อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ นิยาย บท 456

“ท่านอ๋องของเจ้าก็มีความเกี่ยวข้องกับเจ้าสาม?”

โม่หุยเหยียนพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจังว่า “หยุนหว่านหนิง เจ้าบังอาจมาก”

“เจ้าสามเป็นถึงโอรสของเสด็จพ่อ เจ้าพูดจาแบบนี้ เท่ากับเป็นการสาปแช่งเสด็จพ่อด้วยหรือ?”

โม่หุยเหยียนรู้สึกตื่นเต้น

ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาล้วนอยากแก้แค้นหยุนหว่านหนิง

จนใจที่ผู้หญิงคนนี้ไม่เพียงเจ้าเล่ห์เพทุบาย ยังพูดจาไม่มีเหตุผลอย่างหน้าตาย ทุกครั้งเขายังไม่ทันได้มีโอกาสแก้แค้น ก็ถูกนางพูดจนโกรธโมโหแทบตาย

วันนี้เขาได้มีโอกาสเสียที

เวรกรรมตามสนอง กฎแห่งกรรมไม่ยกเว้นใครเลยจริงๆ

โม่หุยเหยียนอยากตะโกนหัวเราะดังๆ แต่ก็อดกลั้นไว้อย่างยากลำบาก

“อ๋องฉู่พูดแบบนี้ไม่ถูก”

หยุนหว่านหนิงยื่นมือโบก พร้อมพูดขึ้นว่า “ถึงโม่หุยเฟิงจะเป็นโอรสของเสด็จพ่อกับเสด็จแม่ แต่เมื่อนับดูแล้วเสด็จพ่อแค่ให้ลูกอ๊อดเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้นเอง”

“ส่วนเสด็จแม่ อุ้มท้องสิบเดือน เลี้ยงดูมานานหลายปี”

โม่หุยเหยียนยังฟังไม่เข้าใจว่า ‘ลูกอ๊อดเพียงไม่กี่ตัว’ หมายความว่าอย่างไร

คำพูดของหยุนหว่านหนิงต่อจากนี้ ทำให้เขาโกรธแทบตายแล้ว

“ถึงท่านอ๋องของข้าจะเป็นน้องชายของโม่หุยเฟิง แต่เสด็จแม่เต๋ยเฟยเป็นคนคลอด ไม่เหมือนอ๋องฉู่ มีแม่คนเดียวกันกับโม่หุยเฟิง อยู่ใน‘ครรภ์’อันเดียวกัน”

นางยกมือกอดอก แสดงท่าทีสะใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “พวกเจ้าสองพี่น้อง ใกล้ชิดกันมาก”

“หากจะไม่ได้ตายดี อ๋องฉู่ก็ต้องรับไปก่อน?”

น่าขำ

โม่หุยเหยียนคิดอยากเถียงกับนาง?

กลับไปเป็นลูกอ๊อดอยู่ในครรภ์สิบเดือน ฝึกฝีปากให้เก่งก่อน แล้วค่อยคิดที่จะมาทะเลาะกับนาง

และแล้ว โม่หุยเหยียนโกรธโมโหจนสีหน้าแดงก่ำ พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้า เจ้ากำลังสาปแช่งให้ข้าไม่ได้ตายดีหรือ?”

“ใช่ ข้าพูดชัดเจนขนาดนี้แล้ว อ๋องฉู่ยังฟังไม่เข้าใจหรือ? เห็นทีช่วงนี้สุขภาพอ๋องฉู่ไม่ค่อยดี สมองเลยเสื่อมสภาพไปด้วย กลับไปเป็นลูกอ๊อดเถอะ”

หยุนหว่านหนิงยิ้มเย้ย

โม่หุยเหยียนโกรธโมโหจนแน่นหน้าอก

เขารู้ว่าเถียงหยุนหว่านหนิงไม่ไหว จึงหันไปพูดกับโม่เยว่ว่า “เจ้าเจ็ด”

“เจ้าให้ท้ายผู้หญิงของเจ้าเหิมเกริมขนาดนี้หรือ? เจ้าไม่คิดที่จะพูดอะไรบ้างหรือ?”

เขากำลังพูดว่าโม่เยว่ ว่ากล่าวตักเตือนหยุนหว่านหนิงบ้าง

ที่ไหนได้ โม่เยว่ขมวดคิ้ว พร้อมพูดขึ้นว่า “หนิงเอ๋อร์ ทำได้ดีมาก?”

โม่หุยเหยียน “เจ้า.....”

สองสามีภรรยาคู่นี้ ตั้งใจร่วมมือกันเพื่อให้โกรธตายแน่

ไม่เพียงเท่านี้ หยวนเป่าก็เริ่มปรบมือให้

เขาหน้าดวงตาเป็นประกายมองดูหยุนหว่านหนิง พร้อมพูดขึ้นว่า “ท่านแม่ ท่านพ่อบอกว่าข้าต้องเรียนรู้จากท่านแม่ให้มากๆ อะไรคือพูดคล่องโน้มน้าวจิตใจเก่ง ใช้วาจาเอาชนะเหล่านักปราชญ์ผู้รู้”

“วันนี้ข้ารู้แล้ว”

โม่หุยเหยียน “.........”

เพียงทิ่มแทงใจตรงไหน?

ราวกับลูกศรนับพันเล่มทิ่มแทงทะลุหัวใจต่างหาก

“ลูกชายแม่”

หยุนหว่านหนิงคุกเข่าลง พร้อมพูดขึ้นอย่างยิ้มแย้มว่า “ใช้วาจาเอาชนะเหล่านักปราชญ์ผู้รู้ ไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ตอนนี้ อย่างพวกท่านปู่ทวดของเจ้า ถึงสามารถเรียกได้ว่าเป็นนักปราชญ์”

“งั้นท่านลุงใหญ่ล่ะ?”

หยวนเป่ามองดูโม่หุยเหยียนแวบหนึ่ง พร้อมพูดขึ้นว่า “อยากรู้อย่างถ่อมตน”

“ท่านลุงใหญ่ของเจ้า?”

หยุนหว่านหนิงแลดูค่อนข้างลำบากใจ ยกมือเท้าคางพร้อมพูดขึ้นว่า “ถกเถียงกับท่านลุงใหญ่ของเจ้า เรียกว่าเป็นสงครามลิ้นไร้ยางอาย”

“ดังนั้นท่านลุงใหญ่เป็นผู้ชายไร้ยางอายหรือ?”

“ประมาณนั้น”

สองแม่ลูกถามตอบกัน หรูอวี้กับโม่เยว่ทำหน้าที่ปรบมือให้

โม่หุยเหยียนที่อยู่ด้านข้าง โกรธโมโหจนแทบหงายหลัง.....

“ทหาร”

หยุนหว่านหนิงร้องเรียกขันทีที่อยู่ไม่ไกลว่า “ดูเหมือนอ๋องฉู่จะไม่ค่อยสบาย รีบส่งตัวไปยังโรงหมอหลวง ให้หมอหลวงหยางช่วยตรวจดูอาการ”

ขันทีน้อยรีบวิ่งมาหา พร้อมประคองโม่หุยเหยียนจากไป

เดิมโม่หุยเหยียนไม่อยากที่จะจากไปแบบนี้

แต่หากตอนนี้ไม่ยอมไป เกรงว่าเดี๋ยวคงจะถูกหยุนหว่านหนิงทำให้โกรธจนตาย

ดังนั้นเขาจึงยกมือกุมหน้าอกแล้วหนีจากไป

กลับคิดไม่ถึงว่า ก่อนหน้านี้เคยล่วงเกินหมอหลวงหยางที่จวนอ๋องฉู่ พอไปถึงโรงหมอหลวง หมอหลวงหยางอ้างว่างานยุ่ง โยนเขาให้กับหมอหลวงเล็กคนหนึ่งในโรงหมอหลวง

ยังสั่งหมอหลวงเล็ก สามารถถือโอกาสลองฝึกฝังเข็มได้....

โม่หุยเหยียนโกรธจัด จึงไปแอบดู....

หมอหลวงหยางงานยุ่งตรงไหน?

เขาไม่เตรียมยา และก็ไม่ได้อ่านตำราแพทย์

ถือหนังสือเล่มเล็ก ดูอยู่อย่างมีความสุข

เป็นครั้งแรกที่โม่หุยเหยียนโกรธโมโหจนป่วย กลอกตาขึ้นบนแล้วก็หมดสติไป

……

ไม่นาน ผ่านไปแล้วสองวัน

ฮองเฮาจ้าวยังคงถูกมัดห้อยทิ้งไว้ในตำหนักร้างนั่น....ที่คู่ควรพูดถึงก็คือ คืนวันนั้นเชือกก็ขาดแล้ว ฮองเฮาจ้าวตกลงมาจนแทบขาดใจ

หลังจากฟื้นตื่นขึ้นมานางก็รีบวิ่งหนี

ที่ไหนได้เมื่อหนีกลิ้งคลานมาถึงข้างประตู ก็ถูก “ผีร้าย” หลอกตกใจถอยหนีกลับไป

ฮองเฮาจ้าวสลบไปอีกครั้ง

“ผีร้าย” หรูอวี้เอาเชือกเส้นใหม่ที่แข็งกว่าเดิมออกมา แล้วก็มัดห้อยฮองเฮาจ้าวไว้กับคานห้องอีกครั้ง

เขาทำตามที่หยุนหว่านหนิงสั่ง ป้อนน้ำให้กับนาง แล้วค่อยจากไป

นานติดต่อกันหลายวัน ฮองเฮาจ้าวแทบจะเป็นบ้าแล้ว

ข่าวที่นางหายตัวไป ก็รู้มาถึงหูโม่หุยเฟิง

หลายวันนี้ สำหรับโม่หุยเฟิงนั้น ถือว่าเวลาผ่านไปช้ามาก

เขายังคงไม่สามารถยอมรับความจริงที่ว่าเขาเป็นอัมพาต สั่งคนเขียนจดหมายกลับมาเมืองหลวงอย่างไม่พอใจ เล่าเรื่องทุกอย่างที่โม่เยว่กระทำให้โม่จงหรานรู้

แต่จดหมายที่ส่งออกไป ล้วนจมหายเงียบไป

เห็นเขาเงียบขรึมเศร้าหมองลงทุกวัน หยุนธิงหลานก็อดทนไม่ไหวแล้ว

“ท่านอ๋อง ท่านไม่ควรหมดอาลัยตายอยากแบบนี้”

นางกัดฟัน ช่วยโม่หุยเฟิงนวดขาไปด้วย พร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงต่ำ

หมอสั่งไว้แล้ว ต่อให้ขาทั้งคู่ของท่านอ๋องสามพิการไปแล้ว

แต่ก็ต้องนวดขาทั้งคู่ให้เขาทุกวัน เพื่อกระตุ้นให้เลือดหมุนเวียนได้ดี ขาทั้งคู่จะได้ไม่กลายเป็นแข็งกระด้าง

โม่หุยเฟิงไม่แม้แต่จะมองดูนาง และก็ไม่สนใจคำพูดของนาง

“แทนที่ท่านอ๋องจะหมดอาลัยตายอยาก สู้คิดหาวิธีเดินออกมาจากความยากลำบากดีกว่า หม่อมฉันรู้ว่าท่านอ๋องเกลียดแค้น แต่ในใจหม่อมฉันก็เกลียดแค้นเหมือนกัน”

คิดถึงคืนนั้นที่หยุนหว่านหนิงเหยียดหยามนาง.....

หยุนธิงหลานก็เกลียดแค้นอย่างมาก

“ตอนนี้เราอยู่ไกลถึงเขาซีเซียง ห่างจากเมืองหลวงหลายพันไมล์”

นางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พร้อมพูดต่อไปอีกว่า “หากเราอยากทำอะไร ทางเมืองหลวงไม่มีทางรู้แน่นอน ท่านอ๋องฉวยโอกาสนี้ รวบรวมกำลังขึ้นมาอีกครั้ง?”

ที่ผ่านมานางมีข้อตกลงกับหยุนหว่านหนิง ดังนั้นจึงสังเกตทุกความเคลื่อนไหวของโม่หุยเฟิง

มีอะไรเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อย ก็รีบส่งข่าวไปให้หยุนหว่านหนิง

แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน

นางจะไม่ใช่ไส้ศึกของหยุนหว่านหนิงอีกต่อไป แต่จะร่วมมือกับโม่หุยเฟิงเพื่อแก้แค้น

“เจ้าพูดนั้นง่าย”

โม่หุยเฟิงหัวเราะเย้ย พร้อมพูดขึ้นว่า “ตอนนี้ข้ากลายเป็นคนพิการแล้ว จะรวบรวมกำลังยังไงอีก?”

“สถานการณ์ของเสด็จแม่ตอนนี้ ไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรบ้าง หากไม่มีเสด็จแม่คอยช่วย ตำแหน่งท่านอ๋องของข้า ยังจะสามารถรักษาไว้ได้หรือเปล่าก็ไม่รู้”

หยุนธิงหลานหยุดคิดไปสักพัก แล้วก็พูดขึ้นว่า “แต่ว่าท่านอ๋อง.....”

“พอแล้ว”

โม่หุยเฟิงไม่อยากฟังนางพูดอีก จึงพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “ไสหัวออกไป”

ใบหน้าหยุนธิงหลานร้อนรุ่มไปหมด

นางลุกขึ้นมาอย่างน่าสงสาร มองดูเขาด้วยน้ำตาคลอ พร้อมพูดขึ้นว่า “ท่านอ๋อง ข้าหวังดีต่อท่าน ข้าตามท่านมาถึงเขาซีเซียงแสนไกล ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับท่าน”

“ข้าเคยบ่นว่าอะไรไหม?”

“พระชายาเสพสุขอยู่ในเมืองหลวง แค่ถามไถ่ห่วงใยท่านอ๋องไหม? ช่วงที่ผ่านมานี้ข้าดูแลท่านอ๋องด้วยตนเองทุกอย่าง.....”

ที่ไหนได้ สุดท้ายกลับได้มาเพียงคำก่นด่าของเขา?

โม่หุยเฟิงคนเลวคนนี้

“หยุนธิงหลาน”

โม่หุยเฟิงเงยหน้ามามองดูนาง พร้อมพูดขึ้นด้วยสายตาเย็นชาว่า “นังคนสารเลว เจ้าไม่รู้จริงๆหรือ เจ้าแอบทำอะไรลับหลังข้าบ้าง?”

เมื่อพูดออกมาเช่นนี้ สีหน้าหยุนธิงหลานเปลี่ยนไปทันที

นางหยุดร้องไห้ พร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงสะอื้นว่า “ข้าไม่เข้าใจความหมายของท่านอ๋อง...ข้า ข้าทำอะไรหรือ?”

“เจ้ายังจะแก้ตัว?”

โม่หุยเฟิงโกรธจัด ล้วงเอาสิ่งหนึ่งออกมาจากเอว โยนใส่หน้าหยุนธิงหลาน พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าดูเอาเอง นี่คืออะไร”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์