งจอก’ ลวงวิญญาณนั่นก็คือหลานชายสุดที่รักของเขา!
เมื่อเห็นเต๋อเฟยไม่รับฟังเหตุผล จะตามเขาออกจากวังไปให้ได้...โม่จงหรานจนด้วยหนทาง จึงได้แต่เอาน้ำเย็นเข้าลูบ “เจ้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”
“ข้าจะออกไปรอเจ้า”
“จริงหรือเพคะ ฝ่าบาทไม่หลอกหม่อมฉันนะเพคะ! ทรงเป็นฮ่องเต้ ตรัสคำไหนคำนั้นนะเพคะ”
เต๋อเฟยดีใจ
“อื่ม ข้าลั่นวาจาแล้ว สี่อาชาก็ยากจะตามกลับ”
โม่จงหรานพยักหน้าอย่างจริงจัง
เมื่อนั้นเต๋อเฟยจึงเปลี่ยนเป็นยิ้มแย้ม เข้าตำหนักในอย่างยินดีปรีดา สั่งให้หลี่หมัวมัวเข้ามาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้นาง
เมื่อเห็นตัวหนักปิดประตูปุ๊บ...โม่จงหรานก็วิ่งออกไปด้วยฝีเท้าว่องไว สั่งซูปิ่งซ่าน “ปิดประตู! ปิดประตูเดี๋ยวนี้!”
แม้เขาจะวิ่งเร็วมาก แต่ฝีเท้าก็เบามากเช่นกัน
เต๋อเฟยที่กำลังง่วงอยู่กับการเปลี่ยนชุดอย่างยินดีปรีดา กลับไม่รู้ว่าตนเองถูกทิ้งแล้ว...
“ฝ่าบาท นี่?”
ซูปิ่งซ่านงงเป็นไก่ตาแตก
“ข้าจะไปหยวนเป่าสุดที่รัก เจ้าอยู่จัดการเรื่องข้างหลัง”
โม่จงหรานพูดเร็วมาก “ถ่ายทอดโองการของข้า วันนี้ตำหนักหย่งโซ่วปิดประตูทั้งวัน! กักบริเวณเต๋อเฟย ห้ามออกจากตำหนักหย่งโซ่วแม้แต่ก้าวเดียว!”
“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”
ซูปิ่งซ่านเหงื่อตก
ฝ่าบาทบ้านตัวเองอายุเกินครึ่งร้อยแล้ว ทำไมยังทำตัวเหมือนกับเด็กๆ อีกนะ
โม่จงหรานวิ่งสองสามก้าว ยังกดเสียงกระซิบเตือนเขาอีก “หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไปแม้แต่นิดเดียว ข้าจะตัดลิ้นของเจ้า!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์
อัพใหม่เถอะค่ะ...
เมื่อไรจะอัพเพิ่มคะ ฮือ รอนานมากแล้วววว...
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 353 - 430 หายไปไหน หายยาววววมากกกก...
รอตอนต่อไปจ้า...
สนุกดีอ่านแล้วขำ 555...