พูดว่าเป็นการตีแสกหน้า จะให้แม่นยำหน่อย.....คือถูกน้ำเย็นหนึ่งอ่างสาดใส่หัว
เข้าฤดูใบไม้ร่วงแล้ว น้ำเย็นหนึ่งอ่างสาดลงมาบนหัวเช่นนี้ ทั่วทั้งตัวของหยุนหว่านหนิงเปียกปอนไปหมด นางยืนอยู่ท่ามกลางสายลมเย็น รู้สึกเพียงว่าหนาวเย็นเข้ากระดูก
นางปาดน้ำบนหน้าทิ้งไป แล้วเงยหน้ามองขึ้นไป
บนกำแพงสูง ไม่เห็นใครเลย
แต่ด้านหลังประตู เสียงของโม่เฟยเฟยดังมา “หยุนหว่านหนิง เจ้ามันคือตัวเรือดตัวหนึ่ง! ตัวเรือดที่ทำให้ข้าสะอิดสะเอียน และรังเกียจที่สุด!”
“วันนี้ เป็นการสั่งสอนเล็กน้อยที่ข้าให้แก่เจ้า!”
“เจ้าต้องรู้ว่า ตอนนั้นเรื่องเลวร้ายที่เจ้าทำกับข้า ก่อให้เกิดความเสียหายต่อข้ามากมายขนาดไหน!”
“รีบไสหัวไปเลย! ข้าไม่อยากให้ใบหน้าที่ทำให้คนสะอิดสะเอียนของเจ้าอีก!”
เสียง “คว้าง” ดังขึ้นมา เหมือนว่าโม่เฟยเฟยโยนอ่างน้ำทิ้งไป “วันหน้า หากข้าพบเจ้าอีกครั้ง น้ำที่ใช้สาดเจ้าจะเป็นน้ำมูลในถังอุจจาระ ไม่ใช่น้ำสะอาดแล้ว!”
โม่เฟยเฟย เกลียดชังนางมากจริงๆ
หยุนหว่านหนิงตัวสั่นขึ้นมา
คนรับใช้ในวังเห็นดังนั้น รีบก้มหน้าเดินจากไปไกล
เดินไปไกลมากแล้ว ถึงได้หันกลับมามองอย่างระมัดระวัง เห็นเพียงนางยังยืนอยู่ท่ามกลางลมหนาว ไม่มีเจตนาจะจากไป
หยุนหว่านหนิงหนาวมาก
แต่นางไม่ใช่พวกที่ชอบทำร้ายตัวเอง ไม่ยืนอยู่ตรงนี้อย่างเปียกปอนตลอด เพื่อที่จะแสดงความจริงใจของตัวเอง ให้คนหัวเราะเยาะหรอก
หากเป็นหวัดไป หยวนเป่าก็จะเป็นห่วงอีก
หวังเพียงว่า ตอนนี้ในช่องว่างจะมีเสื้อผ้าสะอาดให้ชุดหนึ่งก็ดี
ความคิดนี้เพิ่งจะโผล่ขึ้นมา ภายในช่องว่างก็มีเสื้อผ้าที่สะอาดปรากฏขึ้นมาชุดหนึ่งจริงๆ
หยุนหว่านหนิงดีใจมากในทันที โล่งอกไปเปลาะหนึ่ง
นางมองไปรอบๆ รีบหลบเข้าไปในตำหนักด้านข้างที่อยู่ไม่ไกลออกไป เปลี่ยนเสื้อผ้าที่เปียกทั้งชุดออก
เสียดายที่นี่ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีไดร์เป่าผม......กำลังคิดอยู่ ภายในช่องว่างก็ไดร์เป่าผมวางอยู่เงียบๆ ดูแล้วกำลังวัตต์ยังไม่น้อย
“ไฟฟ้าก็ไม่มี มีไดร์เป่าผมแล้วจะมีประโยชน์อะไร?”
ครั้งนี้ ช่องว่างไม่มีปฏิกิริยา
“ดูท่า ก็ไม่ใช่จะทำได้ทุกอย่างนิ! หากสามารถเอาไฟฟ้ามาให้ข้าได้ นั่นถึงจะเรียกว่ายอดเยี่ยม”
หยุนหว่านหนิงบ่นออกมาคำหนึ่ง
ทันทีที่เสียงหยุดลง ไดร์เป่าผมหายไปแล้ว ถูกแทนที่ด้วยผ้าเช็ดหน้าที่สะอาดผืนหนึ่ง
นางได้แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมา เช็ดผมให้แห้งอย่างสิ้นเปลืองกำลัง
ครึ่งชั่วยามต่อมา นางก็ปรากฏตัวด้านนอกของตำหนักเว่ยหยางอีกครั้ง
โม่เฟยเฟยได้ยินบ่าวรับใช้มารายงาน ก็มาที่หน้าประตูด้วยความโกรธเคือง มองพิจารณานางจากรอยแยกของประตู เห็นนางมาอีกแล้ว ก็ยิ้มเย้ยหยันออกมา “ทำไม? เจ้าอยากจะชิมรสชาติของน้ำมูลดูงั้นหรือ?”
“องค์หญิงเก้า ข้ามีเรื่องจะคุยกับท่าน”
หยุนหว่านหนิงสีหน้าสงบนิ่ง “หวังว่าท่านจะพบข้าสักครั้ง ให้ข้าได้พูดให้ชัดเจน”
“เจ้าอยากพบ ข้าก็ต้องพบเจ้าหรือ? เจ้าถือเป็นตัวอะไร?”
โม่เฟยเฟยด่าออกอย่างไม่เกรงใจแม้แต่น้อย “หยุนหว่านหนิงข้าขอบอกเจ้าเอาไว้เลย ถึงแม้พี่เจ็ดจะยกเลิกการกักบริเวณเจ้าแล้ว แต่สำหรับข้าแล้ว เจ้าก็ยังคงเป็นนังแพศยาคนหนึ่ง!”
องค์หญิงเก้าท่านนี้ อายุไม่เยอะ แต่อารมณ์กลับร้ายไม่เบา
เวลาด่าคนขึ้นมา สำนวนการพูดเป็นชุดๆ
หยุนหว่านหนิงกลอกตามองบน “เจ้ารู้จักนิสัยของพี่เจ็ดเจ้าดี”
“ในเมื่อเขายกเลิกการกักบริเวณของข้า เจ้าก็น่าจะรู้ว่า เขาเชื่อในความบริสุทธิ์ของข้า ข้าเข้าวังก็เพราะต้องการจะอธิบาย เหตุการณ์เมื่อสี่ปีก่อนเท่านั้น”
ทันทีที่ได้ยินคำพูดนี้ โม่เฟยเฟยก็ยิ่งโมโหขึ้นมา
“เจ้ายังกล้าเอ่ยถึงเรื่องเมื่อสี่ปีก่อนอีก!”
เสียงของนางแหลมคม “เจ้าไสหัวออกไป! ไสหัวออกไปเลย!”
อาจเป็นเพราะว่าโกรธมากเกินไป นำไปสู่ไฟโกรธจู่โจมหัวใจเฉียบพลัน โม่เฟยเฟยหมดสติไปโดยตรง
ข้างในมีเสียงตื่นตระหนกของบรรดาคนรับใช้ในวังดังมา “องค์หญิง องค์หญิง......”
“องค์หญิงเก้าเป็นอะไรไป?”
หยุนหว่านหนิงดึงรอยแยกของประตูแล้วมองเข้าไปข้างใน เห็นเพียงโม่เฟยเฟยล้มอยู่บนพื้น คนรับใช้ในวังสองสามคนช่วยกันยกนางคนละไม้คนละมือ ไม่มีใครตอบคำถามของนาง
“ข้าสามารถช่วยนางได้!”
“ฝังเข็ม?”
นางกำนัลที่เป็นผู้นำ ก็คือนางกำนัลคนสนิทที่ปรนนิบัติรับใช้ประจำตัวข้างกายของโม่เฟยเฟย มู่ลี่
นางขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อหยุนหว่านหนิง “พระชายาหมิง ไม่ว่าท่านจะมีเจตนาดีก็ดี หรือมีจุดประสงค์อื่นก็ช่าง บ่าวขอแนะนำท่านว่า อย่ามีความคิดที่ไม่ควรจะมี”
“ที่คือวังหลวง! ฮ่องเต้กับเต๋อเฟยเหนียงเหนียง จะมาที่นี่ในไม่ช้า”
ความหมายนี้ คือกลัวว่าหยุนหว่านหนิงจะทำอะไรโม่เฟยเฟยอีก
แสดงให้เห็นว่า ร่างเดิมน่ารังเกียจมากแค่ไหน!
หยุนหว่านหนิงกระแอมไอเบาๆ “หากพวกเจ้าไม่เชื่อใจข้า ก็รีบไปเชิญหมอหลวงมาทันทีเถอะ เพียงแต่ว่า สถานการณ์ขององค์หญิงเก้าในตอนนี้ ต้องรีบตื่นมาโดยเร็ว”
“มิเช่นนั้น จะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ”
นางจงใจพูดให้สถานการณ์ของโม่เฟยเฟยร้ายแรง
นางกำนัลทั้งหลายมองหน้ากันไปมา สุดท้ายมู่ลี่ถึงได้ตัดสินใจ “ท่านรับประกัน จะไม่ทำอะไรองค์หญิงของเรา?”
“ข้ารับประกัน!”
หยุนหว่านหนิงชูนิ้วมือขึ้นมาสองสามนิ้ว “หากว่าข้าทำอะไรนาง อย่าว่าแต่วันนี้ข้าไม่สามารถออกจากประตูตำหนักนี้เลย ถึงแม้จะออกไปได้ พวกเจ้าคิดว่าท่านอ๋องจะปล่อยข้าไปหรือ?”
ท่าทีของนาง ต่ำต้อยด้อยค่ามากแล้ว
พระชายาที่ทำถึงขนาดนี้ เกรงว่านางน่าจะเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์เลยใช่ไหม?
หยุนหว่านหนิงยิ้มอย่างเยาะเย้ยตัวเอง
รู้ว่าที่นางพูดมีเหตุผล มู่ลี่ถึงได้แสดงออกว่าให้นางฝังเข็ม
นางกำนัลทั้งหลายยืนอยู่ด้านข้าง จ้องมองการกระทำของนางอย่างดุเดือด เหมือนกับว่านางกล้าทำอะไรโม่เฟยเฟย พวกนางก็จะพร้อมใจกันเข้ามา บีบคอนางให้ตายในนาทีแรกเลย
โชคดีที่ หลังจากที่ฝังเข็มแล้วไม่นานโม่เฟยเฟยก็ตื่นมา
เห็นว่าเป็นหยุนหว่านหนิง สีหน้าท่าทางของนางดุดันทันที เมื่อเห็นว่านางกำลังจะโกรธขึ้นมาอีกแล้ว
หยุนหว่านหนิงรีบกล่าวว่า “องค์หญิงเก้า ท่านรู้หรือไม่ว่าคนที่ทำร้ายท่านเมื่อสี่ปีก่อน คือใครกันแน่?”
สีหน้าของโม่เฟยเฟยแข็งทื่อทันที “นอกจากเจ้าแล้ว ยังจะมีใครได้อีก!”
นางขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโกรธเคือง ใบหน้าเล็กก็บิดเบี้ยวไปแล้ว ตะโกนออกมาด้วยความโกรธ “พวกไม่เอาไหนอย่างพวกเจ้า ยังนิ่งกันอยู่ทำไม? ลากตัวนางออกไป ตัดหัวซะ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์
นิยายสนุก แต่ช่วยมาลงต่อให้จบได้ไหมคะ...
อัพใหม่เถอะค่ะ...
เมื่อไรจะอัพเพิ่มคะ ฮือ รอนานมากแล้วววว...
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 353 - 430 หายไปไหน หายยาววววมากกกก...
รอตอนต่อไปจ้า...
สนุกดีอ่านแล้วขำ 555...