ฮองเฮาจ้าวแทบสะอึก คิดอยากจะอุดปากหยุนหว่านหนิง “ฝ่าบาท เมื่อครู่หม่อมฉันเห็นพระองค์กริ้วนัก เกิดเรื่องอะไรขึ้นรึ?”
“จะมีเรื่องอะไรกันล่ะ?”
โม่จงหรานปรายตามองนางอย่างไม่พอใจ “วังหลังไม่สงบ ข้าจะสามารถจัดการงานราชการได้อย่างสบายใจได้อย่างไรกัน?!”
“แต่คำถามนี้ของฮองเฮาถามได้ดีมาก”
ฮองเฮาจ้าวหวาดหวั่นใจนัก
พอเห็นสีหน้าโม่จงหราน ไม่เหมือนจะสาดความโกรธใส่นาง
แต่พอฟังน้ำเสียงนี้ ดูไม่ชอบมาพากลนัก!
นางมองเขาอย่างระมัดระวัง “ฝ่าบาท...”
“ฮองเฮาในฐานะผู้นำตำหนักหลัง เรื่องเล็กน้อยพวกนี้กลับต้องให้ข้ามาจัดการด้วยตัวเอง! ดูท่าฮองเฮาอย่างเจ้านี่เป็นได้สบายเหลือเกินนะหา?”
โม่จงหรานมองนางเขม็ง
คราวนี้ฮองเฮาจ้าวแน่ใจละว่า โม่จงหรานกำลังระบายอารมณ์...
“ถ้าเป็นเรื่องในวังหลัง ยังต้องให้ข้ามาจัดการด้วยตัวเอง ข้าก็ไม่ต้องการฮองเฮาอย่างเจ้าแล้ว!” ระหว่างพูด โม่จงหรานมองดูจางหมัวมัวที่นอนสลบอยู่ที่พื้น ตะคอกเสียงต่ำว่า “เจ้าคนไม่ได้เรื่อง!”
ก็ไม่รู้ว่า พูดแบบนี้คือต่อว่าฮองเฮาจ้าวหรือด่าทอจางหมัวมัวกันแน่....
สรุปแล้ว สีหน้าฮองเฮาจ้าวแดงก่ำอย่างหนัก
ใบหน้านางแสบร้อน พูดอะไรไม่ออกชั่วขณะ
หยุนหว่านหนิงแอบยิ้มเย็น
ดูท่าจะไม่ต้องให้เธอช่วยพัดกระพรือไฟ วันนี้โม่จงหรานก็ไม่ยอมปล่อยฮองเฮาจ้าวไปง่ายๆแน่!
หันมองจางหมัวมัวที่ยังเหลือลมหายใจรวยริน และมองดูเต๋อเฟยที่โกรธจนหน้าเขียวปั๊ด หยุนหว่านหนิงขมวดคิ้วเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
ส่วนหมอหลวงหยางถือล่วมยาเข้ามาแล้ว
เมื่อครู่เขาถูกซูเฟยเรียกไปตรวจดูอาการบาดเจ็บ
เมื่อครู่ทำแผลให้ซูเฟย เหลียงเสี่ยวกงกงก็มาเชิญเขา บอกว่าฝ่าบาทให้หมอหลวงหยางมาที่ตำหนักหย่งโซ่ว เพื่อตรวจดูว่าน้ำแกงบนพื้นมียาพิษหรือไม่
พอซูเฟยได้ยินดังนั้น ก็ไม่ยอม จะตามหมอหลวงหยางมาด้วยให้ได้
ไหนเลยจะรู้ว่า เหลียงเสี่ยวกงกงกลับปรายตามองนางอย่างเย็นชา บอกว่าฝ่าบาทได้สั่งกักบริเวณนางและยกเลิกพระนาม กลายเป็นเว่ยเฟยแล้ว
ซูเฟยหายใจไม่ทันเป็นลมไป ตอนนี้ยังไม่ฟื้นเลย
หมอหลวงหยางถึงได้เข้ามาที่ตำหนักหย่งโซ่ว
เดิมเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องให้เขาออกหน้า เพราะมีหยุนหว่านหนิงอยู่ พิษอะไรก็ไม่อาจรอดพ้นดวงตาคู่นั้นของนางไปได้ดอก
ติดก็แต่จวนเว่ยกั๋วกง...
พอเห็นหมอหลวงหยางเหงื่อแตกเต็มหน้า โม่จงหรานก็เริ่มด่ากราดอีก “หมอหลวงหยาง ข้ารู้สึกว่าเจ้าควรตรวจอาการตัวเจ้าเองหน่อย! เป็นเพราะว่าอายุมากแล้ว เลยเดินเหินไม่สะดวกแล้วใช่ไหม?”
“ข้าให้คนไปเชิญ ต้องรอนานเพียงนี้?”
“เจ้าควรรักษาสองขาของเจ้าเองดูก่อนดีหรือไม่?”
หมอหลวงหยางสีหน้าตึงเครียด “ฝ่าบาท เมื่อครู่กระหม่อมถูกซู... เว่ยเฟยเหนียงเหนียงรั้งตัวไว้ กระหม่อมไม่อาจจากมาได้น่ะ!”
“มีเจ้าไว้มีประโยชน์อะไร?”
โม่จงหรานแค่นเสียงเย็นใส่ “นางรั้งเจ้าไว้ เจ้าไม่ตัดแขนนางขาดเสียล่ะ?”
“ชายอกสามศอกอย่างเจ้ายังไม่มีแรงมากเท่าสตรีผู้หนึ่งอย่างนางรึ?”
หมอหลวงหยางโกรธแต่ไม่กล้าพูด ได้แต่บอกว่า “กระหม่อมมิบังอาจ”
เขาไม่ใช่ฮ่องเต้สักหน่อย จะกล้าไปตัดแขนคนอื่นเอาดื้อๆได้ยังไงกัน?
โดยเฉพาะอีกฝ่ายเป็นสนมของฮ่องเต้ด้วย!
ต่อให้ไม่ใช่พระสนม ยี่สิบปีก่อนเขาเป็นชายอกสามศอกจริง...ตอนนี้เขาห้าสิบหกสิบเข้าไปแล้ว เป็นแค่ชายแก่อายุมากคนหนึ่งเท่านั้น
เขาร่างกายอ่อนแอ ร่างกายอ่อนแอนะ!
ประเภทที่โดนคนรังแกได้ง่ายที่สุดนั่นล่ะ!
“ข้าว่าเจ้าก็ไม่กล้าหรอก! เจ้าคนไม่ได้เรื่อง ข้าเห็นเจ้าก็โกรธแล้ว”
วันนี้โม่จงหรานเดือดดาลไม่น้อยเลย เจอใครก็ด่ากราด
หมอหลวงหยางก้มหน้าต่ำ ไม่กล้าย้อนอะไร
หยุนหว่านหนิงเห็นอย่างนั้น สบตากับเต๋อเฟย ก่อนโบ้ยปากใส่หมอหลวงหยาง “หมอหลวงหยาง มาดูตรงนี้หน่อยสิ ในน้ำแกงนี้มียาพิษหรือไม่”
ระหว่างพูด เธอลากโม่เยว่ย่อตัวลงด้วย “วันนี้เสด็จพ่อเป็นอะไรน่ะ?”
“เมื่อเช้ายังดีๆอยู่ไม่ใช่หรือไง? กินดินปืนมารึ?”
ในเวลาเดียวกัน เต๋อเฟยก็จูงโม่จงหรานเข้าตำหนักไป “ฝ่าบาท อากาศร้อนอบอ้าว มาดื่มชาสักถ้วยลดความร้อนดีกว่า”
เห็นหยุนหว่านหนิงช่วยเขาแก้สถานการณ์ สีหน้าหมอหลวงหยางเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง “ขอบพระทัยพระชายาหมิง!”
“ไม่หรอกไม่หรอก”
หยุนหว่านหนิงตบไหล่หมอหลวงหยางอย่างสนิทสนม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์
อัพใหม่เถอะค่ะ...
เมื่อไรจะอัพเพิ่มคะ ฮือ รอนานมากแล้วววว...
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 353 - 430 หายไปไหน หายยาววววมากกกก...
รอตอนต่อไปจ้า...
สนุกดีอ่านแล้วขำ 555...