ได้ยินเพียงน้ำเสียงเย็นชา หยุนหว่านหนิงก็รู้แล้วว่าเป็นใคร
โม่เยว่
นางหันไปมอง พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้ากำลังลูบเขา”
โม่เยว่ “!!!”
โม่เหว่ย “…..พี่สาว เจ้าตั้งใจหาเรื่องหรือ?
เสียงเจ้าเจ็ดเมื่อกี้นั้นเห็นได้ชัดว่าผิดปกติ สีหน้าก็ผิดปกติ นางยังกล้าพูดตอบอย่างหน้าตาเฉย
ลูบเขา?
นางยังไม่ได้แตะต้องแม้เพียงชายแขนเสื้อของเขา?
โม่เยว่เดินมาใกล้อย่างโกรธโมโห โม่เหว่ยพยายามพูดอธิบายว่า “เจ้าเจ็ด เจ้าฟังข้าพูด…..”
ยังพูดไม่จบ ก็ถูกโม่เยว่ผลักไส เห็นได้ชัดว่าไม่อยากฟังเขาพูดอธิบาย เขาคว้าจับมือหยุนหว่านหนิง เอามาวางไว้บนหลังมือของตน พร้อมพูดขึ้นว่า “ลูบข้า”
หยุนหว่านหนิงกลอกตามองบน พร้อมพูดขึ้นว่า “ทำไม?”
“บอกให้เจ้าลูบก็ลูบสิ จะทำไมอะไรมากมาย?”
โม่เยว่โมโหมาก โมโหจนใบหน้ากระตุก
หากไม่ใช่เพราะตอนนี้มีคนอยู่เยอะ กลัวว่าจะทำให้หยุนหว่านหนิงโกรธโมโห เขาคงหั่นสับมือของโม่เหว่ยแล้ว
หน้าของความเป็นท่านอ๋อง ความเป็นพี่น้องกัน เขาล้วนไม่เอา
ไว้หน้าหยุนเจิ้นซง ล้วนไม่สนใจ
เพียงเห็นเมื่อกี้หยุนหว่านหนิงยื่นมือไปลูบมือโม่เหว่ย สายตาของเขาก็ลุกเป็นไฟ เห็นเพียงนางเกือบแตะถูกมือของโม่เหว่ยแล้ว
ในหัวสมองตอนนี้ ยังเต็มไปด้วยภาพเมื่อกี้
“ทำไม?”
หยุนหว่านหนิงไม่ยอมจับ ยังมองดูเขาด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ
โม่เยว่โกรธโมโหจนอกแทบระเบิด ยังต้องระงับอารมณ์โกรธไว้ พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าจับมือเขา แล้วก็มาจับมือข้า เรื่องเมื่อกี้ถือว่าจบกัน”
หยุนหว่านหนิง “…..ทำไม?”
วันนี้นางจะพูดว่าทำไมให้ถึงที่สุด ให้โม่เยว่เจ้าลาโง่คนนี้อกแตกตาย
ครั้งนี้โม่เยว่ไม่ตอบ ตรงมาคว้าจับมือนาง แล้วก็วางบนหลังมือของตนอย่างค่อนข้างรุนแรง
นี่ยังไม่นับ เขาใช้แรงขยับคว้าจับมือหยุนหว่านหนิงมาดมดู
พบว่ามือของนางยังเป็นกลิ่นหอมปกติที่คุ้นเคย ยังมีกลิ่นประจำของเขาด้วย ค่อยชักมือกลับอย่างพอใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “คราวหน้าห้ามทำแบบนี้อีก”
หยุนหว่านหนิงถามขึ้นอย่างไม่รู้เรื่องว่า “ห้ามทำอะไร?”
“ห้ามจับมือผู้ชายคนอื่น เสื้อผ้าก็ไม่ได้”
เขาพูดห้ามนางอย่างจริงจัง
หยุนหว่านหนิง “.....โม่เยว่เจ้ายุ่งไม่เข้าเรื่องมากเกินไปไหม?”
อย่าว่าแต่นางไม่ได้ตั้งใจจะแตะต้องผู้ชายคนอื่น นางไม่ได้โรคจิต....คนมากมายเต็มถนน หากแตะต้องโดยไม่ได้ตั้งใจ ไม่เท่ากับเป็นการสัมผัสโดนเสื้อผ้าคนอื่นหรือ?
“หากข้าสัมผัสโดนแล้วล่ะ?”
“งั้นข้า.....”
โม่เยว่ค่อยๆเผยรอยยิ้มอย่างร้ายกาจ พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าก็จะตัดมือของเขา จุดไฟเผาเสื้อผ้าของเขาให้กลายเป็นขี้เถ้า”
หรืออาจจะจุดไฟเผาผู้ชายคนนั้นให้กลายเป็นขี้เถ้า
“ชั่วร้าย”
โม่เหว่ยยกชูนิ้วโป้งขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นว่า “แต่ว่า เจ้าเจ็ดเจ้าปัญญาอ่อนมากเลย”
ไม่เพียงปัญญาอ่อน ยังเผด็จการ เอาแต่ใจ หมกมุ่น ก้าวร้าว
คำมากมายปรากฏอยู่ภายในหัวสมอง โม่เหว่ยส่ายหัว พร้อมเอามาไขว้หลังเดินจากไป
เมื่อกี้โม่เยว่เดินเเข้ามา สีหน้าก็บึ้งตึง เดินผ่านฝูงคนมาอย่างโกรธโมโห พุ่งตรงไปยังหยุนหว่านหนิงกับโม่เหว่ย
ดึงดูดสายตาแขกมากมาย
อ๋องหมิงก่อกวนวุ่นวายกับพระชายาหมิงอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า ทุกคนต่างเห็นด้วยตาตนเอง
ล้วนต่างนิ่งอึ้งคาดไม่ถึง
ที่แท้ อ๋องหมิงที่ปกติสูงศักดิ์ ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ เวลาอยู่ต่อหน้าพระชายาหมิงกลับเป็นเช่นนี้หรือ?
เหมือนอ๋องหมิงที่สุขุมน่ากลัวตรงไหน?
เห็นได้ชัดว่าเหมือนเด็กสามขวบ ปัญญาอ่อนไม่มีเหตุผลคนหนึ่ง
บางที....พระนัดดาองค์โตยังดูเป็นผู้ใหญ่กว่าเขา
ทุกคนหันมามอง เห็นหยวนเป่ากำลังกระซิบพูดกับโม่ฮั่นอี่ว์อย่างตั้งใจ โม่ฮั่นอี่ว์เองก็พยักหัวอย่างจริงจัง บ่งบอกว่าเห็นด้วยกับหยวนเป่า
แขกทุกคน “......”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์
อัพใหม่เถอะค่ะ...
เมื่อไรจะอัพเพิ่มคะ ฮือ รอนานมากแล้วววว...
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 353 - 430 หายไปไหน หายยาววววมากกกก...
รอตอนต่อไปจ้า...
สนุกดีอ่านแล้วขำ 555...