อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ นิยาย บท 447

“เมื่อคืน”

โจวหยิงหยิงพูดขึ้นอย่างมีลับลมคมในว่า “เสด็จแม่ที่เป็นใบ้อยู่หลายเดือน จู่ๆก็สามารถพูดได้แล้ว”

“อ๋า?”

หยุนหว่านหนิงตกตะลึง

ฮองเฮาจ้าวจู่ๆก็สามารถพูดได้?

ก่อนหน้านี้นางวางยาพิษให้นางเป็นใบ้ไปแล้วไม่ใช่หรือ?

“แต่ก็แค่ครึ่งชั่วโมงเอง”

โจวหยิงหยิงพูดขึ้นด้วยเสียงต่ำว่า “ตอนนั้น เสด็จพ่อไปยังตำหนักคุนหนิงพอดี คนของตำหนักคุนหนิงมาตามเสด็จไปหลายครั้ง บอกว่าเสด็จแม่อาการหนัก”

“ไม่มีใครรู้ว่าทำไม อยู่ดีๆนางก็ล้มป่วย”

นางพูดขึ้นด้วยสีหน้าเหยียดหยามว่า “อาจเป็นเพราะเหตุว่าเสด็จแม่เต๋อเฟยล้มป่วย เสด็จพ่ออยู่ดูแลตลอด เสด็จแม่จึงไม่พอใจ ใช้วิธีนี้มาเพื่อแย่งความรัก?”

“เสด็จพ่อเพิ่งเข้าไป ก็ได้ยินนางพูดได้พอดี”

“เดี๋ยวก่อน”

หยุนหว่านหนิงรินน้ำชาให้ตนเองหนึ่งแก้ว แล้วก็รินน้ำชาให้กับโจวหยิงหยิง ยกแก้วน้ำชาขึ้นมาพร้อมบอกให้เล่าต่อ

เรื่องนี้แปลกประหลาดจริงๆ หยุนหว่านหนิงไม่อยากพลาดสักคำ

“เสด็จแม่เปิดปากพูด บอกว่าครั้งนี้ที่หยวนเป่าถูกลักพาตัว เป็นฝีมือของโม่หุยเฟิง.....”

โจวหยิงหยิงขมวดคิ้วย่น

ตอนที่โม่เยว่กับหยุนหว่านหนิงสืบรู้ว่าเป็นฝีมือโม่หุยเฟิง พวกเขาไม่ได้บอกโม่จงหรานเป็นอันดับแรก เพราะโม่ฮั่นอี่ว์กับโจวหยิงหยิง ก็ไม่รู้ว่าเป็นฝีมือโม่หุยเฟิง

เกี่ยวกับเรื่องที่ฮองเฮาจ้าวเปิดปากพูด โจวหยิงหยิงเห็นเป็นเหมือนเรื่องเล่า

เพราะเรื่องนี้ มีเพียงโม่จงหราน ซูปิ่งซ่าน ตลอดจนคนของตำหนักคุนหนิงเท่านั้นที่รู้

ตอนที่รู้มาถึงหูโจวหยิงหยิง นางก็ไม่กล้ามั่นใจว่าเป็นเรื่องจริงหรือเท็จ

เพราะนางไม่กล้าหาญเหมือนอย่างหยุนหว่านหนิง ไม่กล้าบุกเข้าวังเพื่อไปถามโม่จงหราน

เมื่อกี้อยู่ด้านนอกประตู นางถามว่าใครเป็นคนลักพาตัวหยวนเป่า ได้ยินว่าเป็นโม่หุยเฟิง.....ดังนั้นจึงคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในวังเมื่อวาน แล้วรีบเล่าให้หยุนหว่านหนิงฟัง

“หลังจากนั้นล่ะ?”

หยุนหว่านหนิงก็ถามขึ้นว่า

“ข้าก็ไม่รู้ว่าเสด็จพ่อจัดการเสด็จแม่ยังไง แต่ตอนนี้เสด็จแม่ก็พูดไม่ได้อีกแล้ว น่าแปลกมากเลย เสด็จพ่อยังคิดว่าผีหลอก”

โจวหยิงหยิงพูดด้วยเสียงประหลาดใจว่า “เจ้าว่า เทพเจ้าก็ทนดูไม่ไหวแล้วหรือเปล่า”

“ดังนั้นจึงให้เสด็จแม่พูดได้ สารภาพลูกชายของตนเองออกมา?”

หยุนหว่านหนิง “……”

ที่ผ่านมานางไม่เคยเชื่อเรื่องผีสางเทวดา

นับตั้งแต่ข้ามภพมาถึงที่นี่ แล้วก็ได้รู้จักซ่งจื่ออวี๋กับเสวียนซันเซียนเซิง สำหรับผีสางเทวดานั้นหวาดกลัวจากใจจริง

“มีความเป็นไปได้”

นางพยักหัว

ในหัวสมองกลับอดไม่ได้ที่จะคิดว่า ก่อนหน้านี้ตอนที่หยวนเป่าอยู่ในโรงเตี๊ยมเมืองเซียง ก็บอกว่าคนที่คอยปกป้องเขามาตลอดทางก็คือซ่งจื่ออวี๋.....งั้นครั้งนี้ที่ฮองเฮาจ้าวพูดขึ้นมาได้อย่างกะทันหัน เป็นฝีมือซ่งจื่ออวี๋ด้วยหรือเปล่า?

นอกจากเขาแล้ว ยังจะมีใครเก่งกาจขนาดนี้

แอบเดาไปเองจะเอามายืนยันจริงไม่ได้

หยุนหว่านหนิงทานอาหารค่ำไปอย่างเหม่อลอย จนเมื่อโม่ฮั่นอี่ว์กับโจวหยิงหยิงกลับไปแล้ว นางค่อยปรึกษากับโม่เยว่ว่า จะไปหาซ่งจื่ออวี๋ไหม

“ข้ามักรู้สึกว่า เรื่องนี้แปลกประหลาด”

นางพูดขึ้นด้วยเสียงเย็นชาว่า “เสียงของเสด็จแม่ ข้าวางยาพิษด้วยตนเอง”

“จู่ๆก็สามารถพูดได้ แล้วก็เสียงหายไปอีก.....”

นางมองดูโม่เยว่แวบหนึ่ง แววตาแฝงไปด้วยความหมายไม่ชัดเจน

โม่เยว่พยักหัวอย่างครุ่นคิด พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าเข้าใจความหมายของเจ้า”

แต่ โม่จงหรานก็อดทนได้ดีมาก

วันนี้ได้เจอหยุนหว่านหนิง ก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้ และก็ไม่ได้ให้นางไปดูฮองเฮาจ้าว เห็นทีคำพูดของโม่เยว่ประโยคนั้นใช้ได้ผล

โม่เยว่บอกว่าหยุนหว่านหนิงเดินทางมาอย่างเหน็ดเหนื่อย ร่างกายอ่อนล้าจนอาจทนไม่ไหว

ดังนั้น โม่จงหรานจึงทนเก็บความสงสัยไว้ ไม่ได้พูดเรื่องนี้ต่อหน้าหยุนหว่านหนิง

หากเดาไม่ผิด พรุ่งนี้ก็จะพูดเรื่องนี้กับนาง

“เรื่องนี้ฟังดูแล้วก็น่าแปลกจริงๆ”

โม่เยว่มองดูหยวนเป่าที่กำลังพูดคุยอยู่กับหรูอวี้ พร้อมพูดขึ้นว่า “แต่ข้าคิดว่า ไปยังตำหนักคุนหนิงก่อนจะดีกว่า”

ซ่งจื่ออวี๋ปกป้องหยวนเป่า เขาก็ซาบซึ้งใจ

แต่ซ่งจื่ออวี๋สำหรับเขานั้น.....

เป็นศัตรูความรัก

ถึงซ่งจื่ออวี๋จะไม่เคยพูด แต่สายตาเขาที่มองดูหยุนหว่านหนิง แฝงไปด้วยความรู้สึกเป็นนัย

โม่เยว่ไม่ใช่คนตาบอด และก็ไม่ใช่คนโง่

เข้าใจอยู่แล้วว่า ซ่งจื่ออวี๋มีความรู้สึกต่อหยุนหว่านหนิงอย่างไร......

เขาเคยเห็น สายตาซ่งจื่ออวี๋ที่แอบมองหยุนหว่านหนิง ราวกับความรู้สึกนับพันปี ที่ต้องทุกข์ทรมานและอดทนไว้

เขากลัว กลัวระหว่างซ่งจื่ออวี๋กับหยุนหว่านหนิง มีอะไรที่บอกใครไม่ได้

โม่เยว่รู้สึกค่อนข้างกดดัน

สิ่งของบนโลกนี้สำหรับเขา มีเพียงสองอย่าง

อย่างแรกคือ สิ่งที่อยากได้ ยื่นมือไปก็ได้มา

อย่างที่สองคือ สิ่งที่ไม่อยากได้ ทอดทิ้งอย่างไม่ไยดี

แต่หยุนหว่านหนิง……

เขาไม่มีความมั่นใจเลย

เขาไม่กล้าทำให้หยุนหว่านหนิงโกรธ มีเพียงอย่างเดียวที่สามารถทำได้ก็คือห้ามไม่ให้นางได้เจอกับซ่งจื่ออวี๋

“ต่อให้จะไปหาซ่งจื่ออวี๋ ร่างกายของเจ้าก็ยังไม่หายดี ตลอดที่เดินทางกลับมานั้นเหน็ดเหนื่อย ควรที่จะพักผ่อนให้มากๆ ข้าไปหาซ่งจื่ออวี๋ก็พอ”

โม่เยว่พูดขึ้นด้วยเสียงเข้ม

หยุนหว่านหนิงไม่รู้ว่าในใจเขาคิดอะไรอยู่

ได้ยินเขาพูดแบบนี้ ก็พูดขึ้นมาอย่างดีใจว่า “เจ้าไปหาซ่งจื่ออวี๋?”

“เจ้ามีปัญหาหรือ?”

โม่เยว่เลิกคิ้ว

“ข้าจะกล้าหรือ?”

หยุนหว่านหนิงหัวเราะ พร้อมพูดขึ้นว่า “ลูกก็พูดแล้ว เขายอมให้ลุงซ่งเป็นพ่อของเขา เจ้าไปหาซ่งจื่ออวี๋ มั่นใจว่าจะไม่ยกกำปั้นทักทายคนอื่นเพราะความอิจฉา?”

โม่เยว่ “......ข้าเป็นคนไม่มีเหตุผลขนาดนั้นหรือ?”

“ใช่ ถูกต้องมากเลย”

หยุนหว่านหนิงพูดขึ้นอย่างไม่ลังเลว่า “เจ้าเป็นคนยังไง เจ้าไม่รู้ตัวหรือ?”

เอาแต่ใจเผด็จการ มีบางครั้งก็ไม่มีเหตุผล

โม่เยว่เป็นสำเนาของเต๋อเฟยแท้

โม่เยว่ “.....ข้าแย่ขนาดนั้นเลยหรือ?”

“ขนาดนั้นเลย”

หยุนหว่านหนิงไม่ไว้หน้าเลยสักนิด

โชคดีที่ตอนนี้ในห้องโถงมีเพียงพวกเขาสองคน หรูอวี้พาหยวนเป่าออกไปเล่นแล้ว ไม่อย่างนั้นหน้าของโม่เยว่คงต้องอับอายแน่

โม่เยว่ไอ พร้อมเปลี่ยนเรื่องพูดว่า “งั้นเจ้าเตรียมที่จะไปหาซ่งจื่ออวี๋ด้วยตนเอง?”

“อืม”

หยุนหว่านหนิงพูดตอบ

นางเหลือบมองดูโม่เยว่แวบหนึ่ง เห็นท่าทีเขาเศร้าหมอง ก็รู้ว่าในใจผู้ชายคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่

เพื่อไม่ให้เขามาทำลายแผน หยุนหว่านหนิงยิ้มหัวเราะ พร้อมพูดขึ้นว่า “แต่ข้าเตรียมที่จะพาเจ้ากับหยวนเป่าไปกับข้าด้วย”

ให้โม่เยว่อยู่ภายใต้สายตาของนาง สามารถได้เห็นทุกการเคลื่อนไหวของเขา นางค่อยวางใจ

“ดี”

ครั้งนี้ โม่เยว่ไม่ลังเลอะไรแล้ว

เขาพาลูกเมียไปหาซ่งจื่ออวี๋ ไม่เท่ากับเป็นการประกาศความเป็นเจ้าของหรือ?

คนโง่สิที่จะไม่ตกลง

ในขณะที่ยังไม่มืดค่ำ โม่เยว่สั่งหรูเยียนเตรียมรถม้ากับของขวัญ สามคนทั้งครอบครัวพากันไปยังจวนซ่ง

หยุนหว่านหนิงจะไม่รู้ได้ยังไง โม่เยว่เตรียมของขวัญเยอะขนาดนี้ เพราะตั้งใจที่จะขีดเส้นตัดขาดจากซ่งจื่ออวี๋

นางจนใจ แต่ก็ไม่ได้ห้าม

นางคิดถึงตอนนั้น คำพูดที่ซ่งจื่ออวี๋พูดกับนางพวกนั้น....

เขาเรียกนางว่า “หนิงหนิง”

ไม่รู้ว่าเคยมีความหลังกับเขายังไง แต่ตอนนี้ลูกสาวนางโตขนาดนี้แล้ว ไม่ว่าสามีจะดีร้ายอย่างไร ภรรยาก็ต้องคล้อยตามสามี เชื่อฟังสามี นางแต่งงานกับโม่เยว่แล้ว ยังไงก็ต้องใช้ชีวิตคู่กันไปตลอดชีวิต

ซ่งจื่ออวี๋ดีขนาดนี้

คนอย่างนาง ไม่คู่ควรกับเขา เดี๋ยวจะทำให้เขาปนเปื้อน

กำลังคิดอยู่อย่างเหม่อลอย รถม้าก็วิ่งมาจอดตรงข้างประตูจวนซ่ง

บ่างใช้ต้อนรับพวกเขาไปยังห้องโถงอย่างเคารพนับถือ

เดิมคิดว่าในห้องโถงจะมีเพียงซ่งจื่ออวี๋คนเดียว ที่ไหนได้ หยุนหว่านหนิงยังเห็นอีกคน คนใหญ่คนโตที่นางก็คาดไม่ถึง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์