ทันทีที่ประตูตำหนักเปิดออก ดวงตาสี่ข้างก็สบประสานกัน
โม่จงหรานถึงตกตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นสีหน้าก็เปี่ยมไปด้วยความปีติยินดี รีบลากตัวหยุนหว่านหนิงเข้ามา "มา ๆ ๆ หว่านหนิง รีบเข้ามาเร็วเข้า!"
หยุนหว่านหนิงถูกลากเข้าไปในห้องทรงพระอักษร
“เสด็จพ่อ มีอะไรหรือเพคะ?”
น้ำเสียงของโม่จงหรานผ่อนคลายลงไปไม่น้อย "เสด็จแม่เต๋อเฟยของเจ้ากำลังโกรธ รีบเข้ามาให้นางด่าเพื่อระบายความโกรธสักยกเถอะ! ไม่อย่างนั้น วันนี้นางคงได้ทำให้ข้าโกรธจนลมจุกอกตายแน่!"
หยุนหว่านหนิง: "... ดังนั้นท่านจึงตั้งใจจะให้หม่อมฉันมาเป็นคนโดนด่าแทน?"
"ใช่แล้ว!"
โม่จงหรานตอบรับอย่างเด็ดขาดไม่มีอ้อมค้อม
ได้เห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยแวววาดหวังตั้งใจนั่น หยุนหว่านหนิงถึงกับอดนึกอาฆาตแค้นเขาไม่ได้!
นางถูกโม่จงหรานลากไปหยุดอยู่ตรงหน้าเต๋อเฟย
สีหน้าของเต๋อเฟยแลดูบูดบึ้งไม่เป็นมิตรอย่างยิ่ง
โม่จงหรานยิ้มแย้มพลางปะเหลาะนางว่า "เต๋อเฟย ไม่ใช่ว่าเจ้าอยากด่าหว่านหนิงมากหรอกรึ? เจ้าตัวมาถึงที่นี่แล้ว เดี๋ยวข้าจะหาพื้นที่ว่าง ๆ ให้เจ้า ปิดประตูแล้วปล่อยให้เจ้าด่านางให้สะใจไปเลย"
"เจ้าอย่าโกรธอีกเลยนะ!"
พูดพลาง เขาก็วางแผนว่าจะเผ่นหนีอย่างไว ให้ลื่นไหลประดุจทาน้ำมันที่ฝ่าเท้าเลยทีเดียว
"หยุดเดี๋ยวนี้!"
เต๋อเฟยแผดเสียงคำรามดังลั่น โม่จงหรานจึงมีอันต้องหยุดชะงักค้างอยู่กับที่ไปทันที
“นี่ท่านหมายความว่าอย่างไร?”
เต๋อเฟยปกป้องหยุนหว่านหนิงด้วยการดันนางไปไว้ข้างหลัง พลางจ้องโม่จงหรานเขม็งราวกับเสือที่จ้องจะขย้ำเหยื่อ "ลูกสะใภ้ของหม่อมฉัน ในสายตาของท่านเป็นเพียงกระสอบทราย ไม่ก็แพะรับบาปอย่างนั้นรึ?"
หยุนหว่านหนิงเลิกคิ้วขึ้นสูง
นี่เต๋อเฟยกำลังปกป้องนางอยู่เหรอ?!
โม่จงหรานก็สับสนงงงันเช่นกัน "เต๋อเฟย.... "
“เป็นความผิดของพระองค์เองแท้ ๆ อาศัยอะไรมาให้คนอื่นแบกรับแทน?”
เต๋อเฟยเค้นถาม
หยุนหว่านหนิงอดพยักหน้าเห็นด้วยไม่ได้ "ใช่เลย ๆ"
"เจ้าหุบปากเดี๋ยวนี้"
โม่จงหรานจ้องนางเขม็ง
หยุนหว่านหนิงมองไปที่เต๋อเฟยด้วยสายตา.... "น้อยอกน้อยใจ"
“ฝ่าบาท ท่านจะดุอะไรของท่านน่ะ? ทำไมรึ? ท่านรู้สึกว่าหม่อมฉันทำให้ท่านโกรธแทบตายแล้ว? ในใจไม่เป็นสุข เลยอยากระบายความโกรธใส่หนิงเอ๋อร์แทน? ในฐานะพ่อสามี ท่านทำหน้าที่ได้ไร้ความสามารถเกินไปแล้วกระมัง?”
เต๋อเฟยปกป้องหยุนหว่านหนิงราวกับลูกในไส้เลยทีเดียว
ชั่วขณะนั้น โม่จงหรานเริ่มจะไม่เข้าใจแล้ว
เมื่อหลายวันก่อน ใครกันล่ะที่คิดจะบุกไปจวนอ๋องหมิง เพื่อก่อกวนหยุนหว่านหนิงให้โกรธเจียนตาย จนทะเลาะกับเขาซะใหญ่โตไปยกหนึ่งน่ะ?
วันนี้หยุนหว่านหนิงมาอยู่ตรงหน้านางแล้ว แต่นางกลับปกป้องอีกฝ่าย แล้วด่าเขาจนหน้าม้านหน้าหดเหลือไม่ถึงสองนิ้วแทน?
“เจ้าไม่ได้เป็นคนบอกว่าจะไปจวนอ๋องหมิงรึ.....”
โม่จงหรานน้อยใจขึ้นมาอีกครั้ง
"นั่นมันเรื่องของเมื่อหลายวันก่อน! เรื่องที่ผ่านไปแล้วก็ยังจะพูดถึงอีกรึ?"
เต๋อเฟยแค่นเสียงเย็นชา แล้วพูดอย่างเผด็จการทรงอำนาจว่า "วันนี้หม่อมฉันจะขอป่าวประกาศไว้เลยว่า นับจากนี้ไปใครก็ตามที่มันกล้ารังแกลูกสะใภ้ของข้า ข้าจะไม่ยอมจบกับมันผู้นั้นง่าย ๆ!"
ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าประโยคนี้มุ่งเป้าไปที่โม่จงหราน หรือพูดเพื่อให้คนอื่นฟังกันแน่
แต่พูดสั้น ๆ คือ หยุนหว่านหนิงรู้สึกซาบซึ้งใจมาก
อันที่จริง ก่อนที่ซูเฟยจะออกไป นางก็รออยู่นอกห้องทรงพระอักษรนานแล้ว
ได้ยิน "เด็กเฒ่า" สองคนทะเลาะกัน นางยังแอบหัวเราะจนหุบปากไม่ลงอยู่นอกประตูอยู่เลย
สองคนนี้ช่างเป็นคู่รักคู่แค้นกันโดยแท้!
ตอนที่เต๋อเฟยทะเลาะกับโม่จงหราน นางช่างเหมือนกับเด็กสาวที่กำลังตกอยู่ในห้วงรักอย่างยิ่ง.....ก่อความวุ่นวายกระเง้ากระงอด โวยวายทุบตี ไม่ฟังเหตุฟังผล
จนเห็นว่าโม่จงหรานดูจะหมดหนทางรับมือแล้วจริง ๆ นางถึงตัดสินใจเข้ามา "ช่วย" เขาซักหน่อย
ใครจะรู้ล่ะว่าพอเข้าประตูมา กลับเป็นฝ่ายถูกเขาลากตัวมาให้เต๋อเฟยด่าจนกว่าจะพอใจแทน? !
นี่มันพ่อแบบไหนกันล่ะเนี่ย!
"ได้"
โม่จงหรานก้มหน้าลง พูดอย่างเออออไปด้วยว่า "เจ้าพูดอะไรล้วนถูกต้องทั้งหมด!"
"หม่อมฉันไม่ต้องการให้ซูเฟยดูแลวังหลังต่อ"
เต๋อเฟยมองไปที่โม่จงหรานด้วยสายตาเย็นชา ดันหยุนหว่านหนิงให้นั่งลงดื่มชา "ซูเฟยหัวสมองเรียบง่ายเกินไป แค่บัญชีไม่กี่เล่มก็ยังคำนวณให้ลงตัวไม่ได้ ได้ยินมาว่าวันนี้ นางยังถึงกับต้องเชิญเมียเจ้ารองเข้าวังมาเพื่อช่วยนางคำนวณบัญชีเลยด้วย"
“แบบนั้นต้องโง่ขนาดไหนน่ะ? กระทั่งเมียเจ้ารองก็ยังสู้ไม่ได้.....”
หยุนหว่านหนิงแอบหัวเราะอู้อี้ในลำคอ เกือบจะพ่นชาในปากออกมาอยู่แล้ว
เต๋อเฟยยังมีหน้าไปหัวเราะเยาะซูเฟยอีกเรอะ!
สองคนนี้ ไม่ใช่พวกวิ่งห้าสิบก้าวหัวเราะเยาะคนวิ่งร้อยก้าวจริง ๆ น่ะเรอะ?! (*อธิบายเพิ่มเติม ประโยคนี้เป็นสุภาษิตซึ่งมีที่มาจากสงครามจั้นกั๋ว กล่าวถึงในสนามรบย่อมมีทหารที่รักตัวกลัวตาย เมื่อทหารเหล่านั้นวิ่งหนีทหารข้าศึก โดยบางคนวิ่งเร็ว วิ่งไปได้ร้อยก้าว แต่บางคนวิ่งช้า วิ่งได้แค่ห้าสิบก้าว แต่คนที่วิ่งได้ห้าสิบก้าว กลับหัวเราะเยาะคนวิ่งได้ร้อยก้าวว่าเป็นคนรักตัวกลัวตายกว่า ทั้ง ๆ ที่จุดประสงค์ของการวิ่งก็คือหลบหนีเช่นกัน แถมตนเองยังวิ่งช้ากว่าด้วยซ้ำ แต่ปัจจุบันหมายถึงผู้ที่มีความผิดหรือข้อบกพร่องเช่นเดียวกับผู้อื่นแม้ว่าจะเบากว่า เล็กน้อย แต่ก็ไม่ควรหัวเราะเยาะหรือประนามผู้อื่น เพราะถึงอย่างไรตัวเองก็ผิดหรือมีข้อบกพร่องแบบเดียวกัน)
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์
นิยายสนุก แต่ช่วยมาลงต่อให้จบได้ไหมคะ...
อัพใหม่เถอะค่ะ...
เมื่อไรจะอัพเพิ่มคะ ฮือ รอนานมากแล้วววว...
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 353 - 430 หายไปไหน หายยาววววมากกกก...
รอตอนต่อไปจ้า...
สนุกดีอ่านแล้วขำ 555...