อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ นิยาย บท 299

ทันทีที่เต๋อเฟยบุกทะลวงแบบไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหน จนเข้ามาถึงห้องทรงพระอักษร พวกซูปิ่งซ่านกับเหลียงกงกง ต่างก็พากันแยกย้ายสลายตัวไปตั้งนานแล้ว

ดังนั้นในเวลานี้ ที่หน้าประตูห้องทรงพระอักษรจึงไม่มีคนอยู่เฝ้า

ซูเฟยจึงไม่มีใครมาเป็นอุปสรรคขัดขวาง เปิดประตูห้องทรงพระอักษรเข้ามาเองทันที

เต๋อเฟยกับโม่จงหรานมองประสานสายตากันแวบหนึ่ง ท่ามกลางความเดือดดาลเคืองขุ่น นางใช้สายตาถามโม่จงหรานว่า: "ดีนักนะ นี่เพิ่งจะกี่วันเอง? ฝ่าบาทก็ผูกสมัครรักใคร่ ลึกล้ำร้อนแรงกับซูเฟยขนาดนี้แล้ว? !

โม่จงหรานทำสีหน้าน้อยเนื้อต่ำใจ: ข้าเปล่าเสียหน่อย!

ฝ่ายซูเฟยเดินยักย้ายส่ายสะโพกเข้ามาแล้ว ในมือยกหม้อใส่น้ำแกงร้อนกรุ่นมาด้วย "ฝ่าบาท...."

“โย่ว น้องหญิงเต๋อเฟยก็อยู่ที่นี่ด้วยรึ?”

เต๋อเฟย: "? ? ?"

"น้องหญิงซูเฟย เจ้าเรียกข้าว่าอะไรนะ?"

เฮอะ! ไม่เจอกันแค่ไม่กี่วัน นางก็กลายเป็นน้องหญิงเต๋อเฟยไปแล้วรึ? !

“ได้ยินมาว่าน้องหญิงเต๋อเฟยถูกฝ่าบาทสั่งกักบริเวณเสียหลายวัน ข้ารู้สึกเห็นใจเจ้านัก ในใจก็นึกอยากจะพูดอะไรดี ๆ แทนน้องหญิงเต๋อเฟยบ้างสักครั้ง แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมน้องหญิงเต๋อเฟยถึงได้ไปยั่วโมโหจนทำให้ฝ่าบาททรงกริ้วได้”

ซูเฟยยกมือขึ้นปิดปากน้อย ๆ ยกยิ้มเจิดจ้าราวดอกไม้แย้มบาน

“ข้าเกรงว่าถ้าพูดอะไรผิดไป อาจส่งผลเชิงลบต่อความสัมพันธ์ระหว่างฝ่าบาทกับน้องหญิงเต๋อเฟย จนเกิดความเสียหายได้”

นางทำสีหน้าไร้เดียงสา "ดังนั้นจึงทำได้แค่ ตั้งอกตั้งใจดูแลภาระงานภายในหกตำหนักแต่เพียงลำพัง น้องหญิงเต๋อเฟย เจ้าคงไม่โทษพี่หญิงคนนี้ที่ไม่พูดแทนเจ้าหรอกนะ?"

เต๋อเฟย: "? ? ?"

จะพูดอะไรก็พูดให้มันดี ๆ สิ เอาแต่บิดสะโพกไปบิดสะโพกมาอย่างกับโดนปิศาจกระดูกขาวเข้าสิงไปได้ ทำบ้าอะไรเนี่ย?

“ใครบอกว่าข้าทำให้ฝ่าบาททรงกริ้วแล้ว?”

โม่จงหรานที่อยู่อีกด้านก็กระแอมไอออกมาเบา ๆ เสียงหนึ่ง พยายามคลายบรรยากาศกระอักกระอ่วนแปลก ๆ ภายในตำหนักอย่างเต็มที่

นั่นสิ!

เต๋อเฟยเป็นฝ่ายทำให้เขาโกรธเสียที่ไหนล่ะ?

เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าเขาต่างหากที่เป็นฝ่ายยั่วโมโหจนเต๋อเฟยโกรธ จึงต้องสั่งกักบริเวณนางไว้ในตำหนักหย่งโซ่ว......

"หรือว่าไม่ใช่ล่ะ?"

ซูเฟยมองเต๋อเฟยด้วยสายตาเห็นอกเห็นใจแวบหนึ่ง เดินวนรอบตัวนางจนครบหนึ่งรอบ ถอนหายใจเฮือกแล้วพูดขึ้นว่า "แต่น้องหญิงเต๋อเฟยก็อย่าได้โศกเศร้าเสียใจไปเลยนะ ฝ่าบาททรงรักใคร่โปรดปรานเจ้ามานานหลายปี พระองค์ไม่มีทางเมินเฉยเย็นชาต่อเจ้าแน่”

เต๋อเฟยยิ่งขมวดคิ้วแน่นขึ้นกว่าเดิมแล้ว

นี่สายตาของซูเฟยไม่ดีรึ?

เห็นว่านางกำลังโศกเศร้าเสียใจตรงไหนกัน?

เห็นอยู่ชัด ๆ ว่านางกำลังโกรธ กำลังโกรธน่ะเข้าใจไหม!

"ฝ่าบาท"

มือของซูเฟย ค่อย ๆ วางลงบนไหล่ของโม่จงหรานเบา ๆ "อย่าใส่ใจเรื่องที่น้องหญิงเต๋อเฟยทำให้ท่านขุ่นเคืองเลยนะเพคะ"

“โปรดทรงเห็นแก่อ๋องหมิง พระชายาหมิง รวมถึงองค์หญิงเก้า ทรงละเว้นความผิดครั้งนี้ของน้องหญิงเต๋อเฟยด้วยเถิดนะเพคะฝ่าบาท!”

นางคิดเอาเองว่า ตัวเองได้พูดอะไรดี ๆ แทนเต๋อเฟยแล้ว

โม่จงหรานเริ่มจะหมดความอดทน ปัดมือของนางออกไปทันที " พูดจาให้มันดี ๆ บิดส่ายบิดขวาอะไรอยู่ได้? จะยื่นไม้ยื่นมือมาแตะเพื่ออะไร? แล้วนี่เจ้ามาหาข้าคิดจะทำอะไร?"

คำว่า "อะไร" ที่ถามออกมาหลายต่อหลายครั้ง แทบจะทำให้ซูเฟยสับสนงงงันในตัวเองไปเลย

“อ้อ หม่อมฉันมาส่งน้ำแกงให้ท่านเพคะ”

ซูเฟยนึกเหตุผลที่ตัวเองมาที่นี่ได้ รีบเปิดฝาหม้อน้ำแกง ตักใส่ชามเล็ก ๆ ใบหนึ่งแล้วยื่นมาให้ "หม่อมฉันใช้เวลาตุ๋นถึงหนึ่งชั่วยามเต็ม ๆ เลยนะเพคะ"

“ฝ่าบาทลองชิมสิเพคะ ว่ารสชาติเป็นอย่างไรบ้าง?”

สีหน้าโม่จงหรานเต็มไปด้วยแววปฏิเสธ "ข้าไม่กระหายน้ำ"

เต๋อเฟยมองดูสีหน้าที่สุดแสนจะไร้สุขของเขา ในใจพลันรู้สึกมีความสุขขึ้นมาทันที "น้องหญิงซูเฟย เจ้ารู้ได้อย่างไรรึว่าข้ากระหายน้ำแล้ว?"

"คุยกับฝ่าบาทอยู่ตั้งนานสองนาน ปากคอแห้งผากไปหมดแล้ว! ฝ่าบาทไม่ดื่ม ข้าดื่มเอง!"

เต๋อเฟยรับชามน้ำแกงมาทันที "ดมดูแล้วกลิ่นหอมไม่เลวเลยจริง ๆ! ลำบากน้องหญิงซูเฟยแล้ว"

นางยกชามน้ำแกงขึ้น แล้วดื่มเข้าไปรวดเดียวหมด

ซูเฟยกล้าส่งมาให้โม่จงหรานดื่ม แน่นอนว่านางต้องไม่กล้าเล่นลูกไม้อะไรในน้ำแกงนี้

"อร่อยจริง ๆ ตักให้ข้าอีกสักชามเถอะ!"

นางยื่นชามเปล่าส่งไปให้

ซูเฟย: "...."

“ข้าโกรธฝ่าบาทมาหลายวันแล้ว เลยตัดสินใจอดอาหารประท้วง แต่น้ำแกงของน้องหญิงซูเฟยช่างหอมอร่อยมากจริง ๆ! กระตุ้นความอยากอาหารของข้าขึ้นมาเลยเชียว”

เต๋อเฟยปรายตามองซูเฟย

ซูเฟยโกรธจนกัดฟันกรอด ๆ

น้ำแกงที่นางตุ๋นให้ฝ่าบาทอย่างเหนื่อยยากลำบาก ต้องมีอันถูกนังหัวขโมยชั่วช้านี่ดื่มเข้าไปทีละชาม ๆ จนหมดอย่างนั้นรึ? !

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์