อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ นิยาย บท 329

“ซูเฟยเจ้าหมายความว่าอย่างไร?”

เต๋อเฟยไม่พอใจละ ไม่สนใจว่าฮองเฮาจ้าวยังอยู่ ก็เข้าไปผลักซูเฟยหนึ่งที

ซูเฟยไหนเลยจะคิดว่า นางจะพลันลงมือ?

รูปร่างตนผอมบางเพียงนี้

พอโดนเต๋อเฟยผลักแบบนี้ ก็ล้มลงไปนั่งกับพื้น

“เจ้า เจ้าทำได้อย่างไร? ราวกับเป็นแม่ค้าปากตลาด! เต๋อเฟย ถ้าเจ้าขอโทษข้าตอนนี้ ข้าจะไม่ถือสาการกระทำที่เหมือนแม่ค้าปากตลาดของเจ้า!”

ซูเฟยพูดอย่างหวั่นๆ

“แม่ค้าปากตลาด?”

เต๋อเฟยยิ้มเย็นบอก “ข้าให้เจ้าได้รู้ซึ้งสักครั้งดีหรือไม่ ว่าอะไรกันแน่ที่เรียกว่ากระทำที่เหมือนแม่ค้าปากตลาด?”

ซูเฟยมีหรือจะกล้า?!

นางเชื่อว่า เต๋อเฟยกล้าพูดแบบนี้ ก็ต้องกล้าทำแน่!

นางไม่กล้ารู้ซึ้ง เต๋อเฟยกลับจะให้นางรู้ซึ้งให้ได้!

“ใครก็ได้!”

นางหันไปกระซิบเสียงต่ำข้างหูนางกำนัลด้านหลัง

นางกำนัลก้มหน้าเดินออกไป

ซูเฟยมองนางอย่างหวาดหวั่น “เจ้า เจ้าคิดจะทำอะไร?”

“อีกเดี๋ยวเจ้าก็รู้แล้ว!”

เต๋อเฟยถลึงตาใส่นางอย่างโกรธขึ้ง “ซูเฟย เดิมข้าเพียงคิดว่าเจ้าโง่ พูดจาโผงผาง ไม่ถือสาหาความกับเจ้า! แต่ลูกสะใภ้ข้า ข้ารักของข้า!”

“ต่อไปหากเจ้ากล้าดูหมิ่นลูกสะใภ้ข้าอีก ข้าจะทำลายตำหนักเจ้าซะ!”

สมเป็นแม่ผัวลูกสะใภ้

วิธีจัดการเหมือนกันจริงๆ....

หยุนหว่านหนิงนั่งมือเท้าคางอยู่บนหลังคา มองภาพด้านล่างอย่างขบขัน

นั่นไง ตอนนี้ท่าทีของเต๋อเฟยที่มีต่อเธอเปลี่ยนไปมาก

ดูท่าจะเป็นความดีความชอบของโม่เยว่?

ฮองเฮาจ้าวกับซูเฟยทำหน้าเหมือนเห็นผี และมองดูเต๋อเฟยที่ปกป้องหยุนหว่านหนิงราวกับเป็นแม่ไกปกป้องลูกไก่ด้วยสีหน้าประหลาด

สตรีคนนี้โดนสับเปลี่ยนไปแล้วรึ?

ท่าทีที่มีต่อหยุนหว่านหนิงเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนราวฟ้ากับเหวเลย!

ไม่นานคนรับใช้ที่พึ่งออกไปก็กลับมา

ในอ้อมกอดเขามีแมวมาตัวหนึ่ง และจูงหมามาหนึ่งตัว... เต๋อเฟยส่งสายตาให้หลี่หมัวมัว หลี่หมัวมัวหมุนตัวเข้าตำหนัก และเทน้ำแกงที่ซูเฟยส่งมาลงพื้น

หลี่หมัวมัวติดตามเต๋อเฟยหลายปี มีหรือจะไม่รู้ว่าในใจพระนางคิดอะไร?

นางเทลงอย่างแรง น้ำแกงสาดกระจาย

ซูเฟยกระโดดถอยหลังพลางอุทานตกใจ “เต๋อเฟย! เจ้าทำอะไร!”

นางกำนัลปล่อยแมวและหมา แมวหมาได้กลิ่นหอมและเริ่มเลียน้ำแกงบนพื้น

แต่มีเพียงหมาตัวนี้ที่ก้มหน้าเลียอย่างมีความสุข แมวดมกลิ่นน้ำแกงเล็กน้อย จากนั้นร้องเมี๊ยว และกระโดดกลับขึ้นอ้อมกอดนางกำนัล

เห็นได้ชัดว่าไม่สนใจน้ำแกงนี้ หรือกระทั่งยังออกแนวรังเกียจอีกด้วย...

เต๋อเฟยยิ้มขบขันมองซูเฟย

“น้องซูเฟย เมื่อครู่เจ้าบอกมิใช่รึว่า ไม่ใช่หมาแมวอะไรจะมาทานน้ำแกงของเจ้าได้?” นางเดินนวยนาดมายืนหน้าซูเฟย “นี่ไง? หมาแมวกินอยู่นี่ไงมิใช่รึ?”

“ขนาดแมวยังรังเกียจน้ำแกงเจ้าเลยนี่! มีเพียงหมานี่...”

พูดยังไม่ทันจบ ก็ได้ยินเจ้าหมาร้องบ๊อกขึ้นมา จากนั้นก็ชักกระตุกล้มลงพื้น น้ำลายฟูมปาก

พอเห็นอย่างนั้น เต๋อเฟยสีหน้าเปลี่ยนทันที!

ฮองเฮาจ้าวถอยร่นไปข้างหลังทันที และมองไปทางซูเฟยด้วยสีหน้าตกตะลึง...แววตานางฉายแววลนลานอย่างเห็นได้ชัด จากนั้นร้องเรียกทันทีว่า “ใครก็ได้!”

“ยังไม่รีบโยนเจ้าหมานี่ออกไปอีก?!”

“ทำความสะอาดที่นี่ให้สะอาดซะ!”

น่าเสียดาย ที่นี่คือตำหนักหย่งโซ่ว

นางกำนัลในวังของเต๋อเฟยไม่ยอมให้นางสั่งงานได้โดยง่าย

ไม่มีใครฟังคำสั่งนางเลย

เต๋อเฟยได้สติกลับมาอย่างไว และถลึงตามองซูเฟยอย่างโกรธขึ้ง “ซูเฟย! เจ้าช่างบังอาจนักนะ! เจ้าวางยาพิษในน้ำแกงนี่ใช่ไหม?!”

ยังคิดจะทำลายหลักฐานอีก?!

“ใครก็ได้! ไปเชิญฝ่าบาทมาซะ!”

เต๋อเฟยฉับไว “ปิดประตูตำหนักหย่งโซ่ว! ห้ามมิให้ผู้ใดเข้าออกโดยเด็ดขาด!”

พอเห็นซูเฟยคิดจะออกไปด้วยสีหน้าลนลาน นางรีบคว้าตัวซูเฟยไว้ และตะคอกใส่นางกำนัลเสียงดังว่า “จับคนของซูเฟยทั้งหมดมัดรวมกันไว้!ไ

“เจ้า เจ้าทำอะไร ปล่อยข้านะ”

ซูเฟยดิ้นรน พยายามปัดมือเต๋อเฟยออกอย่างแรง

สถานการณ์สับสนยุ่งเหยิงไปหมด

หรูอวี้มองภาพด้านล่าง และถามหยุนหว่านหนิงว่า “พระชายา พวกเราจะลงไปดีหรือไม่?”

ลงไปตอนนี้ เต๋อเฟยเหนียงเหนียงคงจะไม่มีกะจิตกะใจลงโทษพระชายาแล้วกระมัง?

“ไม่ลง”

หยุนหว่านหนิงส่ายหัวน้อยๆ “ดูไปก่อนค่อยว่ากัน”

น้ำแกงบนพื้นนั่นต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่

ต่างว่ากันว่าสัตว์มีลางสังหรณ์ โดยเฉพาะแมว... แมวต้องได้กลิ่นไม่ชอบมาพากลจากในน้ำแกง ดังนั้นเลยไม่ยอมเลียกิน ส่วนเจ้าหมานั่นก็โง่ไปหน่อย!

หมาชักกระตุกอยู่บนพื้นหลายที จากนั้นก็ตัวแข็งทื่อไปเลย

บนพื้น มีฟองสีขาวเต็มพื้น

เซี่ยอี่วออกไปทูลเชิญโม่จงหรานที่ท้องพระโรงแล้ว ตำหนักหย่งโซ่วเองก็ปิดประตูแน่น

พอเห็นภาพยุ่งเหยิงเบื้องหน้า ฮองเฮาจ้าวคิดว่าหนีก่อนจะดีที่สุด

ไม่มีท่าทีสง่าเยี่ยงฮองเฮาเลยสักนิด

พูดตรงๆ นางกลัวตัวเองจะโดนหางเลขไปด้วย...

เพราะเมื่อครู่นางพึ่งจะหลุดจากการกักบริเวณ แม้แต่อำนาจในการดูแลวังหลังยังไม่ทันได้กลับมา ถ้าวันนี้เต๋อเฟยจะเล่นงานนาง คงลากนางลงไปได้ง่ายมาก!

ฮองเฮาจ้าวคิดในใจว่านางหลีกหนีก่อนน่าจะดีกว่า

แต่ประตูตำหนักหย่งโซ่วปิดแน่น นางก็ออกไปไม่ได้!

โม่จงหรานไม่มาสักที เต๋อเฟยกำลังถกเถียงกับซูเฟย

ฮองเฮาจ้าวยืนมองอยู่ข้างๆ ท่าทางดูเหมือนกำลัง ‘นั่งดูเสือสองตัวสู้กัน’

พอเห็นซูเฟยกับเต๋อเฟยเริ่มตบกัน หรูอวี้ถามอย่างร้อนใจว่า “พระชายา จะไม่ลงไปช่วยจริงรึ?”

“เมื่อครู่เต๋อเฟยเหนียงเหนียงยังปกป้องท่านอยู่เลย? ถ้าซูเฟยเหนียงเหนียงทำให้พระนางได้รับบาดเจ็บ พวกเราจะบอกกับท่านอ๋องอย่างไรเล่า?”

เขามองซูเฟยกับเต๋อเฟยอย่างร้อนรน

“ไม่ต้องรีบร้อน”

หยุนหว่านหนิงพูดอย่างใจเย็น “ซูเฟยสู้เสด็จแม่เต๋อเฟยไม่ได้หรอก”

เธอเห็นอย่างชัดเจน

เต๋อเฟยต้องมีประสบการณ์ทะเลาะวิวาทมามากพอดูเลย...

เมื่อครู่ตอนจับซูเฟย ซูเฟยข่วนใบหน้านางตอนที่ดิ้นรน

แต่กลับโดนเต๋อเฟยพลิกกลับดึงผมยาวไว้ ซูเฟยอุทานด้วยความเจ็บปวด และยังพยายามจะข่วนหน้าเต๋อเฟยให้ได้ เต๋อเฟยเล็งไปที่หลังเท้าของนาง และออกแรงเหยียบไปเต็มแรง

ซูเฟยร้องอย่างเจ็บปวด และยังคงพยายามจะข่วนใบหน้าเต๋อเฟยให้ได้!

“ดื้อดึงจริงๆเลย”

หยุนหว่านหนิงส่ายหัวรำพัน “วังหลังสาวงามนับพันของเสด็จพ่อ งามก็งามอยู่ แต่ไม่ค่อยมีสมองเท่าไหร่”

ถ้าไม่ใช่เพราะมีจวนเว่ยกั๋วกงให้ท้ายซูเฟย คงไม่รู้ว่าจะอยู่รอดมีชีวิตมาถึงตอนนี้ในวังหลังที่กินคนไม่เหลือซากอย่างนี้ได้ยังไง!

สถานการณ์อย่างนี้นางจะเปลี่ยนวิธีการต่อสู้หน่อยไม่ได้หรือไง?

ทั้งๆที่รู้ว่าข่วนไม่ถึงหน้าเต๋อเฟย โดนเต๋อเฟยตบจนร้องไห้แล้ว นางกลับยังพยายามจะไปข่วนหน้าเต๋อเฟยให้ได้อีก...

เละ เละจริงๆ!

หรูอวี้เองก็เห็นวี่แวว

เขานั่งลงข้างหยุนหว่านหนิง ดูอย่างสนุกสนาน “พระชายาท่านช่างมีสายตากว้างไกลจริงๆ! ดูซูเฟยเหนียงเหนียงตัวสูง แต่กลับไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเต๋อเฟยเหนียงเหนียงเลย!”

ทันใดนั้นฮองเฮาจ้าวส่งสายตาให้จางหมัวมัว

“เต๋อเฟย ซูเฟย หยุดเดี๋ยวนี้นะ! ฐานะสูงส่งของสี่สนม กลับมาทะเลาะวิวาทกันราวกับแม่ค้าปากตลาด ใช้ได้ที่ไหนกัน?!”

นางสั่งการจางหมัวมัว “จับแยก”

บอกว่าจับแยก แต่จางหมัวมัวจับชายเสื้อ ท่าทางดุดัน...

หยุนหว่านหนิงรู้ดี นางต้องหาโอกาสลงมือแน่!

หยุนหว่านหนิงตะคอกเสียงดังเต็มที่ “หยุดนะ!”

นางไม่มีแก่ใจไปสนใจว่าจะเปิดเผยตัวตนหรือเปล่าแล้ว รีบหยิบบันไดเชือกออกมาจากในช่องว่างยื่นให้หรูอวี้ “จับไว้ให้แน่น รีบวางข้าลงไปก่อน”

หรูอวี้พึ่งจับเชือก หยุนหว่านหนิงก็เตรียมจะลื่นไถลลงไปตามเชือก

ไหนเลยจะรู้ว่า พึ่งเดินไปถึงขอบหลังคา ก็ลื่นอีก...

หลายวันก่อนฝนตกมาก แถมยังตกติดต่อกันอีก บนหลังคามีตะไคร่น้ำขึ้นบางๆ

เลยลื่นมาก

เธอยังไม่ทันจับเชือกไว้มั่น ก็เอนตกลงไปทั้งตัว!

พอเห็นจะถึงพื้น เงาดำร่างหนึ่งปราดเข้ามาจากประตูพอดี!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์