เห็นเพียงว่าชุดกระโปรงของหยุนหว่านหนิง เต็มไปด้วยเลือด!
เมื่อครู่นี้เขาเดินอย่างเร่งรีบเกินไป จึงไม่ได้กลิ่นเลือดบนร่างกายของนาง
หลังจากหยุดลงชั่วขณะ กลิ่นเลือดเข้มข้นสายหนึ่งก็โชยมาเข้าจมูก ใบหน้าดวงเล็ก ๆ ของหยุนหว่านหนิงย่นยู่มากองรวมกันเป็นก้อน!
นี่คือเลือดของซ่งจื่ออวี๋!
เมื่อเผชิญกับสายตาที่เป็นกังวลและตกตะลึงของโม่เยว่..... หยุนหว่านหนิงก็แสร้งทำเป็นยิ้มกลบเกลื่อนว่าไม่ได้เป็นอะไร ก้มหน้าลงมองเลือดที่เปื้อนบนชุดกระโปรง "แม่จ้าวโว้ย! ข้าก็ยังสงสัยอยู่ว่ามันเกิดอะไรขึ้น"
"ตลอดทางที่มาที่นี่ คนที่เดินไปเดินมาบนถนนเอาแต่จ้องมองข้ากันหมด ที่แท้ก็เป็นเพราะเจ้านี่เองน่ะเรอะ"
ท่าทางที่ดูไม่ยี่หระของนาง ทำให้โม่เยว่ขมวดคิ้วแน่นยิ่งขึ้น
“หนิงเอ๋อร์ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
โม่เฟยเฟยก็ผลักกู้หมิงเข้าไปใกล้ ๆ ด้วย
เมื่อนางเห็นเลือดที่อาบย้อมบนชุดกระโปรงของหยุนหว่านหนิง ก็ตกใจมากจนต้องยกมือขึ้นมาปิดตา "พี่สะใภ้เจ็ด นี่..... นี่พี่ไปฆ่าหมูที่ไหนมารึ?"
หยุนหว่านหนิง: "...."
กู้หมิงถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน " หนิงเอ๋อร์ นี่มันเกิดอะไรขึ้นล่ะ?"
"ท่านลุง"
หยุนหว่านหนิงนั่งคุกเข่าลงข้าง ๆ เขา แล้วพูดจากึ่งออดอ้อนว่า "เดิมทีข้ารีบมาที่นี่แต่เช้าเพื่อจะรับหยวนเป่า"
“ใครจะรู้ล่ะว่าระหว่างทางจะได้เจอท่านปู่คนหนึ่ง...ที่ขาหักขณะขึ้นไปผ่าฟืนบนภูเขา!”
เวลานี้หูของ "ท่านปู่ซ่ง" ที่ว่า เริ่มจะร้อนลวกขึ้นมานิดหน่อยแล้ว.....
"ท่านปู่คนนั้นน่าสงสารมาก! ไม่มีใครช่วยเขาเลย! แล้วข้าก็ไม่ใช่ว่าเก่งกาจด้านการแพทย์หรอกรึ? ก็เลยเข้าไปช่วยรักษาขาให้เขา จากนั้นก็รีบมารับหยวนเป่านี่แหล่ะ"
นางถอนหายใจอย่างแผ่วเบา “ท่านปู่คนนั้น ได้รับบาดเจ็บหนักมาก”
"แถมข้าก็เดินมาอย่างเร่งรีบด้วย ดังนั้นเลยไม่ได้สังเกตว่าบนกระโปรงเต็มไปด้วยเลือด"
"มิน่าล่ะว่าทำไมระหว่างทาง คนที่เดินผ่านไปผ่านมาถึงได้มองข้าแปลก ๆ ที่แท้ก็เป็นเพราะแบบนี้นี่เอง!"
กู้หมิงพยักหน้า "ช่วยชีวิตคน ดีกว่าสร้างเจดีย์เจ็ดชั้น"
ในใจของหยุนหว่านหนิงถอนหายใจดังเฮือก: นี่มันเรียกว่าช่วยชีวิตคนที่ไหนล่ะ? เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าอีกฝ่ายต่างหากที่ช่วยนางเอาไว้ตั้งหลายครั้งหลายหนแล้ว.... ครั้งนี้ที่ซ่งจื่ออวี๋ได้รับบาดเจ็บ ก็เป็นเพราะนางอีกนั่นแหล่ะ!
ในใจของนางรู้สึกผิดที่ทำให้อีกฝ่ายลำบากแล้วจริง ๆ
โม่เยว่ดึงนางให้ลุกขึ้นมา "ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเถอะ"
“ถ้าเกิดหยวนเป่ามาเห็นเข้า เขาจะนึกเป็นห่วงอีกนะ!”
ลูกชายของเขานี่ ช่างเหมือนแม่แก่ ๆ ที่ชอบจู้จี้ขี้บ่นเข้าไปทุกทีแล้ว
ดูว่าเขาอายุยังน้อย แต่กลับฉลาดรู้ความกว่าเด็กทั่ว ๆ ไปมาก
หยุนหว่านหนิงพยักหน้าอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเดินตรงดิ่งไปที่เรือนหลัง
ก่อนหน้านี้ นางพาหยวนเป่าหนีออกจากบ้านมาอาศัยอยู่ที่จวนตระกูลกู้ ดังนั้นจึงทิ้งพวกของใช้ต่าง ๆ รวมถึงเสื้อผ้าเอาไว้ที่จวนกู้ไม่น้อย ที่เรือนหลัง ยังมีเรือนพักของนางกับหยวนเป่าที่ถูกสงวนไว้เป็นพิเศษอีกหลังหนึ่งด้วย
โม่เยว่ไปรับหยวนเป่ามาแล้วเรียบร้อย
ในตอนที่หยุนหว่านหนิงออกมา เขาก็กำลังถามโม่เฟยเฟยอยู่ว่า: "เจ้าจะกลับวังเอง หรือว่าจะให้ข้าไปส่งเจ้ากลับ?"
“ข้า ข้ากลับเองก็ได้!”
โม่เฟยเฟยลังเลอยู่ครู่หนึ่ง "ฟ้าใกล้มืดแล้ว! พวกพี่กลับไปก่อนเถอะ!"
โม่เยว่มองนางด้วยสายตาลึกล้ำ "กลับวังเร็วหน่อย ประตูวังใกล้จะลงดานแล้ว"
"ข้ารู้แล้วน่า!"
โม่เฟยเฟยโบกมือ มองส่งสามคนพ่อแม่ลูกจากไป
หลังออกจากประตูจวนตระกูลกู้ ได้เห็นโม่เยว่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวด เหมือนมีเรื่องกังวลในใจ หยุนหว่านหนิงก็อดถามไม่ได้ว่า "นี่เจ้าเป็นอะไรไปรึ?"
"ไม่ได้เป็นอะไร"
โม่เยว่ไม่เต็มใจที่จะพูด
หยุนหว่านหนิงขมวดคิ้ว "ไม่เป็นอะไรแล้วทำไมถึงดูกลุ้มใจนักล่ะ?"
“ข้าไม่เป็นไรหรอก”
หลังจากเข้าไปในรถม้าแล้ว โม่เยว่ก็เอามือท้าวคาง แสร้งทำเป็นงีบหลับไป
หยุนหว่านหนิงก็ไม่สะดวกที่จะถามต่อ จึงหันไปถามหยวนเป่าว่าวันนี้เขาได้เรียนรู้อะไรมาบ้าง
"ท่านแม่ วันนี้ท่านตาทวดสอนข้าให้ได้รู้ ว่าอะไรคือความหมายของคำว่า 'โกหกตาใส ๆ' !"
หยุนหว่านหนิงหัวเราะชอบใจ "ทำไมท่านตาทวดถึงสอนคำนี้ให้เจ้าล่ะ?"
“เพราะท่านตาทวดมีญาณหยั่งรู้ ท่านทำนายอนาคตได้ รู้ว่าคืนนี้พ่อเก๊จะ 'โกหกตาใส ๆ' ดังนั้นจึงตั้งใจสอนคำนี้ให้ข้าเป็นพิเศษ”
หยวนเป่าตอบอย่างฉะฉาน
"พรืด!"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์
นิยายสนุก แต่ช่วยมาลงต่อให้จบได้ไหมคะ...
อัพใหม่เถอะค่ะ...
เมื่อไรจะอัพเพิ่มคะ ฮือ รอนานมากแล้วววว...
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 353 - 430 หายไปไหน หายยาววววมากกกก...
รอตอนต่อไปจ้า...
สนุกดีอ่านแล้วขำ 555...