ทันทีที่เต๋อเฟยบุกทะลวงแบบไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหน จนเข้ามาถึงห้องทรงพระอักษร พวกซูปิ่งซ่านกับเหลียงกงกง ต่างก็พากันแยกย้ายสลายตัวไปตั้งนานแล้ว
ดังนั้นในเวลานี้ ที่หน้าประตูห้องทรงพระอักษรจึงไม่มีคนอยู่เฝ้า
ซูเฟยจึงไม่มีใครมาเป็นอุปสรรคขัดขวาง เปิดประตูห้องทรงพระอักษรเข้ามาเองทันที
เต๋อเฟยกับโม่จงหรานมองประสานสายตากันแวบหนึ่ง ท่ามกลางความเดือดดาลเคืองขุ่น นางใช้สายตาถามโม่จงหรานว่า: "ดีนักนะ นี่เพิ่งจะกี่วันเอง? ฝ่าบาทก็ผูกสมัครรักใคร่ ลึกล้ำร้อนแรงกับซูเฟยขนาดนี้แล้ว? !
โม่จงหรานทำสีหน้าน้อยเนื้อต่ำใจ: ข้าเปล่าเสียหน่อย!
ฝ่ายซูเฟยเดินยักย้ายส่ายสะโพกเข้ามาแล้ว ในมือยกหม้อใส่น้ำแกงร้อนกรุ่นมาด้วย "ฝ่าบาท...."
“โย่ว น้องหญิงเต๋อเฟยก็อยู่ที่นี่ด้วยรึ?”
เต๋อเฟย: "? ? ?"
"น้องหญิงซูเฟย เจ้าเรียกข้าว่าอะไรนะ?"
เฮอะ! ไม่เจอกันแค่ไม่กี่วัน นางก็กลายเป็นน้องหญิงเต๋อเฟยไปแล้วรึ? !
“ได้ยินมาว่าน้องหญิงเต๋อเฟยถูกฝ่าบาทสั่งกักบริเวณเสียหลายวัน ข้ารู้สึกเห็นใจเจ้านัก ในใจก็นึกอยากจะพูดอะไรดี ๆ แทนน้องหญิงเต๋อเฟยบ้างสักครั้ง แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมน้องหญิงเต๋อเฟยถึงได้ไปยั่วโมโหจนทำให้ฝ่าบาททรงกริ้วได้”
ซูเฟยยกมือขึ้นปิดปากน้อย ๆ ยกยิ้มเจิดจ้าราวดอกไม้แย้มบาน
“ข้าเกรงว่าถ้าพูดอะไรผิดไป อาจส่งผลเชิงลบต่อความสัมพันธ์ระหว่างฝ่าบาทกับน้องหญิงเต๋อเฟย จนเกิดความเสียหายได้”
นางทำสีหน้าไร้เดียงสา "ดังนั้นจึงทำได้แค่ ตั้งอกตั้งใจดูแลภาระงานภายในหกตำหนักแต่เพียงลำพัง น้องหญิงเต๋อเฟย เจ้าคงไม่โทษพี่หญิงคนนี้ที่ไม่พูดแทนเจ้าหรอกนะ?"
เต๋อเฟย: "? ? ?"
จะพูดอะไรก็พูดให้มันดี ๆ สิ เอาแต่บิดสะโพกไปบิดสะโพกมาอย่างกับโดนปิศาจกระดูกขาวเข้าสิงไปได้ ทำบ้าอะไรเนี่ย?
“ใครบอกว่าข้าทำให้ฝ่าบาททรงกริ้วแล้ว?”
โม่จงหรานที่อยู่อีกด้านก็กระแอมไอออกมาเบา ๆ เสียงหนึ่ง พยายามคลายบรรยากาศกระอักกระอ่วนแปลก ๆ ภายในตำหนักอย่างเต็มที่
นั่นสิ!
เต๋อเฟยเป็นฝ่ายทำให้เขาโกรธเสียที่ไหนล่ะ?
เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าเขาต่างหากที่เป็นฝ่ายยั่วโมโหจนเต๋อเฟยโกรธ จึงต้องสั่งกักบริเวณนางไว้ในตำหนักหย่งโซ่ว......
"หรือว่าไม่ใช่ล่ะ?"
ซูเฟยมองเต๋อเฟยด้วยสายตาเห็นอกเห็นใจแวบหนึ่ง เดินวนรอบตัวนางจนครบหนึ่งรอบ ถอนหายใจเฮือกแล้วพูดขึ้นว่า "แต่น้องหญิงเต๋อเฟยก็อย่าได้โศกเศร้าเสียใจไปเลยนะ ฝ่าบาททรงรักใคร่โปรดปรานเจ้ามานานหลายปี พระองค์ไม่มีทางเมินเฉยเย็นชาต่อเจ้าแน่”
เต๋อเฟยยิ่งขมวดคิ้วแน่นขึ้นกว่าเดิมแล้ว
นี่สายตาของซูเฟยไม่ดีรึ?
เห็นว่านางกำลังโศกเศร้าเสียใจตรงไหนกัน?
เห็นอยู่ชัด ๆ ว่านางกำลังโกรธ กำลังโกรธน่ะเข้าใจไหม!
"ฝ่าบาท"
มือของซูเฟย ค่อย ๆ วางลงบนไหล่ของโม่จงหรานเบา ๆ "อย่าใส่ใจเรื่องที่น้องหญิงเต๋อเฟยทำให้ท่านขุ่นเคืองเลยนะเพคะ"
“โปรดทรงเห็นแก่อ๋องหมิง พระชายาหมิง รวมถึงองค์หญิงเก้า ทรงละเว้นความผิดครั้งนี้ของน้องหญิงเต๋อเฟยด้วยเถิดนะเพคะฝ่าบาท!”
นางคิดเอาเองว่า ตัวเองได้พูดอะไรดี ๆ แทนเต๋อเฟยแล้ว
โม่จงหรานเริ่มจะหมดความอดทน ปัดมือของนางออกไปทันที " พูดจาให้มันดี ๆ บิดส่ายบิดขวาอะไรอยู่ได้? จะยื่นไม้ยื่นมือมาแตะเพื่ออะไร? แล้วนี่เจ้ามาหาข้าคิดจะทำอะไร?"
คำว่า "อะไร" ที่ถามออกมาหลายต่อหลายครั้ง แทบจะทำให้ซูเฟยสับสนงงงันในตัวเองไปเลย
“อ้อ หม่อมฉันมาส่งน้ำแกงให้ท่านเพคะ”
ซูเฟยนึกเหตุผลที่ตัวเองมาที่นี่ได้ รีบเปิดฝาหม้อน้ำแกง ตักใส่ชามเล็ก ๆ ใบหนึ่งแล้วยื่นมาให้ "หม่อมฉันใช้เวลาตุ๋นถึงหนึ่งชั่วยามเต็ม ๆ เลยนะเพคะ"
“ฝ่าบาทลองชิมสิเพคะ ว่ารสชาติเป็นอย่างไรบ้าง?”
สีหน้าโม่จงหรานเต็มไปด้วยแววปฏิเสธ "ข้าไม่กระหายน้ำ"
เต๋อเฟยมองดูสีหน้าที่สุดแสนจะไร้สุขของเขา ในใจพลันรู้สึกมีความสุขขึ้นมาทันที "น้องหญิงซูเฟย เจ้ารู้ได้อย่างไรรึว่าข้ากระหายน้ำแล้ว?"
"คุยกับฝ่าบาทอยู่ตั้งนานสองนาน ปากคอแห้งผากไปหมดแล้ว! ฝ่าบาทไม่ดื่ม ข้าดื่มเอง!"
เต๋อเฟยรับชามน้ำแกงมาทันที "ดมดูแล้วกลิ่นหอมไม่เลวเลยจริง ๆ! ลำบากน้องหญิงซูเฟยแล้ว"
นางยกชามน้ำแกงขึ้น แล้วดื่มเข้าไปรวดเดียวหมด
ซูเฟยกล้าส่งมาให้โม่จงหรานดื่ม แน่นอนว่านางต้องไม่กล้าเล่นลูกไม้อะไรในน้ำแกงนี้
"อร่อยจริง ๆ ตักให้ข้าอีกสักชามเถอะ!"
นางยื่นชามเปล่าส่งไปให้
ซูเฟย: "...."
“ข้าโกรธฝ่าบาทมาหลายวันแล้ว เลยตัดสินใจอดอาหารประท้วง แต่น้ำแกงของน้องหญิงซูเฟยช่างหอมอร่อยมากจริง ๆ! กระตุ้นความอยากอาหารของข้าขึ้นมาเลยเชียว”
เต๋อเฟยปรายตามองซูเฟย
ซูเฟยโกรธจนกัดฟันกรอด ๆ
น้ำแกงที่นางตุ๋นให้ฝ่าบาทอย่างเหนื่อยยากลำบาก ต้องมีอันถูกนังหัวขโมยชั่วช้านี่ดื่มเข้าไปทีละชาม ๆ จนหมดอย่างนั้นรึ? !
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์
นิยายสนุก แต่ช่วยมาลงต่อให้จบได้ไหมคะ...
อัพใหม่เถอะค่ะ...
เมื่อไรจะอัพเพิ่มคะ ฮือ รอนานมากแล้วววว...
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 353 - 430 หายไปไหน หายยาววววมากกกก...
รอตอนต่อไปจ้า...
สนุกดีอ่านแล้วขำ 555...