"วันนี้เป็นวันประสูติของเต๋อเฟย แถมเป็นคนโปรดที่สุดของโม่จงหราน ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่โม่จงหรานจะปฏิบัติต่อนางแตกต่างออกไป"
ฮองเฮาจ้าวระงับความโกรธที่ปั่นป่วนในใจ ยิ้มจางๆ “ใกล้จะถึงเวลาแล้ว พวกข้าก็ควรไปแล้ว! ปล่อยให้โม่จงหรานรอพวกข้าไม่ได้”
"ครับ ค่ะ เสด็จแม่"
ทั้งสี่เดินตามหลังนาง ตามด้วยคนรับใช้
ไปที่ตำหนักไท่เหอด้วยความยิ่งใหญ่เกรียงไกร
เมื่อคืนตอนค่ำๆหิมะถึงค่อยๆหยุดตก พระราชวังถูกปกคลุมไปด้วยหิมะที่หนาทึบ
พระอาทิตย์อัสดงยังตกไม่หมด ขอบฟ้าก็ปกคลุมไปด้วยแสงระเรื่อที่งดงาม ราวกับมีคนตัดกระดาษสีส้มแดงเป็นชิ้นๆ กระจัดกระจายไปตามขอบฟ้า
คืนฤดูหนาว มาอย่างเงียบๆและรวดเร็ว
หิมะในอี้ว์ฮวาหยวน ถูกคนรับใช้กวาดเส้นทางหนึ่งออกมาแล้ว
ภายระเบียงทางเดินรอบวัง ใต้ชายคา และบนยอดไม้ ล้วนประดับประดาด้วยโคมเล็กๆ
ขณะนี้ โคมวังยังไม่ได้ถูกจุด
โยกไปมาตามแรงลม สวยงามยิ่งนัก
ฮองเฮาจ้าวและคนอื่นๆ เข้าไปในตำหนักไท่เหอก่อน
เมื่อถึงยามเซิน ในตำหนักเต็มไปด้วยขุนนาง แม่ทัพและครอบครัวของพวกเขา เมื่อเห็นฮองเฮาจ้าวพวกเขาเข้ามา ก็รีบยืนขึ้นคารวะ ฮองเฮาจ้าวยิ้มและบอกว่าไม่ต้องเกรงใจเช่นนี้
พวกเขาพึ่งนั่งลง โม่จงหรานก็พาเต๋อเฟยและคนอื่นเข้ามา
ฮองเฮาจ้าวก็รีบลุกขึ้นยืนคารวะ
เต๋อเฟยเป็นเจ้าของวันเกิด นั่งซ้ายขวาโม่จงหรานคนละข้างกับฮองเฮาจ้าว
ทุกคนเห็นเพียงว่าฮองเฮาจ้าวเข้ามาก่อน แต่เต๋อเฟยกลับเข้ามาพร้อมกับฝ่าบาท……
ทันใดนั้น สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไปหมด
หลายปีผ่านไป ไม่รู้ว่าฮองเฮาทนมาได้อย่างไร
โม่จงหรานกล่าวเปิดงาน นางรำเข้ามาในตำหนักและเต้นอย่างสง่างาม
นี่เป็นครั้งแรกที่หยุนหว่านหนิงได้เข้าร่วมงานเลี้ยงวังในรอบสี่ปี
นางถูกกักขังบริเวณมาเป็นเวลาสี่ปี คนในเมืองหลวงก็จะลืมแล้วว่า ยังมีคนเช่นนางอยู่ด้วย เมื่อครู่เห็นนางเดินอยู่ข้างหลังเต๋อเฟย และมาเคียงข้างกับโม่เยว่ ดวงตาของทุกคนก็กะพริบเล็กน้อย
ก็เดาได้ในทันทีว่า คนที่ปรากฏอยู่ต่อหน้าทุกคนนี้คือพระชายาหมิงที่พึ่ง "หายดี" ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา
เสียงดนตรีปกคลุมเสียงของทุกคนไป
ขุนนางหลายท่านดื่มเหล้า พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
ผู้หญิงสามถึงห้าคนอยู่กับเป็นกลุ่มๆ พูดคุยนินทากัน
“หลังจากหายไปสี่ปี พระชายาหมิงกลับยิ่งสวยขึ้นไปกว่าเดิม! พวกเจ้าดูผิวของนางสิ ขาวยิ่งกว่าหิมะ นุ่มนวล แม้แต่พระชายาหยิงยังเทียบกับนางไม่ได้เลย!”
“ใช่! ในตอนนั้น พระชายาหยิงเป็นสาวงามที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวง!”
“เดิมที ข้ายังคงเสียใจกับเรื่องระหว่างท่านอ๋องหมิงกับพระชายาหยิง แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า……ชายชราสูญเสียม้า แต่กลับเป็นโชคอันยิ่งใหญ่!” (ชายชราสูญเสียม้า แต่กลับเป็นโชคอันยิ่งใหญ่=แม้จะสูญเสีย แต่ก็กลับได้อะไรดีมากแทนก็ได้)
เหล่าผู้หญิงทั้งหลายอยู่ไม่ไกลจากฉินซื่อเสวียนัก
เดิมทีนางก็แอบฟังอยู่แล้ว และเมื่อได้ยินเรื่องที่พวกผู้หญิงพูด สีหน้าของนางก็แข็งทื่อลงทันที
จะนินทาหยุนหว่านหนิง ไม่มีคนห้ามพวกเขา!
แต่ทำไมต้องเอานางไปพูดด้วย? !
เมื่อเทียบกับหยุนหว่านหนิงแล้ว ตอนนี้นางเทียบกับหล่อนไม่ได้จริง……แต่ แต่อย่างน้อยนางก็ได้ให้กำเนิดลูกสาวสองคนแล้ว คลอดลูกคือคนหนึ่ง ก็เหมือนผ่านประตูนรกมา ก็แก่ขึ้นหน่อยบ้าง
หยุนหว่านหนิงยังไม่เคยมีลูกสักคนเลย จะมาเทียบกับนางได้อย่างไร? !
แต่เมื่อฟังการสนทนาที่อยู่เบื้องหลัง นางก็รู้สึกเจ็บใจยิ่งนัก
หลังจากนั้นไม่นาน ฉินซื่อเสวียก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป ลุกขึ้นและออกไปจากตำหนักไท่เหอ
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง นางกำนัลคนหนึ่งก็เข้ามา และกระซิบข้างหูโม่เยว่ไปสองสามคำ
เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย และจากไปอย่างรวดเร็ว
ภายใต้สายตาที่แปลกประหลาดของทักคน หยุนหว่านหนิงก็ยังคงสงบนิ่งเหมือนเดิม
สายตาที่สำรวจ ตกตะลึง หรือเป็นมิตรเหล่านี้ นางไม่ได้รู้สึกมีภาระในใจเลย เพียงแค่มองหน่อย ไม่สูญหายเนื้อชิ้นหนึ่งสักหน่อย
แต่ขนมในวังนี้อร่อยมากจริงๆเลย
เหล้าผลไม้ ก็รสชาติดีจริงๆ
เผลอๆ นางก็ได้ดื่มเหล้าผลไม้ไปครึ่งหนึ่งแล้ว
ในเวลานี้ ก็มีนางกำนัลหน้ากลมเดินมาข้างนาง และพูดคำหนึ่งกับนางด้วยเสียงเบา
“ออ?”
หยุนหว่านหนิงเลิกคิ้วขึ้นและวางแก้วเหล้าในมือลง “เจ้าเห็นกับตารึ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์
อัพใหม่เถอะค่ะ...
เมื่อไรจะอัพเพิ่มคะ ฮือ รอนานมากแล้วววว...
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 353 - 430 หายไปไหน หายยาววววมากกกก...
รอตอนต่อไปจ้า...
สนุกดีอ่านแล้วขำ 555...