“ท่านอ๋องของเจ้าก็มีความเกี่ยวข้องกับเจ้าสาม?”
โม่หุยเหยียนพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจังว่า “หยุนหว่านหนิง เจ้าบังอาจมาก”
“เจ้าสามเป็นถึงโอรสของเสด็จพ่อ เจ้าพูดจาแบบนี้ เท่ากับเป็นการสาปแช่งเสด็จพ่อด้วยหรือ?”
โม่หุยเหยียนรู้สึกตื่นเต้น
ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาล้วนอยากแก้แค้นหยุนหว่านหนิง
จนใจที่ผู้หญิงคนนี้ไม่เพียงเจ้าเล่ห์เพทุบาย ยังพูดจาไม่มีเหตุผลอย่างหน้าตาย ทุกครั้งเขายังไม่ทันได้มีโอกาสแก้แค้น ก็ถูกนางพูดจนโกรธโมโหแทบตาย
วันนี้เขาได้มีโอกาสเสียที
เวรกรรมตามสนอง กฎแห่งกรรมไม่ยกเว้นใครเลยจริงๆ
โม่หุยเหยียนอยากตะโกนหัวเราะดังๆ แต่ก็อดกลั้นไว้อย่างยากลำบาก
“อ๋องฉู่พูดแบบนี้ไม่ถูก”
หยุนหว่านหนิงยื่นมือโบก พร้อมพูดขึ้นว่า “ถึงโม่หุยเฟิงจะเป็นโอรสของเสด็จพ่อกับเสด็จแม่ แต่เมื่อนับดูแล้วเสด็จพ่อแค่ให้ลูกอ๊อดเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้นเอง”
“ส่วนเสด็จแม่ อุ้มท้องสิบเดือน เลี้ยงดูมานานหลายปี”
โม่หุยเหยียนยังฟังไม่เข้าใจว่า ‘ลูกอ๊อดเพียงไม่กี่ตัว’ หมายความว่าอย่างไร
คำพูดของหยุนหว่านหนิงต่อจากนี้ ทำให้เขาโกรธแทบตายแล้ว
“ถึงท่านอ๋องของข้าจะเป็นน้องชายของโม่หุยเฟิง แต่เสด็จแม่เต๋ยเฟยเป็นคนคลอด ไม่เหมือนอ๋องฉู่ มีแม่คนเดียวกันกับโม่หุยเฟิง อยู่ใน‘ครรภ์’อันเดียวกัน”
นางยกมือกอดอก แสดงท่าทีสะใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “พวกเจ้าสองพี่น้อง ใกล้ชิดกันมาก”
“หากจะไม่ได้ตายดี อ๋องฉู่ก็ต้องรับไปก่อน?”
น่าขำ
โม่หุยเหยียนคิดอยากเถียงกับนาง?
กลับไปเป็นลูกอ๊อดอยู่ในครรภ์สิบเดือน ฝึกฝีปากให้เก่งก่อน แล้วค่อยคิดที่จะมาทะเลาะกับนาง
และแล้ว โม่หุยเหยียนโกรธโมโหจนสีหน้าแดงก่ำ พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้า เจ้ากำลังสาปแช่งให้ข้าไม่ได้ตายดีหรือ?”
“ใช่ ข้าพูดชัดเจนขนาดนี้แล้ว อ๋องฉู่ยังฟังไม่เข้าใจหรือ? เห็นทีช่วงนี้สุขภาพอ๋องฉู่ไม่ค่อยดี สมองเลยเสื่อมสภาพไปด้วย กลับไปเป็นลูกอ๊อดเถอะ”
หยุนหว่านหนิงยิ้มเย้ย
โม่หุยเหยียนโกรธโมโหจนแน่นหน้าอก
เขารู้ว่าเถียงหยุนหว่านหนิงไม่ไหว จึงหันไปพูดกับโม่เยว่ว่า “เจ้าเจ็ด”
“เจ้าให้ท้ายผู้หญิงของเจ้าเหิมเกริมขนาดนี้หรือ? เจ้าไม่คิดที่จะพูดอะไรบ้างหรือ?”
เขากำลังพูดว่าโม่เยว่ ว่ากล่าวตักเตือนหยุนหว่านหนิงบ้าง
ที่ไหนได้ โม่เยว่ขมวดคิ้ว พร้อมพูดขึ้นว่า “หนิงเอ๋อร์ ทำได้ดีมาก?”
โม่หุยเหยียน “เจ้า.....”
สองสามีภรรยาคู่นี้ ตั้งใจร่วมมือกันเพื่อให้โกรธตายแน่
ไม่เพียงเท่านี้ หยวนเป่าก็เริ่มปรบมือให้
เขาหน้าดวงตาเป็นประกายมองดูหยุนหว่านหนิง พร้อมพูดขึ้นว่า “ท่านแม่ ท่านพ่อบอกว่าข้าต้องเรียนรู้จากท่านแม่ให้มากๆ อะไรคือพูดคล่องโน้มน้าวจิตใจเก่ง ใช้วาจาเอาชนะเหล่านักปราชญ์ผู้รู้”
“วันนี้ข้ารู้แล้ว”
โม่หุยเหยียน “.........”
เพียงทิ่มแทงใจตรงไหน?
ราวกับลูกศรนับพันเล่มทิ่มแทงทะลุหัวใจต่างหาก
“ลูกชายแม่”
หยุนหว่านหนิงคุกเข่าลง พร้อมพูดขึ้นอย่างยิ้มแย้มว่า “ใช้วาจาเอาชนะเหล่านักปราชญ์ผู้รู้ ไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ตอนนี้ อย่างพวกท่านปู่ทวดของเจ้า ถึงสามารถเรียกได้ว่าเป็นนักปราชญ์”
“งั้นท่านลุงใหญ่ล่ะ?”
หยวนเป่ามองดูโม่หุยเหยียนแวบหนึ่ง พร้อมพูดขึ้นว่า “อยากรู้อย่างถ่อมตน”
“ท่านลุงใหญ่ของเจ้า?”
หยุนหว่านหนิงแลดูค่อนข้างลำบากใจ ยกมือเท้าคางพร้อมพูดขึ้นว่า “ถกเถียงกับท่านลุงใหญ่ของเจ้า เรียกว่าเป็นสงครามลิ้นไร้ยางอาย”
“ดังนั้นท่านลุงใหญ่เป็นผู้ชายไร้ยางอายหรือ?”
“ประมาณนั้น”
สองแม่ลูกถามตอบกัน หรูอวี้กับโม่เยว่ทำหน้าที่ปรบมือให้
โม่หุยเหยียนที่อยู่ด้านข้าง โกรธโมโหจนแทบหงายหลัง.....
“ทหาร”
หยุนหว่านหนิงร้องเรียกขันทีที่อยู่ไม่ไกลว่า “ดูเหมือนอ๋องฉู่จะไม่ค่อยสบาย รีบส่งตัวไปยังโรงหมอหลวง ให้หมอหลวงหยางช่วยตรวจดูอาการ”
ขันทีน้อยรีบวิ่งมาหา พร้อมประคองโม่หุยเหยียนจากไป
เดิมโม่หุยเหยียนไม่อยากที่จะจากไปแบบนี้
แต่หากตอนนี้ไม่ยอมไป เกรงว่าเดี๋ยวคงจะถูกหยุนหว่านหนิงทำให้โกรธจนตาย
ดังนั้นเขาจึงยกมือกุมหน้าอกแล้วหนีจากไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์
อัพใหม่เถอะค่ะ...
เมื่อไรจะอัพเพิ่มคะ ฮือ รอนานมากแล้วววว...
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 353 - 430 หายไปไหน หายยาววววมากกกก...
รอตอนต่อไปจ้า...
สนุกดีอ่านแล้วขำ 555...